บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 136
บทที่136 คนจากตระกูลหยุน
เสียงนกร้องเซ็งแซ่ เจ้าพุทราตากแดดจนเพลียทำเพียงเลียแล้วเลียอีกที่อุ้งเท้า นอนหงายท้องครอบครองมุมหนึ่งของขาโต๊ะ
กู้อ้าวเวยอดหลับอดนอนทั้งคืน ก็เพื่อที่ต้องการจัดเตรียมใบสั่งยาที่จะส่งไปที่สำนักเยียนหยู่เก๋อให้เรียบร้อย แก้ไขอย่างละเอียดอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าการทาบนใบหน้าแล้วจะดีอย่างไร แต่อย่างน้อยก็จะไม่เหมือนกับแป้งฝุ่น และยิ่งไม่ทำลายผิวพรรณด้วย
แล้ววางพู่กันไว้ข้างๆ นางเพียงเรียงลำดับใบสั่งยาและยาสมุนไพรออกอย่างละเอียดและวางไว้อย่างดี
“เมี๊ยว” เจ้าพุทราบิดตัวไปมา กู้อ้าวเวยจำต้องเอื้อมมือไปลูบที่พุงน้อยๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพียงนำของทุกอย่างวางไว้ในกล่องแล้ว ก็อุ้มเจ้าพุทราไปที่ห้องครัวอีกครั้ง ชิงต้ายนำอาหารเช้าที่ยังไม่ได้กินไปอุ่นเพื่อนาง และกลัวว่านางจะทานไม่อิ่ม เพียงอบข้าวหน้าหมูให้นางทาน
เมื่ออิ่มหนำสำราญ ฉีหรัวถึงเพิ่งพาคนที่ไม่ได้ออกไปก่อความวุ่นวายที่ไหนอีกอย่างฉีหลินเข้ามา
นางเพียงแค่ส่งกล่องไว้บนมือของฉีหรัว ฉีหรัวหัวเราะเพียงเบาๆ: “ไม่เคยคิดเลยว่าใบสั่งยาของสูตรบำรุงผิวนี้จะดีมาก เพียงแต่ว่าคุณสมบัติไม่มากนัก แต่ก็สามารถซื้อในราคาที่เหมาะสม”
“แน่นอน นี่ต้องฝนอย่างละเอียด และยังต้องใส่ใจกับสัดส่วนด้วย” ฉีหลินที่อยู่ข้างๆก็แกล้งตั้งใจสูดดม กล่องที่ย้อมไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้แน่นอนว่าน่าดมดี เพียงแต่กลิ่นนั้นค่อนข้างเจือจางแต่กลับผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
“แต่เพียงแค่สามารถใช้ได้ ก็ถือได้ว่าขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของสำนักเยียนหยู่เก๋อ” กู้อ้าวเวยหาวอย่างเกียจคร้าน เมื่อเห็นฉีหรัวและฉีหลินกำลังศึกษาสูตรนั้น ก็เพียงจับนวดข้อมือที่ปวดเมื่อย แล้วพูดต่อ: “พวกเจ้าดูไปก่อน ข้าจะไปนอนหลับก่อน”
“เดี๋ยวก่อน“ ฉีหรัวรีบเรียกหยุดนางไว้ จากนั้นจึงหยิบทองคำสองก้อนและตั๋วเงินแปดร้อยตำลึงวางลงบนมือนาง: “เจ้าก็ช่วยพวกข้าสำนักเยียนหยู่เก๋อออกแบบมากมาย เงินเล็กน้อยพวกนี้ถือว่าเป็นน้ำใจ”
ฉีหลินเบิกตาโตมองไปยังฉีหรัว เงินแปดร้อยตำลึงนี้ถือเป็นจำนวนที่มากมาย
กู้อ้าวเวยยอมเก็บไว้โดยไม่คิดเล็กคิดน้อย และขอให้ชิงต้ายเก็บเงินตำลึงนี้ไว้ หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า: “เอาเงินห้าร้อยตำลึงส่งไปที่ตำหนักอ๋อง จากนั้นก็เอาทองไปเชิญแม่ครัวทั้งสองคนกลับมา”
“ขอรับ” ชิงต้ายก้มตัวเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยเดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วนอนลงโดยที่ยังไม่ถอดชุด แต่หลังจากนั้นไม่นานก็นอนหลับสนิท
ฉีหลินในลานบ้านกลับไม่ได้เตรียมตัวที่จะกลับไป เพียงอุ้มเจ้าพุทราอาบแดดไว้ มีเพียงฉีหรัวที่ถอนหายใจเบาๆ แล้วดึงชิงต้ายไว้: “นางอยู่แต่ในบ้านไม่ก้าวข้ามประตูออกไปไหน เกรงว่าคงไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้าง”
“เกิดอะไรขึ้น?” ชิงต้ายแปลกใจ
“ถึงข่าวลือเรื่องปีศาจจิ้งจอกจะถูกระงับแล้ว แต่ตอนนี้ข่าวที่ว่าซูพ่านเอ๋อได้รับความโปรดปรานอีกครั้งได้ถูกส่งเข้าไปในวัง เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อสักครู่ ท่านอ๋องได้เข้าวังไปแล้ว ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงไม่มาหานาง” พูดแล้ว สายตาฉีหรัวก็มองไปยังห้องนอนของกู้อ้าวเวย
นางบอกกล่าวให้ชิงต้ายฟัง ก็เพื่อที่จะให้ชิงต้ายเป็นหูเป็นตาระมัดระวังให้
ชิงต้ายรับรู้แล้ว ฉีหรัวถึงได้จากไป
……
ในขณะเดียวกัน ลานหลักของตำหนักอ๋อง
ซู่พ่านเอ๋อนอนตะแคงอยู่บนตั่งนุ่มๆอย่างภาคได้ใจ อีกข้างจิ่นซิ่วกำลังรับใช้ปรนนิบัติให้นางทานขนมหวาน นางอ้าปากรับด้วยความเกียจคร้าน ถามอย่างไม่ตั้งใจ: “กู้อ้าวเวยจะเป็นที่โปรดปรานขนาดไหน ก็เทียบไม่ได้กับเหล้าจอกนั้นของข้า ช่างเป็นที่น่าขำจริงๆ”
“ใช่แล้วๆ แม้ว่านางจะนั่งอยู่ในตำแหน่งของพระชายา ทุกวันกลับวุ่นวายอยู่แต่ในจี้ซื่อถาง(ร้านขายยา) ทั้งหัวหน้าพ่อบ้านลูกเล็กเด็กแดงไม่น้อยต่างนำเรื่องของนางไปเล่าเป็นเรื่องตลก ไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย” จิ่นซิ่วประจบประแจง ขอเพียงแค่ซูพ่านเอ๋ออารมณ์ดี ค่าตอบแทนที่พวกเขาจะได้รับก็คงไม่ไปไหนเสีย
“เพียงแต่ กู้จี้เหยาช่วงนี้อยู่ไม่นิ่ง ใช้ประโยชน์จากช่องว่างที่ท่านเว้นไว้กับท่านอ๋อง นางพยายามที่จะยั่วยวนท่านอ๋อง” จิ่นซิ่วพูดต่อทันที
ซูพ่านเอ๋อตัวแข็งเกร็ง หัวใจเย็นชาไปทั้งดวง
แต่เดิมนางคิดว่ากู้จี้เหยาคนนี้ก็คงเป็นแค่คนโง่เง่า หากสามารถดึงนางเข้ามาในตำหนักอ๋องได้ก็เพื่อจัดการกับกู้อ้าวเวย กลับนึกไม่ถึงว่าสาวน้อยข้างกายกู้ฮูหยินที่ส่งมานั้นจะหัวแหลมเช่นนั้น กลับกลายเป็นว่าให้กู้จี้เหยาในช่วงนี้ไม่มาพบกับนาง แต่ไปตีสนิทกับท่านอ๋องโดยตรง
หากตอนนี้กู้อ้าวเวยได้รับความรักจากท่านอ๋อง รักใครก็รักของๆเขาด้วยโดยปริยายและก็คงไม่พูดคำพูดเย็นชาต่อกู้จี้เหยา
“ตอนนี้ตัวนางอยู่ที่ไหน?” ซูพ่านเอ๋อขยับตัวลุกขึ้นจากตั่งนุ่ม
“ตอนนี้ยังอยู่ในวิหารชีงเฟิงเพคะ ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้จะคอยตีสนิทกู้เหยียนจือตลอด แต่ข้ามองดูแล้ว กู้เหยียนจือนั่นดูแล้วค่อนข้างซื่อตรง ดวงตาคู่นั้นยังคงสดใส กับกู้จี้เหยาไม่ได้มีความสนิทสนมกันเลย ดีแค่กับพระชายาเพียงคนเดียว” จิ่นซิ่วรีบหยิบถ้วยไปไว้อีกข้างด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันหากซูพ่านเอ๋ออารมณ์ไม่ดี แล้วโยนถ้วยอีก
ซูพ่านเอ๋อรู้สึกโล่งใจ เพียงแค่สะบัดปลายนิ้วของเธอ
แต่ก็ไม่รู้ว่ากู้จี้เหยาคนนี้ในวันหน้าจะเป็นตัวปัญหาหรือเป็นผู้ช่วยกันแน่ คิดทบทวนสักพัก ตราบใดที่นางยังปีนขึ้นบนเตียงของซ่านจินจื๋อไม่ได้ ดูเหมือนว่าก็จะไม่สามารถสร้างคลื่นลมได้ จากนั้นถึงได้พูดขึ้น: “ข่าวลือของข้างนอกเป็นอย่างไรแล้ว?”
“ข่าวซุบซิบกระจายแล้วเกินครึ่ง แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่พูดถึงแต่พระชายาจิ้งยกย่องฝีมือนางที่สามารถรักษาคนเจ็บให้หายเป็นปกติได้ หัวใจพระโพธิสัตว์” น้ำเสียงของจิ่นซิ่วขณะพูดค่อยๆเบาลง กลัวว่าซูพ่านเอ๋อจะโมโห
แต่ซูพ่านเอ๋อกลับไม่มีเศษเสี้ยวของความโมโห เพียงแค่ยิ้มเยาะ: “ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางเป็นหมอเทวดาไป ขอเพียงแค่ท่านพี่จื๋อเป็นของข้าก็พอ”
ยกคางขึ้นอย่างได้ใจ นางนั่งลงพักผ่อนบนตั้งสักพักใหญ่แล้ว ไม่ถามเรื่องราวใดๆอีก
ขอเพียงแค่นางสามารถได้ซ่านจินจื๋อไว้ ชื่อเสียงของกู้อ้าวเวยไม่มีผลใดๆต่อนางทั้งนั้น
และเมื่อดวงจันทร์ลอยอยู่บนนภา ดวงดาวส่องประกายในเวลานั้น กู้อ้าวเวยกลับได้รับการเตือนจากชิงต้ายว่าจะต้องไปช่วยเหลือที่ตำหนักองค์ชายสี่ในวันพรุ่งนี้ มือสังหารที่นำกลับมาก่อนหน้านี้ยังคงถูกจับตาดูจากเฉิงยีเฉิงเอ้อ
นางแค่เพียงสุ่มหยิบเสื้อคลุมมาคลุมลวกๆจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน แล้วมาถึงประตูหน้าบ้านหลังนั้น
เฉิงยีเฉิงเอ้อหมุนเวียนสับเปลี่ยนเวรกัน ตอนนี้เฉิงเอ้อเมื่อเห็นนางต้องการเข้าไป เพียงดึงประตูเปิดออก ข้างในบ้านก็ไม่รู้ว่ากรงเหล็กถูกเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ กู้อ้าวเมื่อเห็นข้างในมืดสลัว เพียงสั่งให้หยินเชี่ยวจุดตะเกียง
“จิ้ง……พระชายาจิ้ง?” ฉับพลันที่มีแสงสว่างทำให้หลายคนต้องปิดตา กู้อ้าวเวยจำต้องใช้แขนเสื้อที่กว้างปิดกั้นแสงไว้ นั่งยองๆอยู่ด้านนอกกรงเหล็กมองที่พวกเขา: “ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามากันแน่?”
“พวกข้าทุกคนถูกวางยาพิษ โดยบอกให้พวกข้าต้องปกป้องท่านให้ดี ให้รอจนกระทั่งท่านกลับไปยังบ้านเกิด พวกข้าถึงสามารถกลับไปรับยาแก้พิษได้” ในกลุ่มคนที่ผอมและอ่อนแอคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
กลับบ้านเกิด?
กู้อ้าวเวยยกยิ้มขึ้น เพียงเอียงศีรษะและมองทุกคนที่อยู่ภายใน: “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ก่อนหน้านั้นพวกเจ้าทำอะไรกันบ้าง?ทำไมถึงถูกวางยาพิษ”
มือสังหารพึมพำ กู้อ้าวเวยทำเพียงปัดที่ชายกระโปรงเบาๆแล้วยืนขึ้น: “ในร่างพวกเจ้าได้รับยาพิษ หน้าอกเหมือนดั่งโดนมดกัด หากว่ายังล่าช้าอีกห้าถึงหกวัน คงจะสิ้นลมหายใจ”
“ข้าพูดแล้ว! ก่อนหน้านั้นข้าเป็นโจรบนภูเขา แต่นั่นก็ถูกบังคับเพื่อทำมาหากิน……”
“ก่อนหน้านั้นข้าเป็นขโมย”
ทั้งห้าคนค่อยๆเล่าเรื่องที่บ้านออกมา เป็นจริงอย่างที่คิดทุกคนต่างก้เคยทำเรื่องที่ไม่ค่อยดีกันมาก่อน เพียงแต่ดูจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ฝีมือของแต่ละคนนั้นก็แค่ปานกลาง ท้ายที่สุดก็ยังทำให้ซ่านเซียนหยวนบาดเจ็บได้ แต่เมื่อได้รู้คำตอบ ขวดหยกหนึ่งขวดก็ถูกนางโยนเข้าไปข้างใน: “ยานี้สามารถระงับพิษได้ชั่วคราว พวกเจ้ากลับตระกูลหยุนไปรายงาน ในอีกไม่กี่วัน ข้าจะออกเดินทาง ส่วนยาแก้พิษ พวกเจ้าจะได้รับอย่างแน่นอน”
“มือสังหารทั้งหลายซึ้งใจจนร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา มีเพียงกู้อ้าวเวยที่หน้าคว่ำ คิดเรื่องเพ้อเจ้อ