บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 138
บทที่138 พอใจในสิ่งที่ตนเองมี
ปวดกระดูกจนหันมาไม่ได้
“ให้เจ้ามาที่ตำหนักขององค์ชายสี่เพื่อดูความเรียบเล็กๆน้อยๆ แต่กลับไม่ได้ระวังตัวเองแม้แต่น้อย”
น้ำเสียงของซ่านจินจื๋อดูจะโกรธเล็กน้อย กู้อ้าวเวยทำเพียงเหล่ตาเท่านั้น และวางมือทั้งสองข้างที่หน้าอกและหน้าท้องของตน แต่กลับรู้สึกได้ว่าซ่านจินจื๋อนั้นโอบกอดตนด้วยการกระทำอย่างแรง และดูเหมือนว่าจะไม่พอใจนางในการกระทำอันกล้าหาญนี้
กู้อ้าวเวยเหลือบสายตาไปข้างไม้ที่ร่วงหล่นลงมา และผู้คนรอบข้างก็ล้อมรอบเข้ามา
ลี่วานรีบมาพร้อมกับสองสาวใช้ และดูเหมือนจะมาทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้
“พระชายา ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม” ลี่วานเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่เป็นไร เพียงแต่ไม้นั้นไม่มั่นคง ข้าคิดว่าด้านบนนี้ ควรจะต้องคิดหาวิธีแก้ไข” แต่ถึงอย่างไรกู้อ้าวเวยก็ไม่ได้ออกจากอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ แต่แค่ยึดไหล่ของซ่านจินจื๋อและเหยียดตัวตรง และตบไปที่หัวไหล่ของท่านอย่างปลอบใจ: “ว่าแต่ว่าท่านอ๋อง ท่านมาได้อย่างไร?”
“หยวนเอ๋อเรียกให้ข้ามา” ซ่านจินจื๋อเพียงแต่ประคองคนให้มั่น
นี่กู้อ้าวเวยช่างแปลกจริง ๆ เมื่อกี้ยังร้องอุทานอยู่เลย ตอนนี้เพียงแค่เห็นไม้ร่วงลงที่พื้น แต่กลับสามารถโล่งใจในทันที
“เพราะอะไร? เจ้ากลัวว่าข้าจะทำพังหรือ?” กู้อ้าวเวยนิ้วชี้ที่ตัวเอง
ซ่านจินจื๋อเพียงมองออกไปทางที่ลี่วาน
หลังจากที่พูดคุยกันมาตั้งนาน ปรากฎว่าท่านอ๋องและ ฉีหรัวต่างก็เป็นห่วงในเรื่องเดียวกัน
ดูเหมือนว่า หลังจากที่องค์ชายสี่แต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้เรื่องที่เคยทำกันเกรงว่าจะไม่สามารถทำได้แล้ว
เหลือบมองไปที่ด้านบน และนางก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะวางแผนเรื่องนี้ อีกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ เพิ่งจะหาเจอฉีหรัวที่ยังมีอาการตกใจกลัวอยู่ และรีบดึงตัวนางเข้ามา: “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร” ฉีหรัวตบที่หน้าอก แต่กลับมองไปทางด้านลี่วาน
ส่วนลี่วานนั้นดูเหมือนจะถูกซ่านจินจื๋อสะกดให้อยู่ที่เดิม นอกจากประโยคเมื่อสักครู่แล้ว กลับกลายเป็นว่าประโยคเดียวก็ไม่กล้าพูดออกไป
ลี่วานนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีปัญหา แต่ฉีหรัวก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูดถึงชายาในภายหน้าขององค์ชายสี่
ซ่านจินจื๋อกลับมองลี่วานด้วยสายตาที่เย็นชา และในที่สุดก็พากู้อ้าวเวยออกจากที่นั่น แล้วโยนกลับเข้าไปในรถม้า ก็พูดต่อ: “หลังจากงานอภิเษกของหยวนเอ๋อ จะต้องออกเดินทางไปที่หลิ่งหนานตระกูลหยุน”
“โอ้” กู้อ้าวเวยลูบข้อมือที่เจ็บ แล้วก็พยักหน้า
“หลังจากนั้นข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าที่หน้าผาไป๋เฉ่าเพื่อเอายา” ซ่านจินจื๋อยังพูดต่อไป
กู้อ้าวเวยประหลาดใจเล็กน้อย และจากนั้นนางก็คิดขึ้นได้ว่าเพราะอะไรทำไมถึงเข้ามาในตำหนักอ๋อง และเพราะอะไรทำไมกับซ่านจินจื๋อถึงกลายมาเป็นความสัมพันธ์เช่นนี้
เพียงการหัวเราะเยาะตนเอง กู้อ้าวเวยก็เรียกให้รถม้าหยุดทันที และกระโดดลงมาจากรถม้าในทันที
“ข้าอยากเดินกลับตำหนักอ๋อง และท่านอ๋องก็ไม่จำเป็นต้องรอข้า“ นางพูดจบประโยคก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ในรถม้า โดยไม่พูดอะไรสักพัก
หัวใจของกู้อ้าวเวยก็ไม่ใช่ทำจากเหล็ก เมื่อเวลาที่มันเจ็บ มันก็เจ็บเป็นเหมือนกัน
ฉีหรัวทำได้เพียงมองทุกอย่างอยู่ในสายตาเท่านั้น แต่กลับมองไม่ออกว่าท่านอ๋องจิ้งและกู้อ้าวเวยต่อจากนี้จะเข้าหาได้อย่างไรกันแน่
“คุณหนู ท่านชายน้อยกำลังตามหาท่าน บอกว่าจะพักค้างคืนในตำหนักองค์ชายสี่ เกรงว่าเขาจะไปดื่มเหล้าอีก จึงถามท่านว่าคิดเห็นอย่างไร?” บนถนนข้างๆก็มีผู้ช่วยของสำนักเยียนหยู่เก๋อวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“แน่นอน แต่ว่าต้องให้เขาระวังลี่วานด้วย ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อกรด้วย” ฉีหรัวพูดด้วยใบหน้าเย็นชา เพียงแค่กลับไปที่สำนักเยียนหยู่เก๋อ เพียงหวังว่าเมื่อถึงวันงานอภิเษกขององค์ชายสี่ ไม่ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นดีที่สุด
กลับเข้าไปที่วิหารเฟิ่งหมิง กู้อ้าวเวยก็ปิดประตูส่งแขกทันที ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้เข้าไปสร้างความรำคาญอีก
ซูพ่านเอ๋ออันที่จริงยังอยากกะหนุงกะหนิงนัวเนียกับซ่านจินจื๋อต่อ แต่กลับไม่สามารถเอาชนะความสนใจที่ซ่านจินจื๋อมีต่อองค์ชายสี่ได้
ฉับพลันเวลาหลายวันก็ผ่านไป
ก่อนวันงานแต่งงาน ฉีหลินก็คอยเฝ้าดูซ่านเชียนหยวนทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อไม่ให้เจ้าตัวดื่มเหล้า กระทั่งวันนี้ ซ่านเชียนหยวนเองก็ไม่ได้ดื่ม เพียงแต่นำดาบของตนเองมาห้อยรอบเอว และถามฉีหลิน: “เจ้าว่า ข้าควรพอใจในสิ่งที่ตนเองมีหรือว่าจะลองสู้ดู?”
ฉีหลินเพียงหัวเราะเบาๆ: “สู้กันไปสู้กันมา ไม่ดีกว่าหรือที่จะพอใจในสิ่งที่ควรจะเป็น ข้ารู้ว่าหลายวันมานี้เจ้าเป็นกังวลเรื่องการสู่ขอลี่วาน แต่นั่นเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง มีตรงไหนที่ไม่คู่ควรกับเจ้า
“แต่ข้า……”
“เจ้าก็ยังไม่มีคนในดวงใจ นี่ก็เป็นเรื่องที่ดี ” ฉีหลินตบที่หัวไหล่ของเขา หายากที่จะดึงหน้าตึงเช่นนี้
งานแต่งของพวกเขาในวันข้างหน้าล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว ฉีหลินถึงจะหนีไปได้หนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสามารถหนีได้ และก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่คนสำคัญอย่างกู้อ้าวเวยจะสามารถช่วยเหลือได้ และซ่านเชียนหยวนก็เช่นเดียวกัน
กู้อ้าวเวยช่วยให้เขาหลุดพ้นและสามารถสู่ขอลี่วานมา ทำให้ไม่ต้องตกแต่งสายลับมาเคียงข้างกาย นี่ก็สำเร็จมาก้าวหนึ่งแล้ว
วันข้างหน้า ก็คงทำได้แค่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี
ซ่านเชียนหยวนจ้องมองที่ฉีหลิน ไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายอย่างตนจะกลายมาเป็นพี่น้องกับคนอันธพาลได้ เพียงหัวเราะเท่านั้น: “ไหนๆก็ดื่มเหล้าไม่ได้แล้ว ข้าว่าไปวิหารเฟิ่งหมิงหากู้เหยียนจือฝึกดาบไม่ดีกว่าหรือ? จะได้เอาความโกรธทุกอย่างระบายออกไปถึงจะดี!”
“วันนี้เจ้าใหญ่ที่สุด ตามใจเจ้า!” ฉีหลินหัวเราะหึหึ
ทั้งสองคนที่บ้าๆบอๆก็ไปลากกู้เหยียนจือที่กำลังประดิษฐ์ตัวอักษรถึงวิหารเฟิ่งหมิงขึ้นมา อาศัยตอนที่หยินเชี่ยวชิงต้ายเปิดประตูออก กู้อ้าวเวยที่กำลังจัดชามบนโต๊ะหินกำลังเลือกชามที่ไม่ดีแล้วโยนทิ้ง: “พวกเจ้าทำไมถึงมากันได้? วันพรุ่งนี้เจ้าต้อง……”
“ดังนั้นจึงต้องปลดปล่อยๆ หลังจากวันนี้ ข้าไม่สามารถมาได้แล้ว” ซ่านเชียนหยวนหัวเราะอย่างปลดปล่อย เดินไปตรงหน้าของกู้อ้าวเวย จึงสังเกตเห็นว่าชามที่นางถืออยู่ก็คือยาต้ม เกิดความสงสัย ไม่สบายหรือ?
“เมื่อวานเป็นหวัดเข้า” กู้อ้าวเวยคลึงจมูกไปมา แต่ก็ไม่รู้จริงๆไม่ว่าตนจะอยู่ที่ไหนกินอาหารมากมายขนาดไหน แต่ก็ไม่ทำให้อ้วนเลย และที่สำคัญ โรคนี้จำนวนคนที่ป่วยยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่: “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง วันนี้ได้ดื่มยาก็ดีขึ้นแล้ว”
ทำให้ทุกคนสามารถปล่อยวางได้ และเล่นซุกซนก่อความวุ่นวายกันอย่างมีความสุข แม้แต่พึ่งเข้าตำหนักอ๋องเป็นครั้งแรกอย่างฉีหลินก็ตื่นเต้นไปด้วย
รวมไปถึงกุ่ยเม่ยเฉิงยีเฉิงเอ้อที่ติดตามมาก็ถูกดึงเข้ามาด้วย หยินเชี่ยวที่ถูกวางไว้บนรั้วก็ตกใจจนเกือบร้องไห้ออกมา แทบอยากจะขอรื้อหลังคาวิหารเฟิ่งหมิงของนาง
ตอนแรกยังคิดที่จะมาดูอาการป่วยของกู้อ้าวเวย ทันทีที่ซ่านจินจื๋อเดินเข้าไปในลานกลับได้เห็นฉากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และกู้อ้าวเวยที่จับพู่กันกำลังยุ่งอยู่ที่โต๊ะ
“ไม่เข้าไปข้างในแล้วหรือ?” เฉิงซานไม่ละยังคงตามอยู่ด้านหลังของซ่านจินจื๋อ
“อย่าไปรบกวนความสนุกของหยวนเอ๋อ” ซ่านจินจื๋อบอกเพียงว่ากลับตำหนัก ในตอนท้ายยังกำชับเฉิงซานว่า: “ให้สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของลี่วาน ถ้าหากนางยังเล่นเล่ห์เหลี่ยมอะไร ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเมตตาอีก”
“ใช่”
ดวงตาของซ่านจินจื๋อเยือกเย็น ลี่วานผู้นี้วันนี้เพราะความอิจฉาช่างกล้านักลงมือทำร้ายพระชายาจิ้ง พรุ่งนี้ หากว่าหยวนเอ๋อปฏิบัติต่อนางไม่ดี นางก็จะต้องฆ่าซ่านเซียนหยวนรึ!
รอจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนถึงได้หยุดพัก มีเพียงกู้เหยียนจือและซ่านเชียนหยวนเท่านั้นที่ยังคงฝึกฝนดาบอย่างขยันขันแข็ง
กู้อ้าวเวยเมื่อกินอิ่มแล้วก็จัดการกับใบสั่งยาต่อ และก็สั่งให้ฉีหรัวพาฉีหลินกลับไปด้วย
รอจนกระทั่งกู้เหยียนจือก็ไม่สามารถฝึกต่อไปได้หลังจากนั้นก็แอบปีนกำแพงหนีออกไป แต่ซ่านเชียนหยวนผู้หยิ่งยโสก็กลับนั่งลงพื้นที่ว่างอยู่ข้างๆเท้าของกู้อ้าวเวย หน้าอกกระเพื่อม พูดด้วยเสียงต่ำ: “ข้ายังคงอยากได้ท่านมาเป็นพี่สาว”
กู้อ้าวเวยยังเขียนต่อไปไม่หยุด และหัวเราะเบา ๆ : “ในใจมีพี่ก็พอแล้ว ภายภาคหน้า หนทางนี้เจ้าต้องก้าวเดินด้วยตัวเอง