บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 160
บทที่160 สร้างชื่อไว้ในยุทธภพ
นี่จริงๆเลย……
กู้อ้าวเวยไม่ทันได้เห็นว่าเขาออกมาจากประตูจริงๆ ทำอะไรไม่ถูกเพียงพูดขึ้น: “ล่วงเกินแล้ว”
แต่ท่านชายนั่นห้อยกระบี่ไว้ตรงเอว ดวงตาเย็นเยือก แม้ว่าเสื้อผ้าจะมีราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่พวกบัณฑิต แต่เป็นท่านชายจอมยุทธ์ จึงยกมือรั้งกู้อ้าวเวยไว้: “แม่นางก็แค่มองไม่เห็นข้าเท่านั้น ตอนนี้มาถึงที่แห่งนี้ ก็ดูไม่เหมือนมาเพื่อกระบี่ชิงซวง”
“ข้าไม่รู้จักกับท่านชาย ข้าไม่สามารถบอกได้ว่าข้าทำไมต้องมา”
กู้อ้าวเวยอดทนต่อความเจ็บปวดที่ข้อมือและดึงมือของตนกลับคืนมา
ท่านชายคนนี้ เมื่อสักครู่นวดไปมากลางฝ่ามือของนาง คิดหรือว่านางจะไม่รับรู้จริงๆ?
ท่านชายนั่นขมวดคิ้วเป็นปม ดูกู้อ้าวเวยเข้าไปในร้านอาหารแล้วสั่งกับข้าวมาสองสามอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพาคนของตนเองเดินเข้าไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง
ถึงแม้หญิงสาวจะมีหน้าตาที่สวยงาม แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นบุตรสาวของตระกูลไหน ใจกว้างฟุ่มเฟือย ลักษณะนิสัยแน่วแน่ ต้องดูให้แน่ใจก่อนถึงลงมือ
แต่เสี่ยวเอ้อที่ยืนข้างๆกลับมองเรื่องนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง จึงเข้ามาใกล้กู้อ้าวเวย เช็ดมือไปมา: “แม่นางคงมาที่หลิ่งหนานเพื่อตามหาคน”
“ใช่” กู้อ้าวเวยต้องการถามหาตระกูลหยุน แต่ยังคงกลัวว่าคนของโหวเซ่อจะอยู่ที่นี่ด้วย ตัดสินใจแอบสังเกตเงียบๆ แล้วค่อยตัดสินใจ
“ช่วงนี้หลิ่งหนานวุ่นวายนัก แม่นางควรรีบกลับไป คนพวกนั้นล้วนมาไม่ดี” เสี่ยวเอ้อพูดบอกไม่กี่คำจากนั้นก็จากไปเงียบๆ
กู้อ้าวเวยเหลือบมองคนพวกนั้นเล็กน้อย แค่คิดว่าคนที่นี่ไม่มีใครเคารพนับถือทหาร และนางดูแล้วก็ไม่ใช่เป็นคนที่ฝึกวิทยายุทธ บวกกับท่านชายเมื่อสักครู่ที่ยังคงจ้องมองใบหน้าของตนไม่หยุด แต่กลับชัดเจน
คนอันธพาลเช่นนี้ ที่สุดแล้วไม่ว่าไปถึงที่ไหนก็ย่อมมี
คิดมาถึงเช่นนี้ นางเพียงแค่หัวเราะเบาๆพร้อมทานกับข้าวในมือจนหมด แล้วสั่งขนมหวานมาสองจานพร้อมนั่งลงไม่ไปไหน มีสองสามคนสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกันที่นั่งอยู่ข้างกำลังมองมา เหมือนว่าแปลกใจ และท่านชายที่หาเรื่องนางเมื่อสักกำลังเดินเข้ามาใกล้ กู้อ้าวเวยในเวลานี้ตบโต๊ะและลุกขึ้นทันที หัวเราะเบาๆพร้อมจับไปที่ปลายคางของเขา แล้วยัดขนมหวานเข้าไปในปากของเขา
ถึงเขาจะเป็นคนที่ฝึกวิทยายุทธมา แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ผอมบางคนนี้จะรวดเร็วปานนี้ ทำให้สำลักไอไม่หยุด
“เจ้าคิดว่าข้าน่าหาเรื่องจริงๆหรือ ถ้าเจ้าตอนนี้ยังไม่ไปโรงหมอเพื่อถอนพิษ หลังจากหกชั่วยามแล้วอวัยวะภายในทั้งหมดของเจ้าจะถูกไหม้จนไม่เหลือชิ้นดี” กู้อ้าวเวยหัวเราะเยาะพร้อมถอยหลังมาหนึ่งก้าว
คนอื่นๆที่ยืนข้างๆท่านชายนี่ก็ดากันเข้ามา ใบมีดสีเงินนับไม่ถ้วนยื่นออกมาตรงหน้าของนาง
แววตากู้อ้าวเวยไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะมีความกลัวในใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการใช้ชีวิตท่ามกลางความเสี่ยงอันตรายแสดงถึงความตื่นเต้นเช่นนี้ นางเพียงเอามือไขว้หลัง สายตาเยือกเย็นส่งไปยังคนทั้งหมดตรงหน้า: “ทำไม? อาศัยคนมากรังแกคนน้อย คิดว่าข้าจะกลัวจริงๆหรือ?”
ท่านชายนั่นคายขนมหวานออกมา ปวดภายในช่วงท้องยากจะทานทน ศิษย์น้องของเขารีบประคองตัวเขาไว้ พูดด้วยเสียงเย็น: “เจ้ามันนางอสรพิษ รีบเอายาถอนพิษออกมา”
กู้อ้าวเวยยกคิ้วขึ้น ไม่สนใจใบมีดสีเงินคมวาวตรงหน้า เพียงก้าวทีละก้าวเข้าหาศิษย์น้องนั่น คนอื่นเริ่มหวาดกลัวกู้อ้าวเวยที่ในมือไร้อาวุธใดๆป้องกันตัว หากว่าฆ่าคนตายถึงเวลาก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก จึงได้ก้าวถอยหลังกันหมด
เดินเข้ามาถึงข้างลำตัวท่านชายนั่น กู้อ้าวเวยเพียงแค่ยิ้มเย็นชา: “หาเรื่องข้าเอ่อร์ชิงแล้วยังคิดจะให้ข้าเอายาถอนพิษให้ ยังกล้าดูถูกเหยียดหยามตระกูลของข้า”
“เอ่อร์ชิงคือใคร?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ดูแล้วนางกลับเหมือนพวกใช้ยาพิษ”
คนข้างๆถกเถียงกันไปมา กู้อ้าวเวยเพียงแค่ก้าวเข้าไปใกล้ด้วยใบหน้าว่างเปล่าไร้ความรู้สึก มองท่าท่างของท่านชายนั่นกุมช่วงท้องแล้วสั่นงันงกไปทั่วร่างกาย จึงพูดต่อ: “ถ้าจะโทษ ต้องโทษเจ้าที่มีจิตใจอกุศล”
พูดเสร็จ กู้อ้าวเวยไม่เกรงกลัวแม้กระบี่เล่มยาวของศิษย์น้องนั่นจะจ่ออยู่บนหัวไหล่ เพียงค่อยๆขยับตัวไปข้างหน้า จับไปปลายคางของเขาอีกครั้ง พูดชัดๆเน้นทีละคำ: “ตระกูลข้าปกติแล้วฝึกสอนแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคน แต่ว่าคนเช่นเจ้า ในทางตรงกันข้ามจึงกลายเป็นยาพิษ เตือนเจ้าเพียงประโยคเดียวคือ: “ใต้ฟ้านี้ ไม่ควรล่วงเกินที่สุดก็คือหมอ”
เสียงพูดหยุดลง นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับหัวไหล่ที่ถูกบาดจนเลือดไหลซึม ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังนิ่งชะงักก็เพียงกลับไปยังโต๊ะที่นั่ง กลับไปยังรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและมีน้ำใจเมื่อสักครู่ แม้กระทั่งกวักมือให้เสี่ยวเอ้อ: “เสี่ยวเอ้อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลิ่งหนานตระกูลหยุนอยู่ที่ไหน? ข้าคงต้องเข้าไปขอคำชี้แนะดีๆสักหน่อย”
คนในยุทธภพที่อยู่รอบข้างทุกคนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วถอนหายใจเฮือก
หลิ่งหนานตระกูลหยุนนี้มีสถานะอย่างไร พวกเขาชาวยุทธภพย่อมรู้ดี
แม่นางท่านนี้ยังต้องการที่จะเข้าไปขอคำชี้แนะ แน่นอนว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ดูนางแล้วไม่ใช่มาเพื่อกระบี่ชิงซวง แต่ก็ไม่ทราบที่มาที่ไปของนาง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนที่ควรรังแกง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นความเอาแต่ใจและความเก่งกาจของนางเมื่อสักครู่ ไม่เหมือนว่าสร้างภาพหลอกลวง
หลายๆคนค่อยๆละสายตาไป กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกโล่งใจไม่น้อย
แต่เช่นนี้ก็ดี นางก็สามารถค้นหาที่อยู่ของตระกูลหยุนได้โอ่อ่าผ่าเผย
เสี่ยวเอ้อที่ยืนข้างๆกลืนน้ำลายดังอึกๆ ยังเชื่อจริงๆว่าเบื้องหลังของเอ่อร์ชิงนี้ทรงพลังอย่างมาก คิดไปคิดมา ทนไม่ไหวจนต้องพูดว่า: “ตระกูลหยุนนี้คิดแล้วช่างลึกลับ ดูเหมือนว่าจะอยู่ในภูเขาใกล้ๆ แต่น่าเสียดายที่รอบข้างเต็มไปด้วยพิษอหิวาตกโรค ท่านเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
พวกเจ้ารู้ตำแหน่งโดยประมาณหรือไม่?” กู้อ้าวเวยถามด้วยความจริงจัง
“พิษอหิวาตกโรคนี้มีสี่ห้าที่ล้วนมีอยู่ ที่นั่นมีเพียงแค่หญ้ามีพิษที่เติบโต แต่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลหยุนอยู่ในที่เหล่านี้หรือไม่” เสี่ยวเอ้อพูดต้อด้วยความเร็ว พูดอีกว่าตระกูลหยุนนี้จะต้องมีผู้หนุนหลังอย่างแน่นอน เพียงแนะนำให้กู้อ้าวเวยไม่ต้องไป
ทำความเข้าใจเล็กน้อย กู้อ้าวเวยก็ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เกรงว่าชาวจอมยุทธกลุ่มนั้นจะกลับมาแก้แค้นหลังกลับมาจากโรงหมอ
แต่คิดไปคิดมา เงินในมือก็ไม่พอซื้อมีดเล่มเล็กหรือกระบี่เล่มยาวติดตัวไว้ ทางที่ดีที่สุด ก็ควรจะทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน ค้นหาอย่างระมัดระวัง
ตระกูลหยุนคือตระกูลแพทย์และยา จุดแรกที่นางไปค้นหาคือโรงหมอทุกแห่งค้นหาไปเรื่อยๆ คำแรกที่เอื้อนเอ่ยคือ: “ที่นี่มีต้นหญ้าเลือดมังกรหรือไม่?”
“แม่นาง ต้นหญ้าเลือดมังกรคือสิ่งใดหรือ เจ้าเสาะหาทั่วใต้ล่าแต่ก็คงจะไม่มีสักต้น”
เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ นางก็เดินจากมา
หนึ่งวันหนึ่งคืนที่พักแรมในหลิ่งหนานนี้ ยกเว้นในเวลากลางวันที่มีคนต่อสู้กัน ส่วนกลางคืนก็มีคนถูกวางยานอนหลับโดยห้องถัดไปแล้ว ดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีก นางสวมผ้าคุมหน้าผืนบางไว้ เพียงแค่เดินไปรอบตลาดในทุกวัน ตามหาทุกหนแห่ง
วันนี้นางกลับเห็นตลาดที่คึกคักมีคนต่อสู้กัน ชาวยุทธภพคนหนึ่งถูกฟันที่ขาได้รับบาดเจ็บจึงถูกหามออกมา
กู้อ้าวเวยเพียงแค่มองดู แต่ก็ไม่ได้ช่วยเหลือ
ในเมื่อคนผู้นี้ไม่เห็นคุณค่าในชีวิตของตนเอง นางก็คงจะไม่ยื่นมือช่วยเหลือ
เพียงแค่จากมาหลังจากนั้น นางก็เห็นเจ้าหน้าที่ทางการมานี่ จึงได้รีบหลบออกมา ค้นหาที่อยู่ของตระกูลหยุน นางเกือบจะไม่มีลู่ทางให้ลงมือ เพียงแค่เสียดายกระดิ่งเหล็กนั่นก็ถูกเก็บไว้ในตำหนักอ๋อง แม้แต่สัญลักษณ์สักอย่างก็ไม่มี
กำลังแปลกใจ นางก็เห็นโรงยาหนึ่งที่เคยปฏิเสธแต่ไกล บนหัวป้ายเหมือนว่าจะห้อยลวดลายแกะสลักที่แปลกประหลาดหนึ่งอัน
ไม่เคยมีใครสังเกตเห็นมาก่อน แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้ว่าลวดลายแกะสลักนี้คือลายกระดิ่งเหล็กทั้งแผ่น
นางยังคงเข้าไปสอบถาม เพียงแต่เข้าไปสอบถามผู้ช่วยหนุ่มคนนั้น: “ที่นี่มีต้นหญ้าเลือดมังกรหรือไม่?”
“แม่นาง โลกนี้จะมีต้นหญ้าเลือดมังกรได้อย่างไรกัน” ผู้ช่วยหนุ่มนั่นจ้องเขม็งที่นาง สายตาเหมือนว่ากำลังเห็นคนสติไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น
กู้อ้าวเวยทำได้แค่จากมา แล้วจดจำลวดลายแกะสลักนี้อย่างละเอียด หากดูเหมือนว่า ลวดลายแกะสลักนี้มีที่นี่แค่หนึ่งแผ่นเท่านั้น อาจจะเป็นญาติของตระกูลหยุน คิดมาถึงตรงนี้ นางรู้สึกสนใจตระกูลหยุนยิ่งขึ้นที่ให้การปกป้องตนเองมาตลอด
“เช่นนี้แล้ว ข้าคงต้องค้นหาดีๆเสียแล้ว” กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น จึงมองเข้าไปด้วยความระมัดระวัง