บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 189
บทที่189 ลางสังหรณ์ไม่ดี
ไก่ตัวผู้ขันบอกเวลาเช้าตรู่
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้เพียงลำพัง ลมพัดเบาๆริมหู ขอบถ้วยตรงปลายนิ้วยังคงเกลี้ยงเกลา แสงสว่างเพียงแค่ริบหรี่ไม่ว่าอย่างไรนางก็มองไม่เห็น มีเพียงประสาทสัมผัสอื่นเท่านั้นที่ละเอียดอ่อนมากกว่า นึกถึงตรงนี้ นางเพียงแค่อาศัยตอนที่ไม่มีคนอื่นๆอยู่ ดูแลตนเองพร้อมถอนหายใจเบาๆ
“เมี๊ยว”
เสียงเบาๆดังมาจากตรงหน้าต่าง จิตใต้สำนึกสั่งให้นางเงยหน้ามองไป
คนที่อยู่นอกหน้าต่างโยนแมวเข้าไปในอ้อมแขนของนางโดยตรง ลูกแมวครางเสียงเบาซุกเข้าไปในอ้อมแขนของนาง กู้อ้าวเวยทำเพียงยกมือขึ้นมาลูบขนแมวไปมา: “นี่คงเป็นปายเสาแน่นอน หากเป็นเจ้าพุทรา เวลานี้คงปีนป่ายข้าแล้ว”
”ท่านก็ยังไม่ยินดียินร้าย กลับไม่รู้ข่าวเล่าข่าวลือภายนอกโจมตีท่านอย่างไร”
ซ่านเซียนหยวนเดินไปตรงหน้าของนางเพียงไม่รู้จะทำอย่างไร ยกมือขึ้นเขย่าไปมาอยู่ตรงหน้าของนาง กู้อ้าเวยยังคงไร้การตอบสนองต่อสิ่งนี้
”อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำร้ายข้าจริงๆไม่เคยเป็นคำพูดของคน” กู้อ้าวเวยพูดแล้วเงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นก็นึกได้ว่าตนเองนั้นมองไม่เห็น เงยหน้าขึ้นหรือก้มหน้าลง แล้วมีอะไรต่างกัน
”เจ้าต้องรู้ว่าตอนนี้เสด็จอาได้เชิญหมอมา ต้องการแก้พิษให้ซูพ่านเอ๋อ”
ซ่านเซียนหยวนขมวดคิ้วอย่างไร้ความรู้สึก และนำถ้วยใบนั้นผลักเบาๆถึงข้างๆมือของกู้อ้าวเวย
ตอนนี้เขาเพิ่งค้นพบ กู้อ้าวเวยหลังจากตาบอดแล้ว กลับไม่เหมือนกันกับท่านพี่หลิ่งเอ๋อร์ ท่านพี่หลิ่งเอ๋อร์ก็คือตาบอด ตั้งแต่แรกเกิดก็มืดสนิท ตั้งแต่ต้นก็คุ้นเคยว่าต้องทำอย่างไรกับการคลำหาสิ่งต่างๆรอบตัว แต่กู้อ้าวเวยกลับไม่รู้ ภายในไม่กี่วันนี้นางก็ทำทุกอย่างที่มีอยู่ในมือเละเทะ
เคยเดินได้ไกลสุด กลับเป็นครั้งแรกเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเดินไปยังโต๊ะ
”ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า”
น้ำเสียงไม่แยแส ใบหน้าของกู้อ้าวเวยยังคงดังเดิมไร้ความรู้สึก
”ข้าดูออกว่าท่านชื่นชอบเสด็จอา หากว่าตอนนี้ยังไม่ยอมช่วงชิง……”ซ่านเซียนหยวนเป็นห่วง
แต่กู้อ้าวเวยกลับฟังจากเสียงมองมาที่เขา ดวงตาที่สูญเสียการมองเห็นแสงสว่างคู่นั้นกลับปิดกั้นคำพูดประโยคต่อไปของซ่านเซียนหยวน: “ระหว่างข้ากับเขาไม่มีอะไรง่ายอีกพระชายาอ๋องจิ้งชื่อเรียกนี้ ข้าไม่ต้องการที่จะเป็น เขาให้ข้าไปประตูนรกนั่นเดินแล้วหนึ่งครั้ง ความเกลียดชังนี้จำฝังใจแน่นอน”
คำพูดนี้ยังคงเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ซ่านเซียนหยวนกลับรีบลุกไปปิดปากของนางไว้: “เสด็จอาเป็นถึงอ๋องจิ้ง อำนาจทางทหารอยู่ในกำมือ หากว่าคนอื่นได้ยินคำพูดพวกนี้ของท่าน แม้แต่ข้าก็ปกป้องท่านไว้ไม่ได้”
กู้อ้าวเวยเพียงแค่ดึงมือของเขาลงมา กลับมีเสียงก้าวเท้าด้วยความเร่งรีบดังเข้ามาในหู
ซ่านเซียนหยวนที่อยู่ข้างกายลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง เห็นเพียงซ่านจินจื๋อที่เร่งเข้ามา ข้างหลังยังตามมาด้วยหมออีกคนที่ผอมสูง หมอด้านหลังผ่อนลมหายใจหนัก ตรงเอวห้อยกล่องยาเล็กเพียงหนึ่งใบ เช็ดเหงื่อตรงขมับแล้วมายืนข้างลำตัวของกู้อ้าวเวย
เขาเข้ามาก็ยกมือขึ้นเพื่อจะตรวจชีพจรให้นาง หลังมือของกู้อ้าวเวยทุบถ้วยที่อยู่ข้างมือแตก ไม่ใส่ใจปายเสาที่ตกใจกระโดดหนีไป จับเศษถ้วยใบนั้นที่แตกแน่นแล้วกรีดไปบนแขนของหมอคนนั้น: “ใคร?”
”ให้เขาตรวจชีพจรให้เจ้า ร่างกายของเจ้ามีวิธีรักษาพ่านเอ๋อ”
ซ่านจินจื๋อคว้าเศษถ้วยมาจากในมือของนางอย่างง่ายดาย สายตามืดมน
ปลายแขนถูกซ่านจินจื๋อจับแน่นอยู่ในมือ ซ่านเซียนหยวนทำได้เพียงอยู่อีกด้านไม่พูดไม่จาสีหน้าจมดิ่งว่างเปล่า ในเมื่อซ่านจินจื๋อรับปากแล้วว่าไม่มีทางฆ่ากู้อ้าวเวยให้ตาย เขาก็จะไม่ทำให้ซ่านจินจื๋อโมโห
หมอคนนั้นตรวจชีพจรของนางด้วยท่าทางแข็งทื่อ พยักหน้าต่อซ่านจินจื๋อทันที: “ลูกหลานตระกูลหยุนมีคุณสมบัติของร่างกายไม่เหมือนกัน เพียงแค่ต้อง……”
”หุบปาก ตามข้าไปที่ห้องหนังสือ” ซ่านจินจื๋อใบหน้ามืดครึ้ม
หมอหยุดคำพูดดังกล่าว ในใจของกู้อ้าวเวยกลับมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี รอจนกระทั่งหลังจากซ่านจินจื๋อพาคนจากไปแล้ว นางจึงขมวดคิ้วและจับมือของซ่านเซียนหยวนไว้: “หมอคนนั้นมีที่มาอย่างไรกันแน่?”
“ได้ยินมาว่าอาจารย์เป็นหมอที่เดินทางรอบทิศ แต่เขาอาศัยอยู่บนเขาก่อนหน้านี้ เพียงเพราะเคยมีความสัมพันธ์กับเมี่ยวหาร ถึงได้ออกจากเขามาช่วยเหลือ” ซ่านเซียนหยวนยังคงไม่เข้าใจ
มีความเกี่ยวข้องกับเมี่ยวหาร?
กู้อ้าวเวยกลับคิดถึงเมี่ยวหารที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อซูพ่านเอ๋อ และก่อนหน้านี้ซูพ่านเอ๋อไม่เคยถูกวางยาพิษ ตอนนี้กลับถูกวางยาพิษแล้ว ยังจงใจทำให้ซ่านจินจื๋อโกรธเคืองต่อนาง แต่ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่มั่นคง กลับยังต้องการลงมือกับตนเอง เพื่ออะไรกันแน่……
ฉับพลัน นางนึกถึงซ่านซียนหยวนทันใด จึงพูดเสียงต่ำ: “เจ้าอยู่ตรงหน้าท่านอ๋องขอความเมตตาให้ข้าหรือ?”
“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ ข้าคงไม่สามารถดูท่านตายไปต่อหน้าต่อตาได้”
ที่แท้เหตุผลอยู่ที่นี่ นางอ้าปากแล้วอ้าปากอีก ต้องการที่จะตำหนิซ่านเซียนหยวนไม่ควรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ เดิมทีเพราะคนหนุนหลังของนางเป็นอุปสรรคซ่านจินจื๋อก็ไม่มีทางฆ่านาง มาตอนนี้ กลับกลายเป็นยิ่งทำยิ่งแย่เสียแล้ว
ซูพ่านเอ๋อกลัวว่านางจะได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายสี่ ในภายภาคหน้าจะสามารถหวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้งหนึ่งอยู่ในตำหนักอ๋องแห่งนี้ ถึงได้เรียกที่เรียกว่าหมอมา
และเมื่อสักครู่ก็ต้องการตรวจชีพจรของข้าให้ได้
หน้าอกของนางเจ็บทันที ฉับพลันเหงื่อก็ไหลปานฝนตก เพียงกอบกุมบาดแผลที่กำลังปวดของตนเองแน่น เวลาหายใจลำบาก
”เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” ซ่านเซียนหยวนหยิบเอาเฉพาะยารักษาแผลที่อยู่ข้างๆมา”
หน้าผากของกู้อ้าวเวยเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ปลายนิ้วขาวซีด
ถ้าหากซูพ่านเอ๋อหาคนมาใส่ร้ายนางอีก อย่างนั้นชีวิตนี้ของนางกลัวว่าคงปกป้องไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ
อ๋องจิ้งซ่านจินจื๋อไม่เคยรักษาคำมั่นสัญญา
”ข้าไม่สบายใจ!” นางรู้สึกว่าเลือดลมกำลังพุ่งสูงขึ้น เลือดออกจากมุมปากกลับไม่สนใจใยดีและผลักออกซ่านเซียนหยวน ลุกขึ้นยืนเดินโซเซกระทั่งชนเข้ากับขอบโต๊ะถึงได้หยุดลง คลำหาพู่กันและหมึก ซ่านเซียนหยวนจึงได้รีบเข้าไปใกล้หยิบเอาพู่กันวางเข้าในมือของนาง เพื่อหลีกเลี่ยงนางทำตนเองบาดเจ็บ: “นี่ท่านต้องการทำอะไร?”
”ข้าต้องการเขียนจดหมายถึงตระกูลหยุน ถ้าหากข้าตายแล้ว พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปหลบซ่อน มิฉะนั้น ความตายของตระกูลหยุนกำลังมาเยือน”
ซ่านจินจื๋อไม่เชื่อในตัวนาง แล้วจะเชื่อสูตรยาของนางได้อย่างไร
หากวันนี้ต้องการใช้เลือดเนื้อทั้งตัวของนางไปแก้พิษของซูพ่านเอ๋อ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ ซ่านจินจื๋อคงจะรีบฆ่าทุกคนในตระกูลหยุนเพียงเพื่อใบสั่งยานั่นที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
ในเมื่อตอนนี้สงสัยทุกสิ่งทุกอย่างที่ซ่านจินจื๋อทำแล้ว ถ้าอย่างนั้นนางก็ต้องวางแผนให้ดีกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่นางไม่สามารถมองเห็นตำแหน่งที่จรดปลายพู่กันลง ซ่านเซียนหยวนที่อยู่ข้างๆก็หงุดหงิดร้อนใจเหมือนกัน จึงรีบกระชากกระดาษและหมึกพู่กันมาจากในมือของนาง: “เสด็จอาไม่มีทางเป็นคนอย่างนี้ได้ ถึงแม้ว่าจะเพื่อซูพ่านเอ๋อ เขาก็ไม่มีเหตุผลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน”
”ในมือของเขาย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ข้าไม่เชื่อเขา” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเพื่อแย่งคืนมา แต่ไม่รู้ว่าถูกสิ่งของอะไรที่ตกอยู่บนพื้นขวางไว้
ซ่านเซียนหยวนรีบประคองนางไว้อย่างทันท่วงที เห็นเหงื่อเต็มฝ่ามือของนางแล้ว จึงได้รีบพูดว่า: “ไม่เป็นไร ท่านยังไม่ต้องโมโห ข้าช่วยท่านเขียนเอง”
ในเวลาต่อมา กู้อ้าวเวยจับข้อมือของซ่านเซียนหยวนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย: “จะต้องปกป้องทุกชีวิตในตระกูลหยุนของข้า”
”ข้ารู้แล้ว ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น” ซ่านเซียนหยวนรีบประคองนางไปไว้บนเตียง จึงนำทุกอย่างที่นางเพิ่งพูดเมื่อสักครู่เขียนลงไป
กู้อ้าวเวยได้ยินเพียงเสียงที่พัดผ่านใบหูเบาหวิว ปวดหัวรุนแรง
ลมหนาวเย็นในฤดูใบไม้ร่วง พัดเข้ามาในห้อง ทำให้ในใจของกู้อ้าวเวยโดดเดี่ยวดังน้ำแข็ง กระพริบตาเบาๆ แล้วค่อยๆหลับตาลง กระชับผ้าห่มให้แน่น พึมพำเบาๆกับตนเอง: “หวังว่าเป็นข้าคิดมากไป…