บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 21
บทที่21 ออกค้นหาไปกับข้า
นางได้รู้จากชายชุดดำว่าเด็กชายแก่นเซี้ยวผู้นี้เป็นใคร
เด็กชายแก่นเซี้ยวที่เข้ามาเมื่อกี้มีชื่อว่าฉีหลินเป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าของวิหารเยียนหยู่เก๋อ ไม่ตั้งใจเรียน นิสัยซุกซน ชอบเล่นอยู่กับลูกชายคนโตของหู่ปู้เซ่อหลาง พวกเขารวมตัวกันแล้วชอบเล่นอะไรพิเรนทร์
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นเงินของเขาข้าก็ยิ่งใช้ไม่ได้เลยสิ”กุ้อ้าวเวยหยิบถุงเงินเขาขึ้นมา จากนั้นก็เอาถุงเงินตัวเองส่งให้ชายชุดดำ และถามอีกว่า: “ข้าอยากจะถามท่านอีกคำถามหนึ่งว่า ช่วงนี้มีคนขึ้นเขาเก็บยาสมุนไพรไหม ข้าอยากขึ้นไปดูหน่อย”
ที่นี้ไม่เหมือนกับความคิดของนาง นางต้องออกไปสำรวจดูว่าสมุนไพรที่นี้เติบโตอย่างไร
“มีครับ แต่นอกเมืองแม้ไม่มีสัตว์ร้ายแต่ทางขึ้นเขาเงียบไม่มีผู้คน ถ้าแม่นางจะไปล่ะก็คงต้องระวังตัวด้วย อีกอย่าง อย่าไปยุ่งกับพวกเด็กแก่นเซี้ยวพวกนั้น”ชายชุดดำพูดเตือนแต่ก็เขียนจดหมายให้นาง ให้นางส่งจดหมายนี้ต่อให้คนอื่นๆอีก
ทั้งทางนางก็เข้าไปร้านอาหารสั่งอาหารมาจากนั้นก็ถือออกไปสองกล่องกลับเข้าบ้าน
บ้านนี้ไม่ใหญ่มาก ทั้งบ้านก็มีบ้านสองหลัง มีบ้านเล็กของนางและบ้านใหญ่ที่มีให้ข้ารับใช้อยู่ ยังมีบ้านใหญ่อีกหลังที่นางจะเอาไว้ใช้เป็นห้องยา ทดลองยาต่างๆ ยังมีบ้านเล็กอีกหลังที่ใช้เป็นห้องนอนแขก เอาไว้สำรอง
และตอนนี้ในตัวบ้านทั้งหมดก็จัดการให้เป็นระเบียบหมดแล้ว แต่ประตูหน้าบ้านกลับไม่มีป้ายอะไรเลยยังว่างเปล่าอยู่
“เรียกว่าร้านยาเหย้าแล้วกัน ไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย”นางกินไปและพูดให้คนงาน
หยินเชี่ยวกับชิงต้ายไม่มีความคิดเห็นใด กุ้อ้าวเวยก็ไม่อยากคิดมาก นางเก็บหนังสือที่ท่านปู่หยุนชิงหยางส่งให้ไว้ในห้องที่สะอาดวางไปที่ชั้นวางหนังสือ นางเอาต้นหญ้าเลือดมังกรและถุงน้ำตีหงส์เอาไว้ด้วยกันโดยไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เปิดไฟและเริ่มอ่านหนังสือทันที
จนกระทั่งวันที่สอง นางถึงลุกขึ้นมาไปนอนที่เตียง
ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง นางก็มัดผม ใส่ชุดที่เคลื่อนไหวได้ง่าย แบกตะกล้าขึ้นมา
ประตูนอกเมืองมีคนที่แบกตะกล้ายืนอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนมากก็เป็นคนที่ไปส่งของ นางก็มาท่ามกลางผู้คนนี้ มองดูไปก็มีหญิงที่นำกลุ่มคนมองมาที่นาง ยิ้มและพูดว่า: “รอเจ้านั้นแหละ พวกเราไปเถอะ”
กลุ่มพวกนางเพิ่มนางเข้าไปอีกก็มีแค่สี่คน พวกชาวสมุนไพรส่วนใหญ่ที่มาก็ไม่ได้จะเก็บสมุนไพรไปขาย แต่มาเพราะเป็นตัวแทนของในร้านยา เช่นนี้มากันหลายคนก็อาจจะปลอดภัยหน่อย
ทุกคนขึ้นไปบนเขา กุ้อ้าวเวยมองดูรอบข้าง แต่กลับเห็นหญิงเติบโตได้ดีมาก คิดว่าที่นี้เป็นพื้นที่ที่ดี แต่ว่าพอนางเด็ดสมุนไพรไปด้วย ชาวสมุนไพรด้านหน้าก็รอนาง
พอปีนไปครึ่งดอย กุ้อ้าวเวยเหนื่อยมากแล้ว นางปาดเหงื่อบนหน้าผากออก คนข้างๆก็แยกกันไปเก็บยากันแล้ว มีนางที่ยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว
นางจับสมุนไพรในตะกล้าดู เห็นว่าไม่เยอะมากเหมือนที่นางคิดเอาไว้ ที่นี่มีหญ้าสมุนไพรเต็มไปหมดแต่ทุกคนกลับเห็นมันเป็นแค่หญ้าธรรมดา แต่นางกลับเก็บมาไม่น้อย หญ้าพวกนี้ดูแล้วธรรมดา แต่พอได้ผสมกับยาตัวอื่นก็จะมีผลข้างเคียงที่ดีมาก แต่พวกเขาไม่รู้เท่านั้น
คิดได้เช่นนี้ นางก็เห็นบนต้นไม้มีผลไม้อยู่ นางไม่เคยเห็นผลไม้ชนิดนี้ พอเด็ดออกมาก็มีหญิงในกลุ่มเห็นเข้าก็รีบตะโกนว่า: “ระวัง!มันเป็นผลไม้อาบพิษ เปลือกของมันมีพิษ เนื้อด้านในหวาน คนที่กินเข้าไปจะรู้สึกมึนเมา แข้งขาอ่อนแรง”
นางไม่เคยรู้มาก่อนเลย เมื่อวานนางยังเห็นในหนังสือมียาที่นางไม่รู้จักมาก ไม่คิดว่าวันนี้กลับได้เห็นสิ่งที่นางยังไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นเช่นนี้นางก็หยิบกล่องขึ้นมา นำผลไม้อาบพิษนั้นใส่ลงไป จากนั้นก็เก็บเอาไว้
ครั้งนี้นางก็ถามหญิงคนนั้นไปว่า: “เมื่อกี้ข้าเห็นชาวสมุนไพรที่มาเป็นชายเกือบหมด แม่นางคิดอย่างไรถึงมา”
“ข้าเป็นแม่หม้าย มีเด็กสองคน ข้าก็ต้องออกมาหากินให้เด็กๆบ้าง”หญิงคนนั้นปาดเหงื่อออก นางเด็ดหญ้าสมุนไพรขึ้นมามัดเก็บไว้อย่างดีจากนั้นก็ค่อยโยนเข้าไปในตะกล้า พอสักพักนางก็พูดว่า: “ข้าชื่อฟางหวา เจ้าชื่ออะไร?”
“เรียกข้าเวยเอ๋อก็ได้”กุ้อ้าวเวยทำตามท่าทางนางตัดหญ้าสมุนไพรนั้นแล้วโยนเข้าไปในตะกล้าของนาง ฟางหวาก็ยิ้มและพูดว่า: “เจ้าโยนมาในตะกล้าข้า จี้ซื่อถางก็คิดเงินให้ข้าคนเดียวนะ”
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่เตือนข้าเมื่อกี้ ข้าอาจจะจับผลไม้นั้นไปแล้ว”กุ้อ้าวเวยยิ้ม นางไม่ได้มาหาเงิน ฟางหวาก็พยักหน้า จากนั้นก็เก็บต่อไป
“ช่วยด้วย!ใครก็ได้ช่วยข้าที!”ด้านในป่ามีเสียงกรีดร้องดังขึ้น
……
“ท่านอ๋องจิ้ง ยังไงพระชายาจิ้งก็เป็นคนของตระกูลหยุน หลิ่งหนานและตระกูลก็ปกป้องอยู่แล้ว หยุนชิงหยางขนาดฮ่องเต้ยังไม่กล้าแตะต้อง ท่านอ๋องจิ้งก็อย่าทำร้ายพระชายาด้วยวาจาเลย”คนแก่ข้างๆพูดไม่หยุด
ถ้าเป็นใต้เท้าคนอื่นซ่านจินจื้อก็คงจะไล่ออกไปทันที แต่ใต้เท้าท่านนี้เป็นคนที่ช่วยเขามาตลอด เขาก็ต้องทน จนกระทั่งส่งคนออกไป ก็ค่อยสบายใจขึ้นมา
ถ้านางไม่ใช่ลูกสาวของเชิงเสี้ยง และมีตระกูลหยุนคอยหนุนหลัง บวกกันที่นางทะเลาะกับตัวเองตอนแต่งงาน ตอนนี้พ่านเอ๋อก็เป็นพระชายา แต่พอคิดอีก ถ้าไม่มีนาง อาการป่วยของพ่านเอ๋อก็คงจะไม่หายดี เขากำหมัดไว้แน่น ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับกุ้อ้าวเวย
“ท่านอ๋อง!”ชายสวมชุดเกราะเหล็กทหารรีบเดินเข้ามาและคุกเข่าลงพื้น
“มีเรื่องอะไร?”ซ่านจินจื้อนั่งลง
“พรชายาจิ้งออกนอกเมืองไปกับพวกชาวสมุนไพร รอข้าน้อยรู้ตัวก็ไล่ตามไม่ทันแล้ว บนเขาไม่เจอตัวของพระชายาจิ้งเลย!”ทหารนายนั้นพูดขึ้น
ซ่านจินจื้อรีบลุกขึ้น เขากลัวว่ากุ้อ้าวเวยหนีไปโดยไม่คิดถึงชีวิตคนตระกูลกุ้ ก็สั่งทหารไปจับการเคลื่อนไหวของพระชายาจิ้งเอาไว้แต่ไม่คิดว่านางจะกล้าขนาดนี้
“ออกนอกเมืองเรียกทหารหนึ่งร้อยนาย ออกไปค้นหากับข้า!”
ซ่านจินจื้อรีบหยิบดาบคาดเอวเอาไว้ รีบเดินออกไปทางประตูทันที
ซูพ่านเอ๋อยกน้ำซุปไก่มาแต่กลับไม่เห็นเขาแล้ว พอรู้ว่าซ่านจินจื้อไปไหน นางก็กลับเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ มองออกไปข้างนอกที่ฝนตก ในใจก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
นางแค่อยากแกล้งป่วยเพื่อให้ซ่านจินจื้อสนใจ แต่ไม่คิดว่าเพราะนางป่วย ซ่านจินจื้อกลับใกล้ชิดกับกุ้อ้าวเวยมากขึ้น นางกำหมัดไว้แน่น คิดว่าความผิดทั้งหมดเพราะกุ้อ้าวเวยคนเดียว ไม่เช่นนั้นนางก็สามารถใช้เวลาที่เหมาะและบอกว่าตัวเองหายดีแล้ว!
แต่แม้ฝนจะตก ซ่านจินจื้อก็ยังขี่ม้าออกไป มองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ในใจนางก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ