บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 237
บทที่ 237 ตบหน้าสองฉาด
เมื่อรู้ว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ กว่างจี้รู้สึกเลื่อมใสกู้อ้าวเวยเป็นอย่างมากและให้คนออกไปส่งนาง
คนรับใช้ผู้น่าสงสารที่ยังไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเองถูกพาออกมาจากจวนพร้อมกัน กู้อ้าวเวยใส่ผ้าปิดหน้าและส่งรถม้าวิ่งออกไป นางมองไปที่หนังสือสัญญาซื้อขายตัวคนรับใช้แล้วยื่นหนังสือสัญญานั้นไปใส่ไว้ในมือของคนรับใช้: “ค่าตอบแทนเดือนละสองตำลึง เจ้าเต็มใจจะมาเป็นผู้ช่วยของข้ารึไม่”
คนรับใช้ตกตะลึงมองดูหนังสือสัญญาที่อยู่ในมือ: “ข้าน้อยเพียงแต่ต้องการอยู่ที่จวนกว่างเพื่อรับใช้……”
“หากเจ้าคิดจะล้างแค้นมันยังมีหนทางอื่น แต่ถ้าหากเจ้าถูกจับได้ เจ้าจะไม่ได้มีชีวิตรอดออกมาแน่ แล้วเจ้าก็ไม่อาจจะช่วยพี่สาวที่ป่วยเสียสติของเจ้าได้” กู้อ้าวเวยมีสีหน้าเย็นชา จากนั้นนางหยิบขวดหยกออกมาจากกระเป๋าเสื้อยัดใส่มือของคนรับใช้: “เจ้าลองดูหน่อยว่ายาแก้พิษตัวนี้ใช้แก้พิษอะไร”
คนรับใช้รับขวดหยกไปด้วยท่าทีที่ประหลาดใจแล้วดมกลิ่นของมัน
เขาขมวดคิ้วและดำดิ่งสู่ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงพูดด้วยเสียงเบาออกมาว่า: “นี่เป็นยาแก้พิษหญ้าที่อยู่หน้าผา”
“เจ้ารู้จริงๆด้วย” กู้อ้าวเวยมองไปที่คนรับใช้ด้วยความดีใจปนประหลาดใจ: “เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าน้อยชื่อจางเหยียงซาน” จางเหยียงซานตอบเสียงเบา เขาเป็นคนรูปร่างผอมบางมาก หลังค่อมเล็กน้อย ดวงตาของเขากลมใหญ่มีประกาย แต่ในเวลานี้ตากลมโตคู่นั้นแลดูมีความหวาดกลัว: “พระชายารู้เรื่องทั้งหมดที่ข้าทำไป และไม่รู้จักพี่สาวที่ป่วยเสียสติของข้ารึ”
“ใช่แล้ว” ชิงต้ายพยักหน้าอย่างชัดเจน และเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่สืบรู้มาให้จางเหยียงซานฟัง
จางเหยียงซานหยุดนิ่งไปในทันที เขามองกู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงหน้าด้วยความระแวดระวัง: “อย่างนั้นท่านก็คงรู้ว่าพวกเขา……”
“ข้ารู้” กู้อ้าวเวยก็พยักหน้าอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน: “แต่ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ไม่ยังสาย เมื่อเทียบกับคนอื่น ข้าจะไปตามเสาะหาหมอที่มีฝีมือมารักษาอาการป่วยของพี่สาวของเจ้า”
“ท่านต้องการอะไรจากข้า” จางเหยียงซานยังคงมีท่าทีที่ระแวดระวัง
“หนังสือสัญญาซื้อขายตัวเจ้า ข้าก็ได้คืนให้เจ้าไปแล้ว ข้าเพียงต้องการให้เจ้าจากไป ข้ามีภารกิจที่สำคัญกว่าที่จะต้องทำ” ระหว่างที่กู้อ้าวเวยพูดอยู่นั้น ชิงต้ายที่อยู่ข้างๆก็ได้หยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาจากถุงเงินใส่ไปในมือของจางเหยียงซาน
จางเหยียงซานมองเงินในมือตัวแข็งทื่อ แล้วยิ่งรู้สึกประหลาดใจ: “พวกท่านต้องการทำอะไรกันแน่”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แต่หากวันหนึ่ง เจ้าอยากจะมาเป็นผู้ช่วยของข้า เจ้ามาหาข้าที่ตำหนักอ๋องจิ้งได้ทุกเมื่อ” กู้อ้าวเวยโบกมือให้กับชิงต้ายแล้วไม่หันกลับไปมองจางเหยียงซาน
ชิงต้ายนึกขึ้นได้ถึงสารที่อยู่ในชายแขนเสื้อ พยักหน้าแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักเยียนหยู่เก๋อ
ฝั่งกู้อ้าวเวยก็เดินไปยังจี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)เพียงลำพัง จางเหยียงซานแอบสะกดรอยตามนางไปอย่างแปลกใจ และจึงเห็นว่านางมานั่งทำการรักษาผู้คนอยู่ที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา) นางหยอกล้อพูดคุยกับเหล่าผู้ช่วยอย่างสนุกสนานพลางเขียนใบสั่งยาอย่างตั้งใจ จากนั้นจางเหยียงซานจึงจากไปอย่างเงียบๆ
กู้อ้าวเวยมีสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาหลังจากเห็นว่าเงาคนได้หายไปจากซอยถนน
ต้องกำจัดฆาตกรให้สิ้นซากเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสสร้างความแตกแยกในหู้ปู้เซ่อหลาง(ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน)
ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
นางส่งสารเหล่านั้นไปเพื่อบอกกับซ่านเซิ่งหานถึงรายละเอียดแผนการและสิ่งที่นางกำลังจะลงมือทำ
“แม่นาง ข้าเป็นโรคร้ายแรงอะไรรึ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อครู่ข้าเพียงแต่ใจลอยไปเท่านั้นเอง” กู้อ้าวเวยได้สติกลับมาอย่างเคอะเขิน
ตกเย็นนางกลับมาถึงที่ตำหนัก มีกล่องจำนวนไม่น้อยมาวางไว้อยู่ที่วิหารไร้นาม เหล่าคนรับใช้ต่างพากันยิ้มและพูดว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นของกำนัลที่ไทเฮาและฮ่องเต้ส่งมา แล้วยังมีสิ่งของอีกมากมายหลากหลายชนิดที่เหล่าขุนนางต่างส่งมาให้
เหล่าคนรับใช้ต่างพูดกันว่าเป็นเพราะเรื่องของไทเฮา ชื่อเสียงของพระชายาจึงเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว
กู้อ้าวเวยรู้สึกไม่มีทางเลือก คิดกับตัวเองว่า อยู่ที่นี่มีแต่คนมาพูดประจบเอาใจ สู้ไปอยู่ที่ร้านยาเหย้าตั้งใจศึกษาหนังสือตำราแพทย์จะดีเสียกว่า แล้วทำการย้ายกล่องตำราหนังสือแพทย์กล่องนี้ที่ไทเฮาส่งมาให้ไปไว้ที่นั่นด้วยเสียเลย
เมื่อชิงต้ายกลับมาถึงแล้วแต่ไม่พบกู้อ้าวเวย
เขาเห็นเพียงซูพ่านเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างเปลไกวเด็ก นางโยกเปลไกวนั้นอย่างเบามือและฮัมเพลงกล่อมเด็กที่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพลงของที่ไหน ชิงต้ายผงะไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงรีบทำการทักทายตามธรรมเนียม
ซูพ่านเอ๋อจึงหันมา: “นายของเจ้าล่ะ”
“คงจะไปที่ร้านยาเหย้า รึไม่ก็ถูกเรียกตัวไปที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)” ชิงต้ายประหลาดใจ โดยปกติซูพ่านเอ๋อไม่เคยย่างกรายมาที่พักของพระชายามาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นในวันนี้ซูพ่านเอ๋อมาในชุดเครื่องแต่งกายที่สวยหรู มิอาจรู้ได้ว่านางมาเพื่อโอ้อวดหรือมาเพื่อจุดประสงค์อื่น
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ ข้าแค่ตั้งใจจะมาบอกนางว่า หยินเชี่ยวสาวใช้ที่นางส่งออกไปคนนั้น วันนี้ได้กลับมาหานาง” ซูพ่านเอ๋อพูดอย่างเกินจริง
ขณะที่ซูพ่านเอ๋อกำลังเดินแทรกตัวผ่านชิงต้าย ทันใดนั้นนางก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรงพร้อมเปล่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา
ชิงต้ายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จิ่นซิ่วก็ผงะไปเช่นกัน นางรีบพยุงตัวซูพ่านเอ๋อขึ้น ซูพ่านเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาที่กลายเป็นสีแดงเพลิง นางมองชิงต้ายอย่างโกรธแค้น: “ชิงต้ายนังตัวดี! นี่เจ้ากล้าทำเพื่อนายของเจ้าถึงขนาดมาขัดขาข้าล้ม แล้วยังเหยียบชุดที่ท่านพี่จื๋อมอบให้ข้าจนเสียหาย!”
“ชิงต้าย เจ้ารู้รึไม่ว่าชุดนี้แพงแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นนายหญิงมาด้วยเจตนาดี!” จิ่นซิ่วโมโหโกรธา
“แต่ข้าไม่ได้……”
“เพี๊ยะ”
จิ่นซิ่วยกมือขึ้นตบหน้าชิงต้ายอย่างเสียงดังฟังชัด
เกิดเสียงหึ่งดังขึ้นในหูของชิงต้าย นางยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไร ฉาดที่สองก็ตามมาอย่างไม่เว้นช่วง
มือข้างหนึ่งของกู้อ้าวเวยจับไปที่ข้อมือของจิ่นซิ่ว หยินเชี่ยวดึงเอาตัวชิงต้ายมาไว้ด้านหลังของตัวเองและมีสีหน้าระแวดระวัง
กู้อ้าวเวยที่ยังคงมีผ้าคลุมหน้าอยู่นั้น นัยน์ตาเย็นยะเยือก นางผลักจิ่นซิ่วออกไปอย่างไม่ปราณี จิ่นซิ่วตัวเซไปหลายก้าว ซูพ่านเอ๋อที่หน้าซีดเผือดชี้ไปที่กู้อ้าวเวย: “เจ้า……”
“ซูพ่านเอ๋อ เจ้าล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว”
กู้อ้าวเวยสีหน้าเย็นชา คมมีดแสงสีเงินแวววาวที่เอวถูกดึงออกมาจากฝักและเคลื่อนไหวไปตามปลายนิ้วของนาง สุดท้ายมันลงไปจรดอยู่ที่ข้างคอของซูพ่านเอ๋ออย่างลื่นไหล กู้อ้าวเวยกดน้ำหนักคมมีดลงไปประมาณหนึ่ง: “ชีวิตแลกชีวิต หากเจ้ายินยอม คมมีดนี้ก็พร้อมจะทำงาน”
ซูพ่านเอ๋อหน้าเสีย แทบไม่มีใครไม่รับรู้ถึงความแค้นเคืองของการสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขของกู้อ้าวเวย แม้แต่ซ่านจินจื๋อเองยังได้พบเพียงประตูที่ปิดตายตรงหน้าเมื่อเขาไปหานาง
ซูพ่านเอ๋อยังมีความรักตัวกลัวตาย นางเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย แล้วจึงพูดต่อไปว่า: “ข้าแค่มาเพื่อบอกให้เจ้ารู้ว่า หยินเชี่ยวได้มาที่นี่ แต่คนรับใช้ของเจ้ากลับไม่ฟัง……อ๊ะ”
ปลายมีดคมถูกวางติดชิดอยู่กับผิวของซูพ่านเอ๋อ มันทำให้เสียงของนางสั่นเครือไปด้วยความกลัว
“นางสนมเช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องคนรับใช้ของข้า หากไม่ใช่เพราะซ่านจินจื๋อพิศวาสเจ้า ความจริงแล้วกับข้าเจ้าก็ต้องทำการทักทายตามระเบียบ แล้วยังต้องเรียกแทนตัวเองว่าข้ารับใช้” กู้อ้าวเวยพูดอย่างเย็นชาและมีรอยยิ้มบางๆอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้น
เพียงแค่ลงมีดไป ความแค้นก็จะได้รับการชำระ
ชิงต้ายเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเดินเข้าไปใกล้กู้อ้าวเวยเพื่อดึงรั้งข้อมือของนางไว้: “พระชายา โปรดอย่าวู่วาม”
คำพูดของชิงต้ายเรียกสติของกู้อ้าวเวยกลับมาในที่สุด
แต่ความโกรธไม่ได้ดับมอดลงไปแม้แต่น้อย ชิงต้ายกับนางเปรียบเสมือนพี่น้อง การถูกรังแกย่ำยีเยี่ยงนี้มีหรือจะทนได้
“หยินเชี่ยว นางสนมในจวนให้ท้ายคนรับใช้จนเกิดกำเริบเสิบสาน สองฝ่ามือเมื่อครู่ ยังไม่รีบคืนกลับไปอีก” ถ้อยคำของกู้อ้าวเวยมีความกระหยิ่มอยู่ในที
“เพคะ” หยินเชี่ยวผู้ซึ่งไม่เคยเกรงกลัวต่อเทวดาฟ้าดินตรงปรี่เข้าไปตรงหน้าของจิ่นซิ่วแล้วดึงชายคอเสื้อของนางพร้อมกับหวดมือลงไปบนใบหน้านั้นสองครั้ง แล้วจึงพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า: “สองฝ่ามือนี้ สำหรับชิงต้ายที่โดนเจ้าตบไปก่อนหน้านี้”