บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 25
บทที่25 สร้างพื้นที่ตัวเองให้ได้
บ้านของเมี่ยวหารอยู่ใกล้กับซูพ่านเอ๋อ
เวลาที่นางมา เมี่ยวหารก็หลับไปแล้ว โคมไฟด้านหน้าก็ดับไปหมดแล้วก็ได้กลิ่นยาฟุ้งออกมา นางกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดเคาะประตู
เมี่ยวหารรีบใส่เสื้อก็รีบเปิดประตูเข้าไป คิดว่าซูพ่านเอ๋อแต่กลับเป็นกุ้อ้าวเวย นางยังไม่ทันได้พูดอะไร กุ้อ้าวเวยก็พุ่งเข้าไป ยื่นกระดาษให้นาง นางก็ไปยืนที่โต๊ะผสมยา
“พิษออกฤทธิ์แล้วเหรอ”เมี่ยวหารพูดขึ้นพร้อมกับจุดเทียนในห้องมองดูสมุนไพรบนกระดาษที่เขียนไว้ นางจะเข้าไปบดละเอียดให้นาง แต่กุ้อ้าวเวยกลับไปคว้ามาทำเองด้วยสีหน้าที่ซีดขาว นางกดเบาๆจากนั้นก็ทิ้งลงไปในน้ำร้อนเลย นั่งเก้าอี้และจับพัดรีบพัดไฟให้น้ำเดือดเร็วๆ
เมี่ยวหารเลิกเสื้อขึ้นเดินไปวัดชีพจรให้นาง ขณะนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที: “พิษในร่างกายเจ้าทำไมถึงได้รุนแรงขึ้นมากะทันหันเช่นนี้?”
“ช่วงนี้ข้ากำลังทำยาถอนพิษก็เลยเหนื่อยเกินไป ไม่ได้พักผ่อนดีๆ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ฮองเฮามาล่ะก็……”นางกดหน้าอกไออย่างรุนแรง ดึงคอเสื้อลงดูสัญลักษณ์บนไหปลาร้าและไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
“ทดลองกินยาหลายตัวจะทำให้ตายได้นะ ควรปั้นเป็นยาเม็ดกินเข้าไป เจ้าต้มเช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม”เมี่ยวหารยืนข้างๆ ยังไงนางก็เป็นหมอเห็นผู้ป่วยเป็นไม่ได้เลย
“ขอบคุณในความหวังดีของเจ้า แต่ร่างกายของข้า ข้าย่อมรู้ดีกว่าใคร”กุ้อ้าวเวยยิ้มแห้งๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะนางใจร้อนอยากถอนพิษนี้ ก็คงไม่เสี่ยงทดลองยาหลายตัวติดต่อกันหรอก นางแค่อยากทดลองยาและนอนไปหลายๆวัน แต่เสียดายไม่เป็นไปตามแผนนาง
เมี่ยวหารอยากจะพูดเตือนแต่คิดตอนซูพ่านเอ๋อเกลียดนาง นางก็กลืนคำนี้ลงไปไม่พูด กลับไปนอนในห้องนอนต่อ แต่นางกลับนอนไม่หลับทั้งคืน
เช้าวันต่อมา ซ่านจินจื๋อเตรียมตัวจะไปประชุม เชิงยีก็มาข้างเขาและรายงานเรื่องเมื่อคืนให้เขาทราบ
“เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร?ตอนนี้อาการนางเป็นอย่างไรบ้าง?”ซ่านจินจื๋อกางแขนสองข้าง ข้ารับใช้สองคนใส่เสื้อให้เขา
“ตอนนี้ยังคงต้มยาอยู่ แต่ฟังที่หมอเมี่ยวหารพูด ถ้าทดลองยาหลายชนิดติดต่อกันจะอันตรายต่อชีวิตครับ ข้าน้อยกับเฉิงเอ้อไม่กล้าพูดเตือน มาขอรับสั่งจากท่านอ๋องก่อนครับ”เฉิงยียังจำบุญคุณที่นางเคยให้ยามา ในใจก็รู้สึกขอบคุณนาง
ซ่านจินจื๋อเห็นเขาเข้าข้างกุ้อ้าวเวย ก็พูดอย่างเย็นชาว่า: “ถ้านางตายไป พ่านเอ๋อก็ไม่มีใครช่วยได้แล้ว บอกให้นางอย่ารีบนัก ไปช้าๆก็ได้ ถ้านางตายไป ตระกูลกุ้และตระกูลหยุน ข้าจะกวาดล้างให้หมด”
เฉิงยีทำความเคารพและรีบออกไปทันที
พอฟ้าสว่าง ซูพ่านเอ๋อก็ตื่นขึ้นมา ด้านข้างมีข้ารับใช้จิ่นซิ่วยืนอยู่ข้างๆรายงานเรื่องเมื่อคืนให้นางทราบ: “ยังไม่พอ หมอเมี่ยวหารยังทำท่าเป็นห่วงนางมากด้วย”
“เรื่องนี้จริงเหรอ?”ซูพ่านเอ๋อยืดเส้นยืดสายนั่งขึ้นมา: “ข้าจะไปดูว่ากุ้อ้าวเวยอยากทำอะไรกันแน่”
“เจ้าค่ะ”จิ่นซิ่วยิ้มและใส่เสื้อให้นาง ซูพ่านเอ๋อรู้ว่าเมื่อวานฮองเฮามา วันนี้ยังไงซ่านจินจื๋อก็ต้องไปประชุม ก็หยิบเสื้อหรูหราที่ปกติไม่ค่อยใส่ออกมา เดินไปห้องของเมี่ยวหาร
กุ้อ้าวเวยสีหน้าเหนื่อยล้า กำลังจะดื่มยาคำสุดท้าย
“พี่กุ้ทำไมถึงดื่มยาล่ะเจ้าคะ?”ซูพ่านเอ๋อเดินไปหานางช้าๆ
“ข้าก็ต้องกินเพราะถูกยาพิษ แม่หญิงพ่านเอ๋อร่างกายอ่อนแอก็อย่าเข้าใกล้ข้าเลย”กุ้อ้าวเวยหันไปยิ้ม ยื่นมือไปบดยาบนโต๊ะให้ละเอียด เอาใส่เข้าไปในขวดแก้ว
ซูพ่านเอ๋อเห็นนางไม่สนใจ พอเดินไปข้างหน้า เมี่ยวหารก็ออกมาจากห้องอย่างเร็ว สีหน้าซูพ่านเอ๋อที่มองนางเปลี่ยนไปทันที แต่กลับพูดอ่อนโยนว่า: “เมี่ยวหาร พี่กุ้มาค้างคืนที่นี้ เจ้าน่าจะเตรียมห้องนอนให้พี่เขาหน่อยนะ”
เมี่ยวหารรู้ว่าซูพ่านเอ๋อกำลังโกรธ ก็เลยพูดว่า: “แม่หญิงพ่านเอ๋อพูดกระไรกัน ข้างๆก็มีแต่ทหารของจวนหวัง เมี่ยวหารไม่กล้าทำผิดกฏเจ้าค่ะ”
“ถ้าแพร่ออกไป ชื่อเสียงของพระชายาจิ้ง……”
“แม่หญิงพ่านเอ๋ออย่ากังวลไปเลย”กุ้อ้าวเวยเก็บขวดแก้วนั้นไว้อย่างดี เดินไปด้านหน้า ยิ้มร่าและพูดว่า: “ข้าเคยโดนไล่ออกมาจากจวนหวังแล้ว ยังจะกลัวชื่อเสียงอะไรอีก ครั้งนี้ต้องขอบคุณหมอเมี่ยวหาร ข้าจะตอบแทนทีหลัง ข้าไปก่อนล่ะ”
กุ้อ้าวเวยไม่อยากทะเลาะกับพวกนาง ตอนนี้นางเหนื่อยมากและเดินออกไปจากที่นั้นโดยเร็ว
หน้าประตูจวนหวัง ซ่านจินจื๋อขี่ม้ากลับมายิ้มร่าเริง เดินไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แต่ซ่านจินจื๋อกลับตามมาติดๆ: “อีกไม่กี่วันฝ่าบาทจะพาองค์ชายไปล่าสัตว์ เจ้ากับข้าต้องไปด้วยกัน”
“ข้ายิ่งธนูขี่ม้าไม่เป็น ไปก็เป็นถ่วงเปล่าๆ”กุ้อ้าวเวยเงยหน้ามองเขา
“แต่ถ้าเจ้าไม่ไป เสด็จพี่ก็จะลงมือกับพ่านเอ๋อ”ซ่านจินจื๋อมองนางอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ข้าให้ตำแหน่งพระชายากับเจ้า เจ้าก็ต้องตอบแทนโดยการเป็นเกราะกำบังให้พ่านเอ๋อ”
ฝ่าบาทดีต่อน้องชายมาก ก่อนหน้านี้ไม่อยากให้ซูพ่านเอ๋อที่ไม่มีอำนาจไม่มีอะไรเลยแต่งงานกับเขา กลัวว่าซูพ่านเอ๋อจะเป็นตัวถ่วงของเขา ยังคิดจะฆ่าซูพ่านเอ๋อมาหลายครั้งแล้ว จนกระทั่งเขาแต่งงานกับกุ้อ้าวเวย ฝ่าบาทก็หยุดการไล่ฆ่า
หัวใจกุ้อ้าวเวยเย็นเฉียบลงไปทันที
ที่จริงเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มก็ทำเพื่อซูพ่านเอ๋อนี่เอง แต่นางกลับรู้สึกสงสารมากกว่า ซ่านจินจื๋อยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกความรักบังตา ยังพยายามทำเพื่อนางทุกอย่าง น่าสงสารเสียจริง
สักพัก กุ้อ้าวเวยมองเขาและพูดว่า: “ข้ากล้าพอที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของผู้อื่นอยู่แล้ว”
นางไม่ใช่ซูพ่านเอ๋อที่รู้แต่เรื่องแกล้งป่วยเพื่อได้รับความสนใจจากผู้ชายไว้
ถ้าวันนี้จวนเชิงเสี้ยงไม่ชอบนาง ท่านปู่หยุนเซ่อยังจะทดสอบนาง แต่กลัวว่าครอบครัวตระกูลหยุนนางก็ใช้ไม่ได้ และซ่านจินจื๋อรู้แต่ว่าหลอกใช้นาง ในโลกนี้ไม่มีที่ยืนของนางเลย แต่ขอแค่นางยังมีชีวิตอยู่ ต่อไปก็จะใช้วิชาแพทย์ที่มี เดินทางไปทั่วโลกช่วยชีวิตผู้คน!
พอคิดถึงตรงนี้ นางก็ยิ้มร่ามองไปทางซ่านจินจื๋อ: “แต่ว่าท่านอ๋อง ต้องมีสักวัน ข้าจะไม่เป็นตัวตายตัวแทนของใครอีกแล้ว”
ซ่านจินจื๋อมองด้านหลังที่เดินจากไปของนาง รอยยิ้มและสายตาใต้แสงตะวันของนางกลับวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
หญิงผู้นี้เหมือนไม่เคยกลัวเขาเลยและไม่กลัวความตายเลยด้วย
นางไม่ควรมาอยู่เมืองเทียนเหยียนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความคิดนี้วกไปที่ซ่านจินจื๋อต่อ
ซ่านจินจื๋อกำลังเหม่อลอย สีหน้าแสดงอาการอ่อนโยน จนกระทั่งผู้จัดการมาเรียก เขาก็ลงจากม้า เดินเข้าไปภายในจวน
ฝนเม็ดเล็กๆตกลงมา กุ้อ้าวเวยวิ่งพร้อมกับผู้คนไป และสาบานในใจว่า
ถ้าสวรรค์ส่งนางมาแทนกุ้อ้าวเวย นางก็จะสร้างพื้นที่ของตัวเองออกมาให้ได้