บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 271
บทที่ 271 มีทั้งความรู้และความสามารถในการต่อสู้
ตอนเช้าในวันนี้ ได้ยินเสียงกลองดั่งฟ้าร้องจากที่ทำการปกครองของเมืองเทียนเหยียน ประชาชนหลายร้อยคนมารวมกันที่ตลาด ข้างหน้าที่ทำการปกครอง เพื่อกล่าวหาความยุติธรรม นักเรียนชายที่ชื่อว่า หวางโม่ กำลังเขียนตัวอักษรว่า ยวน(การปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม)
แต่ไม่มีใครไปไล่เขาออกไป
ในขณะเดียวกัน องค์ชายสามรับทราบเรื่องนี้ และไปซื้อความภักดีของพวกโจรภูเขา จึงจัดการเรื่องนี้อย่างเรียบร้อยที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเอง หลังจากได้ใจประชาชนแล้ว เขายังเสียเงินตัวเองจำนวนมากเพื่อสร้างหลังบ้านให้แก่ประชาชน ภรรยาของเขา ฉางอีฉินไปทำบุญตักบาตรที่หน้าร้านชาซ่านด้วย
ช่วงนี้ ซ่านเซิ่งหานมีชื่อเสียงมาก ฮ่องเต้ให้รางวัลเป็นเงินทองจำนวนมาก และมีรางวัลอย่างอื่นอีกมากมายด้วย
ในเมืองเทียนเหยียนมาถึงฤดูร้อนแล้ว กู้อ้าวเวยกับเมิ่งซู่ไปค้นหาผู้ที่มีความสามารถ และสุดท้ายได้รายชื่อของผู้ที่มีความสามารถให้แก่ซ่านจินจื๋อและกู้เฉิง
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ปกติไปเยี่ยมเยือนจนถึงกลางคืน และคุณหมอของจี้ซื่อถางมักจะชวนเธอไปช่วยดูคนไข้้ด้วย วันนี้กู้เฉิงเยี่ยมตำหนักอ๋อง เธอได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมงก็ถูกชิงต้ายปลุกขึ้นมาละ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยรีบไปที่ห้องรับแขก เป็นเวลาที่กำลังง่วงมาก
“สวี่กุย ดูเหมือนไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไหร่นะ” กู้เฉิงอ่านบทความที่สวี่กุยเขียนและพร้อมคิ้วขมวด ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับการที่กู้อ้าวเวยเลือกคนนี้
กู้อ้าวเวยไม่พูดอะไร หาวอย่างขี้เกียจ ไม่ได้เถียงสักคำ
คนอย่างสวี่กุย ยกให้องค์ชายสามจะมีประโยชน์มากกว่า ผู้ที่มีความสามารถพวกนี้ ที่ได้รับการยอมรับจากกู้เฉิงและซ่านจินจื๋อมีไม่มาก คนที่ไม่มีความสามารถจะไม่เอา และคนที่มีความสามารถแต่คุมยากอย่างหวางโม่ ก็ไม่เอาเหมือนกัน
ซ่านจินจื๋อถูกใจกับคนที่ชื่อว่าโจวต้ามากกว่า กู้อ้าวเวยพยักหน้าและเห็นด้วยว่า “ฉันคิดว่าเขาก็ใช้ได้อยู่ เพียงแต่ว่าจะขาดความกล้าหาญนิดหน่อยเมื่อเจอผู้คนที่มีตำแหน่งสูง”
เห็นกู้อ้าวเวยพูดและพร้อมหาวไปด้วย ซ่านจินจื๋อวางหนังสือไว้บนโต๊ะ พูดว่า “เรื่องที่องค์ชายสามทำ คุณมีส่วนร่วมด้วยใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ จี้ซื่อถางตั้งใจหาผื่นที่ให้รักษาสำหรับประชาชนในตลาดนั้น ฉันเองก็ยุ่งทั้งวันทั้งคืน” กู้อ้าวเวยพยักหน้าและตอบมา แต่จริงๆ เธอได้ถือโอกาสนี้ติดต่อกับพวกนักล่า ฝีมือขององค์ชายสามนั้น เธอย่อมมีส่วนร่วมด้วยแน่นอน”
ซ่านจินจื๋อแค่พยักหน้า บอกว่า “ถ้าเหนื่อยแล้ว ก็ไปนอนพักที่ข้างหลังก่อนนะครับ”
“งั้นขอบคุณท่านอ๋องมากค่ะ” กู้อ้าวเวยยิ้มและตอบเขา เดินไปที่ข้างหลังฉากบังลม ไม่สักพักก็หลับอย่างสบาย
ซ่านจินจื๋อได้ยินเสียงหายใจอย่างเสถียร รู้ว่าเธอหลับแล้วแน่นอน
กู้เฉิงรู้สึกความอบอุ่นจากแววตาของซ่านจินจื๋ออย่างชัดเจน และพูดว่า “ปกติ เวยเอ๋อจะรีบร้อนไปหน่อย ต้องรบกวนท่านอ๋องช่วยดูแลด้วยครับ”
“ครับ” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า
สองคนไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ กลับมาปรึกษากันเรื่องที่ไปค้นหาผู้คน
หลับจนถึงกลางคืน กู้อ้าวเวยจึงตื่นมา ลืมตาและเห็นตัวเองนอนอยู่ที่วิหารเฟิ่งหมิงที่เธอคุ้นเคย คิดสักพัก จึงกลับตัวไปอีกด้านและนอนต่อ
ข้างๆประตู ซ่านจินจื๋อช่วยเธอปิดประตูอย่างเบา และจากไป
เฉิงซานเดินมาข้างๆเขา พูดอย่างเบาๆว่า “คุณหนูซูชวนท่านอ๋องไปเจอครับ และยังเตือนท่านอ๋องให้ระวังกู้อ้าวเวยด้วย บอกว่ากู้อ้าวเวยกับองค์ชายสามย่อมมีอะไรที่ปิดบังไว้แน่นอนครับ”
ซ่านจินจื๋อสีหน้ามืดมนลง กู้อ้าวเวยยุ่งจัดการเรื่องพวกนี้ทั้งวันทั้งคืน จะมีเวลาไปช่วยองค์ชายสามได้ไง และอีกอย่าง กู้อ้าวเวยก็ไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก
คิดถึงเรื่องนี้ ซ่านจินจื๋อกำลังจะจากไป แต่เห็นคนรับใช้เข้ามาบอกว่า เฉิงเสี้ยงกลับมาหาอย่างรีบร้อน
เขาเลยไม่ได้ไปที่พักของซูพ่านเอ๋อ และไปรอกู้เฉิงที่ห้องทำงาน
กู้เฉิงเดินมาและหอบอย่างรุนแรง พูดว่า “ท่านอ๋องครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว รายชื่อที่เวยเอ๋อเอาให้เราวันนี้ เมื่อกี้ถูกคนอื่นเอาไปแล้วครับ”
ซ่านจินจื๋อมองเห็นแขนของกู้เฉิงยังมีเลือดไหลอยู่ รีบให้เมี่ยวหารไปเรียกหมอมาทำแผล และสั่งกุ่ยเม่ยกับเฉิงซานสองคนไปตรวจเรื่องนี้
ถึงแม้ว่าสองคนนี้มีกังฟูระดับสูงแค่ไหน แต่อยู่บริเวณภูเขานี้ นักล่าเป็นเจ้าของบ้านอยู่แล้ว
กลางคืน นักล่าเดินเข้าไปที่ถ้ำเล็กๆที่ซ่อนอยู่ข้างใน ซ่านเซิ่งหานกับเยว่กำลังรอเขาอยู่ที่ข้างๆกองไฟ เห็นเขาเดินเข้ามาพร้อมการหอบอย่างรุนแรง มีดยาวในมือยังมีเลือดติดอยู่ และรับเอารายชื่อเล่มนั้นจากนักล่า
เยว่ช่วยเขาเช็ดเลือดบนมีดยาวออก และมองหน้านักล่า พูดว่า “คุณกล้าหาญจริงๆ กล้าทำร้ายเฉิงเสี้ยงด้วย”
“ไม่งั้น ดูไม่จริงไง” นักล่าผลักเธอออกไปด้วยความโกรธ พูดว่า “เธอได้บอกคุณแล้วว่าจะเลือกใคร ทำไมต้องไปชิงเอารายชื่ออีกละ ลูกน้องของคุณเกือบกลับมาไม่ได้”
ซ่านเซิ่งหานเก็บรายชื่อไว้ มองหน้าเขาและตอบว่า “ถ้าคุณไม่ไปเอารายชื่อนี้มา เมื่อผมไปสู้กับพระเจ้าอาเพื่อชิงผู้คนนั้น เขาต้องเกิดความสงสัยกับกู้อ้าวเวยแน่นอน การเสี่ยงครั้งนี้ จำเป็นต้องอยู่แล้ว”
สายตาของเยว่แปลกๆ คือมีดยาวที่เช็ดสะอาดแล้วให้นักล่า เดินไปข้างๆซ่านเซิ่งหาน ถามว่า “ท่านองค์ชายคะ คืนนี้เราจะกลับไปไหม”
“พักอยู่ที่นี่อีกหนึ่งวันก่อน ผมลาว่าราชกิจพรุ่งนี้เช้าแล้ว” ซ่านเซิ่งหานมีการเตรียมตัวไว้ก่อน นั่งลงไปที่ข้างกองไฟ
นักล่าถ่มน้ำลาย คิดสักพักและตัดสินใจอยู่ต่อ
“ช่วงนี้ คุณได้ช่วยจัดการเรื่องหลายเรื่อง แต่ยังไม่ทราบชื่อคุณเลย” ซ่านเซิ่งหานพึ่งนึกออก และถามเขา
“ผมชื่อ เจิ้นฉิงคุน ครับ” นักล่าตอบเข้า และถือมีดเดินออกไปพร้อมพูดว่า “ผมไปหาของกินครับ”
เข้าไม่กลัวจริงๆ ตอนนี้อ๋องจิ้งกำลังตามหาเขาอยู่ทั่วภูเขาและในเมือง แต่เข้ากล้ากาญเหลือเกิน
แต่เยว่ไม่ชอบเขาจริงๆ ถามว่า “ท่านองค์ชายคะ เจิ้นฉิงคุนทั้งไม่มีความรู้และประมาท เมื่อกี้ถ้าไม่มีคนพวกเราตามไปช่วย เขาตายไปซะแล้ว ใช้ไม่ได้หรอก”
“เขากล้าทำแบบนี้ ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้นหรอก” ซ่านเซิ่งหานคิดถึงอีกเรื่อง
คนอย่างเจิ้นฉิงคุน ถ้าพูดอย่างน่าฟังคือ มีความกล้าหาญ แต่ถ้าพูดอีกแบบ ก็คือไม่กลัวตาย คนพวกนี้ คุมไม่ได้ ถ้าขู่เขาด้วยจุดอ่อนของเขา อันแรกที่คนพวกนี้จะทำ คือต้องมาแก้แค้นอย่างไม่สนใจตายเป็น ถ้าตายต้องลากเราตายด้วย”
เยว่ไม่ได้พูดต่อ สักพัก ซ่านเซิ่งหานเหมือนนึกออกเรื่องอะไร และเอารายชื่อเล่มนั้นมาเปิดอ่านอย่างรายละเอียด จนกระทั่ง เจิ้นฉิงคุนหิ้วปลากลับมาและย่างให้สุก ซ่านเซิ่งหานจึงลุกขึ้นมาและพูดว่า “แบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออก”
“อะไรนะคะ”เยว่ถามและรีบลุกขึ้นตามเขา
“การสอบในฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้ ยังไม่มีโอกาสอย่างเพียงพอให้แก่ผู้เรียนที่ลำบากยากจนมาสู้กันหรอก” ซ่านเซิ่งหานยิ้มและพาเยว่เดินออกไป ก่อนออกไปยังไม่ลืมเอาเงินให้เจิ้นฉิงคุน และพูดกับเขาว่า “พรุ่งนี้ถ้าคุณจะไปพบเจอเธอที่จี้ซื่อถาง ฝากบอกเธอด้วยว่า การสอบในฤดูใบไม้ร่วงใกล้จะมาถึงแล้ว ให้เธอเอารายชื่อที่แอบเก็บไว้มาให้ผมด้วย”
ซ่านเซิ่งหานกับเยว่จากไปอย่างรวดเร็ว เจิ้นฉิงคุนจับเงินไว้อย่างแน่ หัวใจเต้นแรงเหลือเกิน
ปกติจะพูดกันว่า การสอยในฤดูใบไม้ร่วงนั้นเพื่อตรวจสอบและเลือกคนที่มีกังฟูเก่งๆออกมา แต่ดูแล้วองค์ชายสามไม่ได้คิดแบบนั้น
และสำหรับคนที่ไม่มีค่าอย่างเขาเอง ยังมาใช้เวลากับตัวเขาขนาดนี้ ไม่สบายใจมาก