บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 276
บทที่ 276 แปลกประลาท
เปลี่ยนรถม้าเป็นรถม้าที่ดีและร่ำรวย คนรับใช้สองคนนั้นช่วยเธอถอดรองเท้าที่ติดโคลนของตัวเองออก และเอาเสื้อชั้นนอกที่สวยงามให้เธอใส่
ข้าราชการของเมืองเยว่ซานคนนี้ ชื่อว่า ฉียินป่าย อายุสีสิบ ตัวสูงและผอม ท่าทางอ่อนน้อม และต้อนรับเธออย่างดี
แต่เมื่อเธอลงจากรถมาในเมื่อกี้ เห็นข้าราชการคนอื่นยืนอยู่ด้านหลังไม่น้อย ประมาณยี่สิบกว่าคน แต่พอนึกถึงว่า ในบริเวณนี้มีแต่กระท่อม ก็เลยไม่รู้สึกแปลกเท่าไหร่
คนรับใช้คนนั้นอยากจะช่วยเธอทำผม แต่กู้อ้าวเวยยกมือและผลักมือคนนั้นออกไป เปิดผ้าม้านเห็นฉียินป่ายอยู่ข้างรถม้า เลยถามว่า “ใต้เท้าฉี ขึ้นมานั่งไหม”
“ท่านพระชายาเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงและประเสริฐ ผมไม่กล้าละเมิดทำนองคลองธรรมครับ” ฉียินป่ายตกใจมากกับการเชิญชวนของเธอ และรีบปฏิเสธ คนรอบข้างล้วนหันมามอง เธอจึงได้แต่ปิดผ้าม่านไว้ก่อน
คนรับใช้สองคนนั้นยังคุกเข่าอยู่ทั้งๆที่อยู่บนรถม้า เธอดูแล้วปวดหัวเหลือเกิน
ได้ลงจากรถม้าสักที เห็นลานอย่างกว้างใหญ่ต่อหน้า ยิ่งทำให้เธอปวดหัวมาก เธอใส่หมวกเสื้อคลุมยาวและเอาผ้าคลุมหน้ามาคลุมหน้าไว้ เหลือแต่ดวงตา จึงเดินเข้าไปข้างใน
ฉียินป่ายเดินตามมาที่ข้างหลังและหากจากเธอประมาณปลายแขนมือเสมอ
“ใต้เท้าฉี ฉันมาอย่างเงียบๆ ไม่ต้องต้อนรับอย่างดีขนาดนี้หรอก พรุ่งนี้เช้า ฉันติดธุระ จะเข้าไปในหมู่บ้านฉางผิง” กู้อ้าวเวยดึงหมวกตัวเองลงนิดๆ เพราะสายตาของคนพวกนั้น ทำให้เธอไม่สบายใจเหลือเกิน
“แต่ว่า ไทเฮา ฮ่องเต้กับท่านอ๋องสั่งให้ผมต้องดูแลท่านเป็นอย่างดีครับ ผมไม่กล้าต้อนรับอย่างไม่ดีหรอกครับ” ฉียินป่ายยิ้มและเดินไปข้างหน้า พูดต่อว่า “ถ้าท่านพระชายาจะไปหมู่บ้านฉางผิง ผมจะให้คนพาท่านไปครับ”
“ไม่ต้อง” กู้อ้าวเวยปฏิเสธเขา รู้สึกแปลกใจมาก
ถ้าเป็นคำสั่งของไทเฮา เธอไม่รู้สึกผิดปกติหรอก แต่ทำไมทั้งฮ่องเต้กับท่านอ๋องสนใจตัวเองขนาดนี้ รวมทั้งฉียินป่ายทำตัวอ้อนน้อมแบบนี้ ดูแล้วน่าจะไม่ใช่มาเพื่อติดตามเธอนะ
แม้ว่ามาติดตามจริงๆ เธอก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว
เธอไม่พูดอะไรอีก ตอนกลางคืน ไปบดยาสมุนไพรเอง และเอากระดาษกับตาข่ายที่ละเอียดห่อไว้ ทำซ้ำกันสองครั้ง สุดท้ายเอาตาข่ายอย่างหนาห่อไว้ตั้งสองชั้น
ขนาดห่อยาประมาณเท่ากับปลายแขน แค่คืนเดียว ทำเสร็จแล้วตั้งหลายห่อ
ฉียินป่ายไม่กล้าให้เธอทำดึกขนาดนี้ ให้เธอไปพักผ่อนก่อน แต่ไม่ได้ผล ก็เลยอยู่เป็นเพื่อเธอ
จนกระทั่ง ท้องฟ้าสว่างขึ้นนิดหน่อย กู้อ้าวเวยจึงวางของในมือ มองไปที่ห่อยาและสั่งคนรับใช้ว่า “ใช้เชือกรัดห่อยาไว้เรียบร้อย เสร็จแล้วเอาไปแช่บ่อน้ำแร่ที่ไทเฮาจะมาแช่ จนถึงกลิ่นยากระจายหมดค่อยเปลี่ยนห่อใหม่ ถ้าบ่อน้ำมีขนาดใหญ่ ก็แช่เข้าไปสามห่อ ถ้าไม่ใหญ่มากแช่ห่อเดียว อย่าให้น้ำพุร้อนไหลออกไปหมดนะ ต้องใช้ซ้ำ แต่ก็ต้องสะอาด”
“รับทราบค่ะ” พวกคนรับใช้ตกใจ และรีบทำตามคำสั่งของเธอ
กู้อ้าวเวยแต่งตัวเสร็จ เดินออกมาและเห็นโต๊ะทำงานของตัวเองถูกเก็บเรียบร้อยอย่างสะอาดสะอ้าน เธอคิ้วขมวด พูดว่า “วันหลังไม่ต้องทำความสะอาดที่โต๊ะของฉันอีก”
“ข้าทาสขอโทษค่ะ” พวกคนรับใช้ต่างคุกเข่าลงและขอโทษ
กู้อ้าวเวยนวดมุมหน้าผากของตัวเองเบาๆ หันไปมองฉียินป่ายที่ยังงุนงงอยู่ และพูดว่า “ใต้เท้าฉีไม่ต้องตามไปหรอก แค่เตรียมรถม้าให้ฉันก็พอ เอาแบบง่ายที่สุดนะ”
“แต่…”
“ถ้าใต้เท้าฉีจะตามไปจริงๆ เดี๋ยวอย่าว่าฉันแตกคอกับคุณนะ” เมื่อวานกู้อ้าวเวยคุยกับเขาเรื่องนี้ ด้วยการพูดอย่างอ้อนและอ่อนโยน ฉียินป่ายก็ไม่ยอมสักที วันนี้จึงต้องใช้วิธีการพูดอย่างแข็งขึ้นกว่า
ฉียินป่ายไร้ทางเลือก ก็เลยตกลงกับเธอ ในใจคิดอยู่ว่าจะแอบให้คนตามไป แต่ได้ยินกู้อ้าวเวยพูดมาว่า “ถ้าให้ฉันเห็นมีคนแอบตามไป ใต้เท้าฉีถือศีรษะของตัวเองมาพบฉันเลย”
พูดจบ เธอปิดม่าน รถม้าเริ่มวิ่งไปยังตลาดที่ไม่มีคนเดินอยู่ตอนนี้
ฉียินป่ายคิดสักพัก สุดท้ายไม่ได้ให้ใครแอบตามไป แต่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง ถามว่า “ใต้เท้า ถ้าพระชายาเกิดอะไรขึ้น…’
“ไม่เป็นไร อ๋องจิ้งรู้แจ้งกับที่นี่มาก ย่อมไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก” สายตาของฉียินป่ายเย็นชาลง คิดไปคิดมา นึกภาพที่เมื่อวานกู้อ้าวเวยตั้งใจทำห่อยาขนาดนั้น และพูดต่อว่า “แต่พระชายาดูเหมือนหลงใหลกับยาสมุนไพรมาก เมื่อวานท่านได้ไปตรวจรักษาไข้ให้หญิงชาวบ้านนั้น จริงๆเธอน่าจะไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ”
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ วางใจลงเหมือนกัน และคิดอยู่ว่า จะไปเล่าเรื่องนี้ให้คนบางคนทราบด้วย
ในขณะนี้ กู้อ้าวเวยนอนพักอยู่บนรถม้าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตื่นมาแล้ว รู้สึกแปลกๆกับเมืองเยว่ซาน
อย่าพึ่งว่าที่เมื่อวาน เธอไม่เห็นชาวบ้านสักคนออกมาขายของเลย วันนี้เช้า ปกติน่าจะมีชาวบ้านขนส่งผักหรืออาหารกันนะ แต่ไม่เห็นมีใครเดินอยู่ที่ตลาดเลย แถมที่การกระทำของคนในหมู่บ้านฉางผิงในเมื่อวาน…
โดยภาพรวมแล้ว แปลกจริงๆ แต่ถ้าว่าฉียินป่ายเป็นขุนนางที่ทุจริต แต่เห็นสภาพร่างกายของฉียินป่ายกับขุนนางคนอื่นแล้ว ไม่เหมือนคนที่เฮอาปาร์ตี้ดื่มเหล้าเล่นพนันนะ ดูร่างกายแข็งแรง กลับเหมือนคนที่ชอบออกกำลังกายทุกวันด้วยซ้ำ
แล้วอีกอย่าง เธอรู้สึกไม่สบายใจมากเมื่ออยู่ลานบ้านใหญ่หลังนั้น
ตรงโน้นดูเหมือนไม่มีคนพักอยู่เป็นประจำ แต่ที่คาดไม่ถึงคือ ก่อนเธอเข้าไปพัก น่าจะมีคนพักอยู่และพึ่งจากไปไม่นาน
คิดไปคิดมาสักพัก เธอจึงนอนพักหลับต่อ
จนพระอาทิตย์ขึ้น จึงมาถึงหมู่บ้านฉางผิง เธอไม่กล้าให้รถมาเข้าไป กระโดดลงมาจากรถม้าด้วยตัวเอง ถือกล่องไม้ไว้ในมือ บนกล่องไม้ยังมีหมอนที่ทำจากยาสมุนไพรสองใบ เธอตั้งใจเอามา
เธอรีบไปยังบ้านของกุ่ยเม่ย เก็บของไว้เรียบร้อย จึงถือกล่องไม้ใหญ่นั้นไปหาคุณยายที่บ้าน เธอยิ้มและพูดกับคุณยายว่า “คุณยาย วันนี้ สาวน้อยทำขนมให้คุณกินนะคะ ดีไหม”
“ดีสิคะ” คุณยายหัวเราะพร้อมตบขาตัวเองและตอบเธอ ดูสดชื่นกว่าเมื่อวานอีก
ผู้เฒ่ากับเด็กน้อย สองคนยุ่งอยู่ในห้องครัวที่กระท่อม ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาเป็นบางครั้ง เหมือนคุณยายกำลังเล่าเรื่องสนุกๆและเก่าแก่ให้กู้อ้าวเวยฟัง
คุณแม่ของกุ่ยเม่ย โจวซื่อ ได้ยินแล้ว จับเสื้อกุ่ยเม่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามว่า “ยัยนั้น เป็นคนที่คุณรักเหรอ”
กุ่ยเม่ยตกใจ รีบส่ายหัว ถ้าท่านอ๋องได้ยิน ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่เลย
โจวซื่อไม่รู้จะทำยังไง ตบเขาเบาๆ และพูดว่า “งั้นเธอช่วยคุณถึงขนาดนี้ได้ไง เทียนเหยียนหากจากที่นี่ ไม่ใช่ใกล้ๆนะ”
“ผม…ผมเคยสอนกังฟูให้เธอครับ” กุ่ยเม่ยไม่รู้จะอธิบายยังไง โจวซื่อไอเบาๆ หยิบเอาหมอนยาสมุนไพรนั้นมาและดม พูดว่า “กลิ่นนี้ ทำให้สดชื่นขึ้นนะ…”
“คุณแม่ครับ” กุ่ยเม่ยเรียก แต่ไม่ได้พูดต่อ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“งี่เง่าจริงๆ” โจวซื่ออุ้มหมอนยาสมุนไพรและไอ พูดว่า “เธอทำดีกับคุณขนาดนี้ ในอนาคต ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณด้วยนะ”
“คุณแม่” กุ่ยเม่ยเรียกอีก และคุกเข่าลงต่อหน้าโจวซื่อ พูดด้วยเสียงแหบ “ลูกไม่ได้ดูแลคุณแม่มาทุกวัน ลูกไม่กตัญญูครับ”