บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 317
บทที่ 317 คู่สร้างคู่สม
“หัวข้อนี้ข้าเป็นคนคิด ส่วนวิธีการท่านก็คิดเอาเองแล้วกัน” กู้อ้าวเวยนำตำราแพทย์ในมือขึ้นมาเปิดอีกครั้ง เพียงไม่นานก็อ่านเป็นจริงเป็นจัง
ซ่านจินจื๋อนั่งลงบนฟูกอยู่ชั่วครู่ ใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็เรียกเฉิงอี เฉิงเอ้อเข้ามา พร้อมกับกำชับ “ตอนนี้เหลือเพียงองค์ชายสามที่สามารถรับรองราชทูตประเทศเอ่อตาน พวกเจ้าไปนำจดหมายไปส่งให้เอ่อตาน”
ขณะที่กล่าวก็ได้นำเครื่องเขียนออกมา เขียนจดหมายด้วยความพลิ้วไหวแล้วส่งให้กับคนทั้งสอง
เฉิงอี เฉิงเอ้อสบตากัน พลันประหลาดใจทำไมจึงมีจดหมายสองฉบับ
“เฉิงอีทำทีเป็นเผยพิรุธ ก่อนอื่นให้นำจดหมายปลอมส่งให้กับราชทูตเอ่อตาน แล้วต้องจงใจให้สมุนขององค์ชายรองพบเห็น ส่วนเฉิงเอ้อนำจดหมายฉบับจริงส่งให้กับราชทูตเอ่อตานโดยด่วน” ซ่านจินจื๋อออกคำสั่ง
เฉิงอีเฉิงเอ้อรู้งาน หลังจากที่เก็บจดหมายก็จากไป
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วมอง ซ่านจินจื๋อสาวเท้าเดินถึงข้างหายนางรวดเร็ว เห็นนางยังอ่านตำราแพทย์อันซับซ้อนเล่มนั้น จึงอ้อมไปโอบไหล่นาง “ธุรเสร็จสิ้นแล้ว บัดนี้ยังมีบางอย่างที่ต้องทำ”
“ทำอะไร?”กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงของเขาที่น่มนวลอ่อนโยนขึ้นมาก กระเถิบหนีออกข้างตามสัญชาตญาณ
“สมควรเป็นคู่สร้างคู่สม แสดงอิสรเสรีภายในจวนอ๋องแห่งนี้” ซ่านจินจื๋อดึงตำราแพทย์ในมือนางออก พลันกล่าวต่อ “เห็นพวกเราสบายอกสบายใจ เป็นการล้างข้อกังขาอย่างดีในอนาคต”
“ไม่มีเวลา ข้ายังต้องฝึกซ้อมอีกนะ”กู้อ้าวเวยผลักไสมือของเขาออก ตบมีดสั้นบนเอวของตน
“ข้าจะฝึกเป็นเพื่อนเจ้า”
“ท่านก็เอาแต่คว่ำข้าตลอด” กู้อ้าวเวยกรอกตาใส่เขา บาดแผลนางยังไม่ทันหายดี ไม่อยากหาเรื่องแผลเปิดอีก
ซ่านจืนจื๋อขบขันกับท่าทางคล้ายกับถูกรังแกของนาง ต้องพูดให้คล้อยตามว่าจะไม่ทำร้ายนางจนบาดเจ็บเด็ดขาด กู้อ้าวเวยจึงได้ยอมตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
ซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยดูคล้ายจะเกิดความกลัวที่ผู้คนด้านนอกจะไม่ล่วงรู้ถึงความเอ้อระเหยลอยชายของพวกเขา ยามในวันที่กู้อ้าวเวยพักผ่อนบนม้าหินนั่ง เพียงเอ่ยลอยๆว่าอยากชมการร้องร่ายรำ ซ่านจินจื๋อก็จ่ายเงินก้อนโตเพื่อหาคนตั้งเวที ดูเพลิดเพลินตลอดราตรี
ซ่านจินจื๋อคล้ายว่าจะลืมซูพ่านเอ๋อร์ไปแล้ว วันๆอยู่ตัวติดกันกับกู้อ้าวเวย การถูกฮ่องเต้กักบริเวณ แทบจะไม่ต้องสนใจว่าเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่พวกนั้นพูดเรื่องอะไรกันบ้าง ช่างสุขเสรียิ่งนัก
ส่วนผู้ที่ร่ายรำถูกกล่าวขานว่านางรำเป็นยอดพธูดับหนึ่งแห่งเทียนเหยียน เหล่าหญิงสาวแห่งทิงเฟิงโหลวนำคนมาบรรเลงดนตรีดีดสีตีเป่า กลับกลายเป็นว่ากลุ่มหญิงสาวไม่กล้าเข้ามาห้อมล้อมซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวย เพียงล้อมวงกรีดกรายหยอกล้อกุ่ยเม่ยกับชิงต้าย ชิงต้ายเรียกขานเรียกพี่สาว พี่สาวทุกราย ไม่นานเหล่าหญิงสาวก็คุ้นชินเสียแล้ว
กุ่ยเม่ยกลับถูกวิ่งตามตื๊อไปรอบๆ น่าสนุกไม่เบา
กู้อ้าวเวยเอนกายพิงบนเบาะนุ่ม นำเหล้าชิงเหมยขึ้นมายกดื่มไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นซ่านจินจื๋อนำเหล้าจูเย่ชิงที่เก็บสะสมไว้ก่อนหน้าออกมาให้ดื่มด้วย ขณะที่กำลังดื่มด่ำอยู่นั่นเอง ดวงตาพลันหรี่แคบ เห็นกุ่ยเม่ยวิ่งหนีกลับรู้สึกน่าขัน “หลิ่วเอ๋อร์จะมาเมื่อใด?”
ซ่านจินจื๋อที่ประคองนางให้ตั้งตรง ถือโอกาสนำคอเสื้อที่แบะเปิดออกครึ่งหนึ่งเก็บให้เรียบร้อย กลับไร้ถ้อยคำแค้นเคืองต่อนาง ท่าทีราวกับโอนอ่อนผ่อนตาม เหล่าหญิงสาวที่เห็นต่างลอบป้องปากหัวเราะคิกคัก
“ไอ๊หยา ท่านอ๋องชัดเจนว่ารักถนอมพระชายายิ่งนัก”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใครหน้าไหนกล้าพูดว่าพระชายาไม่ได้รับความโปรดปราน คู่สร้างคู่สมเพียงนี้”
เหล่าหญิงสาวไม่เพียงใจกล้า ทั้งยังฉลาดเฉลียว ทราบว่าซ่านจินจื๋อปกติไม่ค่อยปรากฏตัวต่อธารกำนัล ยามนี้ประโคมอย่างเอิกเกริกก็เพื่อสร้างกระแส เสียงนี้ไม่ดังไม่เบาจนเกินไป พอที่ซ่านจินจื๋อสามารถได้ยิน
ซ่านจินจื๋อชำเลืองมองพวกนางด้วยสีหน้าดุจน้ำนิ่ง สาวๆรีบสงบปากสงบคำไปไล่ตามตื๊อกุ่ยเม่ยแทนแล้ว
นางรำยอดพธูกลับเดินเข้าหา พร้อมทั้งรินสุราให้ซ่านจินจื๋อ “ท่านอ๋อง แม่นางหลิ่วเอ๋อร์กล่าวว่าต้องตระเตรียมการชั่วครู่ อีกสักพักจะนำของบางอย่างออกมาเพคะ”
นางรำผู้นี้ใบหน้ารูปไข่วงหน้าเล็ก ดวงตาทั้งคู่กลับกลมโตเจิดจ้า หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงเสน่ห์อันเย้ายวน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทรวดทรงองค์เอวของนาง ดวงตาทั้งคู่ในยามนี้กลับทอดมองลงบนร่างของซ่านจินจื๋อ เนิ่นนานมิวางตา
“อืม” ซ่านจินจื๋อเอ่ยอย่างจืดชืด เห็นกู้อ้าวเวยยังอยากยกสุรา จึงเอื้อมมือไปขัดนาง กระทั่งด้วยความจนใจ “หากดื่มลงไปอีกแล้วหลิ่วเอ๋อร์มา คนคงหมดสติไปก่อนแล้ว”
กู้อ้าวเวยเชิดดวงตามองเขา ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางบนบ่าของเขา ส่วนตนเองก็เอนกายพิงเข้าหา กลับหรี่ตามองนางรำยอดพธูที่อยู่ตรงหน้า พลันหัวเราะครึ้มอกครึ้มใจ “นับเป็นสาวงาม แต่ผงชาดนี้ลงหนาเกินไปหน่อยนะ”
นางรำประหลาดใจ กู้อ้าวเวยกลับตบโต๊ะ ตะเกียบในมือข้างหนึ่งเหยียดออกเล็กน้อย ดันใต้คางของหญิงงามให้ค่อยๆเชิดขึ้น
“ถึงแม้ข้าจะดื่มสุรา แต่ก็ยังสามารถได้กลิ่นที่เจ้าต้องการปกปิด”
กู้อ้าวเวยสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน เห็นนางรำใบหน้าแข็งทื่อแต่ยังคงไม่ยินยอมเอ่ยปาก ตะเกียบแท่งนั้นวาดไล้ลงถึงใต้คอของนาง แล้วค่อยๆเลื่อนเปิดสาบเสื้อส่วนหน้าของนางลงไป
ซ่านจินจื๋อยังคงไม่แปรเปลี่ยนสีหน้า เพียงแค่มองดูด้วยความเฉยชา
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของนางรำถูกเผยออกโดยแท่งตะเกียบ สีหน้าพลันเปลี่ยนเล็กน้อย กู้อ้าวเวยเลื่อนลงมาถึงจุดสำคัญแต่กลับชักมือกลับแล้วนำตะเกียบแท่งนั้นโยนทิ้งด้านข้าง โอบกอดซ่านจินจื๋อไว้ในอ้อมแขน“ความงามของเจ้าที่เพิ่มยาปลุกอารมณ์เข้ามาช่วยนั้นไร้ผลกับเขา รู้หรือไม่?”
ยาปลุกอารมณ์?
ยาปลุกอารมณ์?
ซ่านจินจื่อเลิกคิ้วสูง ทั้งประกายในดวงตายิ่งเย็นเยียบลงไป
นางรำนั้นหวาดผวาจนอยากจะคุกเข่าร้องขอความเมตตา แต่น่าเสียดายที่กู้อ้าวเวยไม่ให้โอกาสนาง มือกลับยึดจับคางของนางไว้ จ้องมองดวงตานางอยู่ชั่วครู่ พลันยิ้มเย็น “ท่านอ๋องอาจไม่กล้าฆ่าเจ้า ที่เจ้าเป็นคนสนิทขององค์ชายรอง”
ครานี้ ใบหน้าของนางรำเปลี่ยนเป็นซีดขาว สั่นเทิ้มทั่วทั้งร่าง
เหล่าหญิงสาวแห่งทิงเฟิงโหลวยังไม่ทันสังเกตเห็นปัญหาตรงนี้ และก็กู้อ้าวก็ไม่ปล่อยให้นางเคลื่อนไหวมากนัก ซ่านจินจื๋อกลับประคองนางให้มั่นคงพลางเชิดคิ้ว
เขาถึงกับไม่รู้ว่านางรำยอดพธูอันดับหนึ่งจะเป็นคนสนิทขององค์ชายรอง
กู้อ้าวเวยพลันคลี่ยิ้ม “ใบรายการของสำนักเหยียนหยู่เก๋อข้าล้วนเคยอ่านผ่านตา องค์ชายรองซื้อตัวเจ้ามาราคาไม่น้อย แม้เรียกว่าเป็นบุพเพสันนิวาสราวหยาดน้ำค้าง แต่การที่เจ้าไต่เต้าเป็นนางรำยอดพธูคงไม่ได้อาศัยแต่หน้าตาเพียงอย่างเดียว ข้าจำได้ว่ามีบัณฑิตที่ต้องการไถ่ตัวเจ้า ผ่านไปหลายวันบัณฑิตผู้นั้นก็หายตัวไป ส่วนเจ้าก็ได้ปีนขึ้นเตียงใต้เท้าอีกคน”
“ข้าน้อย…”
“เจ้ามีความคิดอันลึกล้ำ ติดต่อกับองค์ชายรองหลายครั้งหลายคราไม่อาจไม่รู้อะไรเลย”กู้อ้าวเวยสะบัดคางของนาง หัวเราะอย่างถือดี “แต่น่าเสียดาย แผนหญิงงามกับเขาไม่ได้ผลหรอก ยาปลุกอารมณ์น่ะ มันไร้ประโยชน์สำหรับพวกเรา”
นางรำในยามนี้แม้สักคำก็เอ่ยไม่ออก
กู้อ้าวเวยไม่ได้นำความลำบากหรืออึดอัดใจให้แก่นาง เพียงสั่งให้คนหามเกี้ยวส่งนางกลับไป
เมื่อคล้อยหลัง นางอิงแอบเบาๆพลางลูบใบหู
“
“เจ้ารู้เยอะดีนะ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” ซ่านจินจื๋อจนด้วยเกล้า
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ใบรายการเหล่านี้ไม่ใช่สาระสำคัญ จะบอกท่านไปทำไม เรื่องนี้เป็นฉีหรัวที่บอกข้า นางสามารถหาข่าวสารเหล่านี้ได้มากมาย” กู้อ้าวเวยลูบขมับ คล้ายกลับฉุกคิดอะไรบางอย่าง พลันช้อนสายตามองเขา “ใช่แล้วท่านอ๋อง ยาปลุกอารมณ์นี้จะถอนหรือไม่ถอนดี?””
ดวงตาของกู้อ้าวเวยยังเจือไว้ด้วยประกายผืนน้ำอันสดใส ซ่านจินจื๋อในยามนี้ได้รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นเล็กน้อย “ไม่ถอนแล้ว”
กู้อ้าวเวยเพียงยิ้มเอื้อมโอบไล่ของเขา