บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 328
บทที่ 328 คืนให้เขา
เฉิงซานส่งคนไปตรวจสอบ ฮ่องเต้กลับวังเป็นเพื่อนไทเฮา เรื่องการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงก็มอบหมายให้ซ่านจินจื๋อจัดการคนเดียว
ซ่านเซิ่งหานยังคิดจะเข้ามาดูสถานการณ์ของกู้อ้าวเวย แต่กลับถูกซ่านจินจื๋อติติงไล่ตะเพิดไป จึงทำได้เพียงจบลงอย่างไม่มีอะไรชัดเจน
ซูพ่านเอ๋อฉวยโอกาสยามราตรีไปเอาโจ๊กร้อนๆ มาให้ซ่านจินจื๋อ วางลงข้างมือของเขา ก่อนมองไปที่กู้อ้าวเวยซึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย จงใจทำท่าทางแปลกๆ ออกมา แต่เพียงแค่อ้าปาก ไม่ได้เปล่งเสียง ผ่านไปสักพักจึงเดินออกไปด้านนอกอีกครั้ง
ซ่านจินจื๋อกับซูพ่านเอ๋อรู้จักสนิทสนมกันมานานหลายปี ต่อให้ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เพราะตอนนี้พลังอำมหิตของซูพ่านเอ๋อปะทุขึ้น แต่ยังคงใส่ใจกับทุกการกระทำและการเคลื่อนไหวของนางอยู่ จึงเอ่ยถาม “พ่านเอ๋อเกิดอะไรขึ้นกันหรือ”
“ไม่…ไม่อะไร” ซูพ่านเอ๋อโบกมืออย่างระแวดระวัง รีบเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ตุ้บ…” หนังสือเล่มหนึ่งร่วงลงมา
ซูพ่านเอ๋อดูเหมือนจะสะดุ้งโหยง รีบเก็บหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน หางตาของซ่านจินจื๋อกลับมองเห็นตัวหนังสือด้านบน เดินมาข้างกายของซูพ่านเอ๋อ ดึงหนังสือเล่มนั้นออกมา
เห็นชัดว่านี่เป็นหนังสือการแพทย์เล่มหนึ่ง
ซ่านจินจื๋อมองนางอย่างไม่เข้าใจ ซูพ่านเอ๋อมองครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยตรงๆ “หนังสือเล่มนี้ เป็นของที่องค์ชายสามมอบให้กู้อ้าวเวย ถูกเมี่ยวหารเห็นเข้าเสียก่อน ข้าจึงขโมยหนังสือเล่มนี้ออกมา เดิมทีเมื่อครู่ก็คิดจะเปิดโปงนาง แต่นางดันเกิดเรื่องเสียก่อน ถ้าหากข้าเปิดโปงมันต่อหน้า กลัวว่าวันหน้าท่านพี่จื๋อจะไม่สนใจข้าแล้ว”
ซูพ่านเอ๋อตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ
ซ่านจินจื๋อมุ่นคิ้วเล็กน้อย อ่านหนังสือการแพทย์เล่มนี้สักพัก ปั้นหน้าขรึม “เหตุใดนางจึงติดต่อสัมพันธ์กับองค์ชายสามได้”
“สวรรค์รู้ วันนั้นเมี่ยวหารแค่เพิ่งจะเคี่ยวยาเสร็จ ก็มองเห็นเงาร่างลับๆ ล่อๆ ร่างหนึ่ง จึงเดินตามเข้าไป หลังจากมองเห็นว่าเป็นองค์ชายสามแล้วจึงไม่กล้าเรียกคนอื่นๆ เดินตามเขาซึ่งพาอีกคนหนึ่งมาด้วยเข้าไปยังวิหารเฟิ่งหมิงตลอดทาง” ท่าทีหดเกร็งเมื่อครู่ของซูพ่านเอ๋อไม่มีแล้ว ขอบตาแดงก่ำ “อย่างไรเสียสิ่งที่ข้าควรพูดข้าก็พูดหมดแล้ว ท่านพี่จื๋อท่านดูเอาเองเถิด”
กล่าวพลาง จึงมุ่งหน้าออกไปจากค่าย ก่อนวิ่งสะอึกสะอื้นไปเสียแล้ว
ซ่านจินจื๋อรู้ว่าหลายวันมานี้ซูพ่านเอ๋อค่อนข้างกลัวเขาอยู่รำไร ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ล้วนระมัดระวัง แต่วันนี้จู่ๆ ก็แข็งขืนขึ้นมา แต่มันทำให้เรื่องนี้ยิ่งดูสมจริงขึ้นมามากยิ่งขึ้น
ส่งเฉิงยีเฉิงเอ้อออกไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ตัวเขาเองมองอิริยาบถของกู้อ้าวเวยซึ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยแวบหนึ่ง ก็เริ่มลังเลเล็กน้อยแล้ว
หากบอกว่ากู้อ้าวเวยติดต่อสื่อสารกับองค์ชายสามซ่านเซิ่งหานจริงๆ แม้นเป็นเช่นนี้ ซ่านเซิ่งหานก็ยิ่งเป็นเหมือนเสือติดปีก พูดมาแล้วก็น่าแปลก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ซ่านเซิ่งหานไม่ได้มีหัวหอกคมกริบใดๆ แต่ระยะหลังมานี้ อุบายนั่นกลับยิ่งร้ายกาจมากขึ้นไม่น้อย
กำลังนึกแปลกใจ ในหนังสือการแพทย์เล่มนั้นกลับมีกระดาษหลายแผ่นร่วงลงมา
ซ่านจินจื๋อเก็บมันขึ้นมาอ่าน เห็นว่าด้านบนเป็นจดหมายที่เขียนเพื่อนัดพบกับองค์ชายสาม ดูเหมือนจะเขียนซ้ำหลายรอบ เป็นลายมือของกู้อ้าวเวยไม่ผิดแน่
จดหมายในมือถูกบิดเป็นผุยผง แววเข่นฆ่าในดวงตาของซ่านจินจื๋อจางหายไปจนสิ้น เหลือเพียงแต่แววเฉยเมยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“ร่างกายของพระชายาจิ้งได้รับความเสียหาย รอหลังจากกลับตำหนักอ๋อง ให้ไปพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายในเรือนนิรนาม ส่งคนไปคอยคุ้มกัน ไม่มีคำสั่งของข้า ผู้ใดก็ห้าม เข้าแม้แต่ครึ่งก้าว” ฝีเท้าของซ่านจินจื๋อยังคงไม่รีบไม่ร้อน เขาทำเพียงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ทางด้านเฉิงยีเฉิงเอ้อ สิ่งที่เรียกว่าตรวจสอบก็คงไม่พ้นการตีวงสอบสวนทางอ้อม รวมถึงแนวโน้มพฤติกรรมบางส่วนในระยะนี้ขององค์ชายสามเท่านั้น
เพียงแต่องค์ชายสามทำการอย่างลับๆ ยากจะค้นหาข้อบกพร่องโดยแท้จริง จนกระทั่งวันถัดมาตอนที่เดินทางกลับตำหนักอ๋อง เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นหนังสือการแพทย์เล่มนั้น มันอยู่ในมือของซ่านเชียนหยวน
ซ่านเชียนหยวนรู้เรื่องที่กู้อ้าวเวยถูกกักบริเวณ โดยคิดว่าถ้าเขามุ่งหน้าลุยดะกระทุ้งกำแพง อำพรางเข้าไปตามใจชอบเสียดื้อๆ แล้วเอาหนังสือเล่มนี้ส่งคืนกลับไป ไม่เช่นนั้นหนังสือเล่มหนาปึกขนาดนี้คงจะถูกกู้อ้าวเวยค้นพบเข้าในทันทีแน่
“หนังสือเล่มนี้คือเล่มที่เมื่อก่อนตอนข้าออกไปแล้วไม่ทันระวังหยิบมันออกไปด้วย” ซ่านเชียนหยวนเตรียมตัวเสแสร้งแกล้งทำ
ซ่านจินจื๋อกลับเหลือบสายตาขึ้นเบาๆ ทำเอาถ้อยคำของซ่านเชียนหยวนจุกอยู่ในลำคอทั้งหมด “หนังสือเล่มนี้ เป็นของที่องค์ชายสามมอบให้นางใช่หรือไม่”
“เสด็จอา ท่าน…” ซ่านเชียนหยวนตกตะลึงสุดขีด แต่หวนคิดสักพัก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นถ้อยคำจากทางลี่วานเพียงด้านเดียว
“กรอบแกรบ…” ได้ยินเสียงกังวาน ซ่านเชียนหยวนมองดูกล่องไม้ด้านหลังของซ่านจินจื๋อกลายเป็นขี้เลื่อยไปเสียแล้ว ยังไม่ทันได้เอ่ยวาจา ซ่านจินจื๋อก็จากไปจากที่ตรงนี้ มุ่งหน้าเดินตรงไปขึ้นรถม้าของกู้อ้าวเวยเรียบร้อยแล้ว
กู้อ้าวเวยยังไม่ทันตื่นขึ้นมา ก็เป็นเพราะเขาสั่งคนให้วางยาสลบให้นาง
แต่ตอนนี้ เขากลับอดรนทนไม่ไหวอยากคว้านางขึ้นมาถามให้ชัดเจน และในขณะนี้เอง มีศรดอกหนึ่งปักอยู่ข้างหูของซ่านจินจื๋อ
รอบบริเวณมีการแจ้งเตือน มีเพียงซ่านจินจื๋อเท่านั้นที่ยังคงปั้นหน้านิ่งรับกระดาษแผ่นนั้นลงมา
บนกระดาษแผ่นนั้น เขียนเอาไว้อย่างน่าทึ่งว่า…. กู่เซิงยังคงเป็นบุตรเอกของกู้เฉิงเสี้ยง จักจั่นลอกคราบ หันไปพึ่งองค์ชายสาม
หลังจากอ่านจบแล้ว สีหน้าของซ่านจินจื๋อเคร่งขรึมลงอย่างสิ้นเชิง
ใช่แล้ว แม่นางหลิ่วเอ๋อแห่งทิงเฟิงโหลก็เคยพูดเช่นนี้ กู้เฉิงยังคงมีลูกนอกกฎหมายอยู่อีก มีกองกำลังของตนเองตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่สามารถตรวจสอบแสดงมันออกมาได้ ตอนนั้นกู้อ้าวเวยยังวางอุบายออกมาให้ตนอยู่เลย
ที่แท้ก็เพื่อปิดหูปิดตาผู้คนนั่นเอง
และในเวลานี้นั่นเอง ซูพ่านเอ๋อปีนขึ้นมาบนรถม้า กระตุกแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อเบาๆ หนึ่งที ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “ท่านพี่จื๋อ พวกเรากลับเรือนกันเถิด”
“อืม” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า กอบกุมมือของซูพ่านเอ๋อเอาไว้เบาๆ โอบนางเข้าสู่อ้อมอกอย่างผะแผ่ว “ถ้าหากเจ้าไม่เอ่ยเตือนขึ้นมา ข้าคงลืมเลือนอุปนิสัยของกู้อ้าวเวยไปสิ้นแล้ว”
“นางจะต้องยังเกลียดข้ากับท่านที่แย่งชิงลูกของนางมาเป็นแน่” ซูพ่านเอ๋อฝังตัวของตนเข้าไปในอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อโดยสมบูรณ์ เอ่ยวาจาแผ่วเบาข้างหูของเขา “ท่านกับนางถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจใจตรงกัน แต่ข้าต่างออกไป ข้าสามารถอยู่ข้างกายท่านได้ตลอดชีวิต”
“อืม” ซ่านจินจื๋อหลับตาลงแน่น
ที่แท้ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกับกู้อ้าวเวยเหล่านั้น มันเป็นเพียงแต่ความฝันที่หลอกให้ดีใจเก้อ
ความสุขอันว่างเปล่า
ซ่านจินจื๋อกับซูพ่านเอ๋อร่วมโดยสารกลับไปตำหนักอ๋องด้วยม้าตัวเดียวกัน
ซูพ่านเอ๋อยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่น่าหลงใหลกระตุกหัวใจของซ่านจินจื๋ออีกครั้ง “มีเพียงแต่ข้ากับท่านเท่านั้นที่เหมือนกัน พวกเรายังมีเป้าหมายร่วมกันอยู่นะ”
นางจุมพิตเรียวปากของซ่านจินจื๋อ ทว่าในใจของซ่านจินจื๋อยังคงเย็นวาบทั้งแถบ
เหตุใดกู้อ้าวเวยต้องหลอกลวงตน หลอกลวงหัวใจจริงจังทั้งดวงๆ นั้นของเขาด้วย
มิน่าเล่าองค์ชายสามถึงได้ฉลาดเพียงนี้ กะเกณฑ์เรื่องราวดุจเทพเจ้า ที่แท้เขาได้คิดคำนวณเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ทีละขั้นทีละตอนล่วงหน้าอยู่แล้ว
ส่วนซ่านจินจื๋อผู้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งอย่างเขา ถึงกับพ่ายแพ้ให้กับกู้อ้าวเวยคนหนึ่งเท่านั้น
ช่างน่าขันจริงๆ
“เมื่อถึงเวลาที่พระชายากลับไป เพิ่มโซตรวนร่าง ไม่จำเป็นต้องส่งข้าวส่งน้ำให้” ซ่านจินจื๋อบัญชาเสียงแผ่วอยู่ข้างหลังของซูพ่านเอ๋อ ลูบบนข้อมือของซูพ่านเอ๋อแผ่วเบา สายตาของเขาดูเย็นชาขึ้นมาหลายขนัด “นอกจากนี้ เรื่องก่อนหน้าที่ข้าให้เจ้าไปจัดการ จะต้องเห็นผลลัพธ์ในช่วงหน้าหนาว จนถึงฤดูใบไม้ผลิ ข้าอยากให้อาการเจ็บป่วยของพ่านเอ๋อหายดี”
เฉิงซานรีบพยักหน้า “แล้วนายน้อยชิงจือ…”
“นำตัวเขามาให้กู้อ้าวเวย ถือเสียว่าข้าคืนให้นาง” ซ่านจินจื๋อหัวเราะเย็นชา ก่อนควบม้า “ส่วนคนที่เหลือของตระกูลหยุน หากไม่สามารถเอาตำรับยาออกมาได้ ก็ทำตามกฎ ฆ่าโดยไม่มีข้อยกเว้น”
“ขอรับ” พร้อมกับคำพูดสุดท้ายของเฉิงซานสิ้นสุดลง
ซูพ่านเอ๋อยกมุมปาก ในใจกลับมีความขมขื่นแปดส่วน
ท่านพี่จื๋อรักนางลึกซึ้งเหลือเกิน ความเกลียดชังนี้ ก็ถึงได้ลึกซึ้งเยี่ยงนี้ แล้วเหตุใดซูพ่านเอ๋ออย่างนางถึงไม่ได้รับมันกันเล่า?