บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 374
บทที่ 374 นี่คือชะตาชีวิต
“ข้าก็ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมานานแล้ว ป้าจางบอกว่าบัญชีของเจ้าเรียบร้อยแล้ว ในปีเดียวนี้เจ้าได้รับสองสามหมื่นตำลึงเงิน ตอนนี้ยังเหลือหนึ่งหมื่นหกพันตำลึง ก็เพียงพอจะใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว” กุ่ยเม่ยลูบหัว แล้วหยิบเอาบัญชีที่ได้แยกประเภทไว้ ส่งให้กับกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะโดยปกติก็มีชิงต้ายคอยจัดการอยู่แล้ว
นางพลิกดูบัญชีอย่างผ่านๆ แต่กุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างกาย เหลือบไปเห็นฮัวหลีที่อยู่อีกมุมหนึ่ง
ฮัวหลีตกใจมากจนถอยไปชิดติดกับกำแพงด้านหลัง ถูกกุ่ยเม่ยมองอย่างเพ่งเขม็ง
กู้อ้าวเวยกำลังพลิกดูบัญชีภายใต้แสงของโคมไฟที่อยู่ในมือของกุ่ยเม่ย ลูบหัวไปพลางพูดว่า “ฉีหรัวไม่ได้ทำผิดกับข้าจริง ๆ เงินมากมายขนาดนี้ข้ามาถือไว้เองก็ไม่มีประโยชน์ นำเงินหกพันตำลึงมอบให้กับหวางโม่เพื่อแจกจ่ายให้ราษฎรที่กำลังลี้ภัย กองเสบียงของเขาควรจะมีอาหารไว้ตลอดเส้นทาง”
“ได้ อย่างนั้นข้าจะเก็บส่วนที่เหลืออีกหมื่นตำลึงไว้ให้เจ้า” กุ่ยเม่ยซ่อนสมุดบัญชีไว้เรียบร้อย ก็พากู้อ้าวเวยออกไปอย่างไร้ร่องรอย
“เงินอีกหมื่นนั้นเจ้าเก็บเอาไว้ใช้แต่งงานเถอะ รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิ เจ้าค่อยให้ชิงจือช่วยอะไรข้าสักอย่าง” กู้อ้าวเวยตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ “ชิงจือเป็นหลานของป่ายเหลากุ่ย เจ้าไปสืบข่าวคราวมา คิดหาวิธีทำให้เขายอมดูแลชิงจือชั่วคราว จากนั้นก็ไปภูเขาเทียนไปดูหลุมฝังศพของท่านปู่ ทำเรื่องทุกอย่างนี้เสร็จสิ้นก็ประมาณสามสี่เดือน”
“ข้าไปแล้วเจ้าก็ไม่มีคนคอยรับใช้ข้างกายแล้วสิ” กุ่ยเม่ยลูบหัว
“ยู่จูกับจื่อที่หลิ่วเอ๋อแนะนำไว้ก็ไม่เลวนะ ไม่ต่างจากเจ้ามาก อย่างน้อยต่อว่าพวกเขาก็ไม่เท่ากับดม่ไก่อย่างเจ้า” พูดจบ กู้อ้าวเวยก็วิ่งกลับไปยังวิหารเฟิ่งหมิง แต่ก็ไม่พบใครในนั้นแล้ว
ถูกเรียกว่าแม่ไก้แบบนี้กุ่ยเม่ยถึงกับถอนหายใจ และได้หันกลับไปมองยังทิศทางของฮัวหลีอีกครั้ง แล้วก็รีบตามกู้อ้าวเวยออกไป
รอจนทุกอย่างสงบนิ่งไม่มีความเคลื่อนไหว ฮัวหลีลูบหน้าอกตัวเองแล้วออกมาจากเงามืด ยังคงรู้สึกตกใจอยู่
กู้อ้าวเวยทำไมถึงได้มีเงินมากมายแบบนี้! และอีกหมื่นตำลึง พูดว่าจะให้ก็ให้เลย โดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่ากุ่ยเม่ยนางเป็นคนอย่างไร!
นางรีบกลับไปยังวิหารชีงเฟิงของกู้จี้เหยา นำเรื่องราวที่ได้เห็นวันนี้ไปบอกกับกู้จี้เหยา
กู้จี้เหยาก็ยังไม่เข้าใจ แม้ว่ากู้อ้าวเวยจะได้รับกุ่ยเม่ยมากจากซ่านจินจื๋อ แต่กุ่ยเม่ยก็บอกว่าตนเองเป็นคนที่ซ่านจินจื๋อเลี้ยงดูมา จะไว้ใจได้มากแค่ไหน”
“เจ้าว่า เป็นไปได้ไหมว่ากุ่ยเม่ยกับกู้อ้าวเวยจะเกี่ยวข้องกับแบบนั้น” ดังนั้นนางจึงไม่ได้สนใจเรื่องของอ๋องจิ้งเลย” ฮัวหลีทำท่าทางค่อนข้างสนิทสนม
กู้จี้เหยาเหมือนเพิ่งเข้าใจเรื่อง “ที่เจ้าพูดมาก็ดูมีเหตุผล”
“ก่อนหน้านี้ที่อารามไป๋หม่า ข้าคิดว่านางเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง แต่วันนี้ข้ากลับรู้สึกว่านางตบตาคน เรื่องที่ท่านพ่อบอก เจ้าไม่ได้เอาไปบอกนางก็ดีแล้ว จะเป็นการดีหากหลังจากนี้นางจะไม่รับรู้เรื่องบกพร่องใด ๆ” ฮัวหลีส่ายหัวซ้ำ ๆ แต่ในใจกลับรู้ดี คนที่นางกลัวไม่ใช่กู้อ้าวเวยแต่เป็นกุ่ยเม่ย
ดวงตาเมื่อครู่นี้ ในแววตาของกุ่ยเม่ยเต็มไปด้วยความโหดร้ายและคำเตือน
“ท่านอ๋องคงจะไม่ใช่คนที่ขี้รำคาญอะไร หากให้ท่านอ๋องรู้ว่าท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่…”
“แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของอ๋องจิ้งยังมองในแง่ดีไม่ได้ อย่างที่พี่ใหญ่พูดไว้ อ๋องจิ้งตั้งใจที่จะปกปิดเรื่องการแพร่ระบาด ผู้ลี้ภัยจึงได้เข้ามาร้องเรียนถึงเมืองเทียนเหยียนแล้ว ตอนนี้พี่ชายก็เป็นอัครมหาเสนาบดีคนใหม่ ถ้าหากอ๋องจิ้งคิดจะเงยหน้าต่อหน้าฮ่องเต้แล้ว ก็คงต้องกล้ำกลืนความเจ็บชำน้ำใจ ร่วมมือกับพี่ใหญ่และท่านพ่อ” ฮัวหลีหัวเราะอย่างเยือกเย็น
กู้จี้เหยายังคงมีข้อสงสัยอยู่ในใจของนาง มองไปยังหลานเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย “เจ้าบอกมาสิ เรื่องนี้….”
“เรื่องนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่ข้อเสนอของหลานเอ๋อร์” หลานเอ๋อร์พูด แอบมองไปยังฮัวหลี อย่างดูหวาดกลัว
ฮัวหลียิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เปรียบเทียบจำนวนบางอย่างเบาๆบนโต๊ะ หลานเอ๋อร์พยักหน้าทันที
“แต่หลานเอ๋อร์มีบางอย่างอยากจะพูด” หลานเอ๋อร์หันหลังกลับ มองไปยังกู้จี้เหยาเท่านั้น “คุณไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเหมือนอย่างซูพ่านเอ๋อ อีกทั้งยังได้เฉลียวฉลาดเหมือนกู้อ้าวเวยที่ได้รับคำชมเชยจากท่านอ๋อง แต่ความรักของคุณก็มากเพียงพอที่จะเชื่อมระหว่างท่านกับท่านอ๋องและคุณท่าน นี้เป็นการดีสำหรับท่านอ๋อง ไม่ใช่หรือ”
เพียงพูดถึงซ่านจินจื๋อขึ้นมาเท่านั้น กู้จี้เหยาก็สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที ดูเหมือนว่าสิ่งที่หลานเอ๋อร์พูดก็ไม่ผิด
ฮัวหลีมองว่าเรื่องของตัวเองได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว หลานเอ๋อร์ก็ค่อยๆออกไปแล้ว ยกห้องให้กับสองพี่น้องที่มีบิดาเดียวกันแต่ต่างมารดา แต่ในความเป็นจริง นางกลับแอบเข้ามาตำหนักอ๋องแล้วอยู่ในมุมหนึ่งซึ่งไม่มีคน เป็นหลังภูเขาจำลองลูกหนึ่ง
เงาดำเงาหนึ่งตกกระทบลงบนด้านข้างของภูเขาจำลอง กุ่ยเม่ยได้โยนมีดเล็กๆจากมือที่เพิ่งซื้อมาใหม่ นั่งไขว้ขา มองไปที่หลานเอ๋อร์ และโยนยาถอนพิษไปในเวลาเดียวกัน และพูดอย่างเยือกเย็น “ครอบครัวฝ่ายสามีของข้ามีกำไรไปแล้วครึ่งชีวิต ตอนนี้ยังต้องการเงินจากฮัวหลีอีก นับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว”
หลานเอ๋อร์รับเอายาถอนพิษ “คนไม่รักตัวเอง ฟ้าดินประหัตประหาร ข้าไม่ได้มีภูมิหลังวงศ์ตระกูลที่ดี ก็ต้องคิดทุกวิถีทางให้ตัวเองได้ดี”
“พระชายาชื่นชอบเจ้ามาก แต่ถ้าเจ้ายอมเป็นมิตรกับกู้จี้เหยาบ้างเพียงเล็กน้อย ก็ไม่ต้องผลักให้นางเข้าไปยังกองไฟ เกิดนางทำแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ นอกจากอ๋องจิ้งจะไม่โปรดปรานแล้วยังจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เจ้าก็รู้ว่าท่านอ๋องไม่ชอบใครก็จะคอยตามคุกคามเขา” กุ่ยเม่ยพูดอย่างเสียงต่ำ
แต่หลานเอ๋อร์กลับหัวเราะเยาะ “อย่างนั้นก็ต้องโทษนางเอง เห็นได้ชัดว่านางมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี ไม่ได้มีชีวิตเหมือนกับข้า”
กุ่ยเม่ยไม่มีอะไรจะพูดกับนางอีก เพียงนำรูปวาดม้วนหนึ่งโยนไปยังมือของหลานเอ๋อร์ ภาพวาดนั้นเขียนเกี่ยวกับที่อยู่แห่งหนึ่งบนถนนตะวันตก “นี่คือครอบครัวของฝ่ายสามีสิ่งที่พระชายาหามาให้กับเจ้า ครอบครัวนี้ค้าขายอัญมณี ในบ้านมีภรรยาหลวง ภรรยาน้อยอีกสอง อายุสามสิบกว่า มีคำพูดจากคนอื่นๆทั้งดีและไม่ดี”
หลานเอ๋อร์มองดูอย่างละเอียด แล้วนำรูปนั้นม้วนเก็บอย่างดี “ข้าตกลง เพียงแต่ตัวตนของข้าตอนนี้…..”
“พระชายาจะจัดการปัญหาให้เอง หนึ่งพันตำลึงทำให้คนนั้นยอมรับอนุภรรยา ต้องยินยอมเท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า” กุ่ยเม่ยยกมือขึ้น ทำกับหลานเอ๋อร์แบบนี้ไร้ยางอายอย่างยิ่ง
หลานเอ๋อร์กลับยิ้มอย่างหรี่ตา “ต้องการแค่นี้ดีแล้ว ฝากเจ้าไปขอบพระคุณพระชายาแทนข้าด้วย”
กุ่ยเม่ยยิ่งรู้สึกว่าหลานเอ๋อร์คนนี้ช่างไร้ยางอาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จึงกลับไปยังห้องของกู้อ้าวเวยเพื่อรายงานสิ่งที่ได้สั่งให้ทำ
กู้อ้าวเวยเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อรอแช่เท้าของ เมื่อฟังกุ่ยเม่ยพูดจบ ล้างเท้าของตนเองเสร็จก็ขึ้นไปบนเตียง มีอะไรนิดหน่อยที่บอกไม่ถูก “ทำไมถึงเกลียดนางละ
“วิธีการแบบนี้ดูจะไร้ความปรานีไปหน่อย ผู้หญิงไม่ควรจะเป็นคนหลักของใคร ทำไมถึง…” กุ่ยเม่ยพูดต่อไม่ถูก รู้สึกแต่เพียงว่าผู้หญิงควรเป็นอย่างนั้น…”
กู้อ้าวเวยตบลงบนเตียงเพื่อให้เขานั่งลง คว้าเอาชุดของเขาแล้วพูด “เดิมทีหลานเอ๋อร์ถูกขายให้โรงเตี๊ยม แต่ระหว่างทางได้พบกับกู้ฮูหยิน จึงเข้ามาเป็นสาวใช้ในตำหนัก ชีวิตของนางยากลำบาก เป็นเพราะโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับนาง ตอนนี้ก็ล้วนเป็นเพราะนางไขว้คว้าให้ได้มา เจ้าไม่ต้องเกลียด เพราะคนที่กำลังจะตาย ล้วนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ง่ายเลยที่จะรักษาหนึ่งชีวิตไว้ แต่กลับมาเจอคนกดขี่ ข่มเหง”
“อย่านั้นนางก็แย่มาก….” กุ่ยเม่ยเอามือกอดอก อย่างไม่พอใจ
กู้อ้าวเวยตบหัวของเขา “หากนางเต็มใจจะทำอะไรไม่ดี ก็เป็นชะตาชีวิตของนาง เหมือนกันกับเจ้า ก่อนหน้านี้ฆ่าคนอย่างกับอะไรดี ตอนนี้มาติดตามข้าช่วยคนไปไม่น้อยเลย เรื่องพวกนี้นะ มันคือชะตาชีวิต”