บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 396
บทที่ 396 หยุนหว่านยังไม่ตาย
ไม่ว่าอย่างไร จังหวะที่ทิงเฟิงโหลปรากฏขึ้นนั้นมันช่างน่าแปลกเกินไป เป็นนางเองที่เลือกที่จะเชื่ออย่างสิ้นเชิงในตอนนั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากู้เฉิงตอนนั้นก็ระวังตัวไว้นานแล้ว
ตอนนี้ปัญหาที่สำคัญที่สุด ก็คือสิ่งที่กู้เฉิงปกปิดไว้นั้นเมื่อตอนนั้น ที่แท้เป็นหยุนหว่าน หรือว่าเป็นชายคนรักประเทศเอ่อตาน หรือว่าคนคนหนึ่งที่หยุนหว่านและกู้เฉิงล้วนรู้จักกัน
ยู่จูก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จื่อที่อยู่ข้างกายกลับใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองไปที่กู้อ้าวเวย
สามคนต่างก็ครุ่นคิดกันได้มาถึงทิงเฟิงโหลแล้ว หลิ่วเอ๋อก็นำพวกเขามาที่ห้องรับรอง ยังยิ้มแย้มรินชาให้กับกู้อ้าวเวย “หยินเชี่ยวหลายวันนี้มักจะช่วยอยู่ที่ทิงเฟิงโหล ดูคล่องแคล่วขึ้นเยอะเลย”
กู้อ้าวเวยยกถ้วยชาขึ้น พูดด้วยสีหน้าคงเดิม “ท่านแม่ข้าบัดนี้อยู่ที่ไหน”
ท่าทางของหลิ่วเอ๋ออึ้งไปชั่วครู่ แต่กลับจัดการกับสีหน้าท่าทางของตัวเองได้ดี แต่จื่อเหมิงที่มาส่งของว่างนั้นกลับทำจานรองในมือแตก รีบเก็บอย่างตื่นตระหนก
หลิ่วเอ๋อจ้องไปที่จื่อเหมิงอย่างไม่พอใจ สีหน้าของจื่อเหมิงมีแต่ความทำอะไรไม่ถูก รีบเดินขึ้นมาข้างหน้า “นี่ท่านพูดอะไรน่ะ ฮูหยินหยุนหว่านเสียไปแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวอีกสักพักข้าจะไปขุดโลงศพดู หากในโลงศพไม่มีศพท่านแม่ของข้า ข้าก็จะมาเอาจากพวกเจ้า หากไม่ให้ ข้ารู้มาว่าช่วงนี้องค์ชายสามกำลังสำรวจโรงเตี๊ยมแต่ละแห่งอยู่ คนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้า แน่นอนว่าจะต้องหาออกมาได้แน่” กู้อ้าวเวยทุบถ้วยลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจ
จื่อร้องด้วยความตกใจ รีบหลบไปหลังจื่อเหมิง
จื่อเหมิงกับหลิ่วเอ๋อต่างพากันถลึงตาออกมา รีบลากจื่อออกมา ยัดเข้ากลับไปที่ด้านข้างของกู้อ้าวเวยใหม่อีกครั้ง
“พวกเจ้าออกไปเถอะ” หลิ่วเอ๋อดูว่าจะปิดไม่มิดแล้ว ได้แค่โบกมือให้คนสองสามคนนั้น
จื่อเหมิงลากจื่อเดินไปด้านนอก ท่าทางหน้าตาเข้มงวด ยู่จูกลับมีเหงื่อเต็มไปทั่วหัว
รอจนในห้องรับรองเหลือเพียงพวกนางสองคน หลิ่วเอ๋อจึงช่วยนางเช็ดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ พูดอย่างจำใจว่า “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว บัดนี้พระชายาท่านก็อยู่อย่างไม่เลว จำเป็นหรือที่จะมากวนน้ำให้ขุ่น”
“ท่านแม่ข้าที่จริงแล้วยังไม่ตาย พวกเจ้ากลับไม่บอกข้า ยังส่งคนไปปกป้องข้าอีก ตอนเริ่มแรกนั้นคิดว่าเป็นสหายของท่านแม่ข้า แต่ความจริงสิ่งที่ท่านแม่หลงเหลือเอาไว้ยังคงอยู่เช่นเดิม แม้แต่ตัวอักษรท่านปู่ก็ไม่พูดถึง” กู้อ้าวเวยเหลือบตาต่ำลง รอบตาเริ่มแดง มือสองข้างกำมุมเสื้อแน่น
เดิมทีนางคิดว่าการกลับมามีชีวิตอีกจะได้เจอท่านพ่อท่านแม่ แต่สิ่งที่กู้เฉิงปฏิบัติกับนาง ทำให้นางผิดหวัง
แต่บัดนี้ ข่าวที่หยุนหว่านยังมีชีวิตอยู่ทำให้นางมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งที่ต่างจากเดิม หากท่านแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ นางจะกตัญญูกับท่าน จะเรียกท่านว่าแม่ด้วยปากของตน
ดูสภาพของกู้อ้าวเวยตอนนี้ หลิ่วเอ๋อส่ายหัวอย่างจำใจ “เจ้าก็คิดว่าเขาตายไปแล้วเถอะ”
“ที่แท้นางเป็นอะไร……”
“นางเป็นคนที่นิ่งเฉยกว่าสถานการณ์ของเจ้าในตอนนั้น บัดนี้มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ทำไมเจ้าจะไปหานางอีก” หลิ่วเอ๋อก็เริ่มมีโทสะ มองดูกู้อ้าวเวย “เจ้านายของพวกเราแท้จริงแล้วไม่ใช่หยุนหว่าน แต่เป็นสหายของหยุนหว่าน แต่ตอนนี้มีบางอย่างที่จะให้เจ้าเข้าไปเกี่ยวโยงไม่ได้เด็ดขาด เรื่องที่แย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท เป็นเรื่องแรกที่เจ้าไม่ควรยุ่งเกี่ยว”
“ทำไม” กู้อ้าวเวยตบโต๊ะ “ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ ข้าก็จะหานางให้เจอ และเรื่องการแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ข้าได้ยุ่งเกี่ยวไปเรียบร้อยแล้ว”
“ทำไมเจ้าถึงดื้อเช่นนี้ ไม่กลัวว่าแม่เจ้าจะเป็นกังวลหรือ” หลิ่วเอ๋อมองนางด้วยใบหน้าที่ซีดขาว
“ในเมื่อนางไม่ให้ข้าไปพบนาง ข้าก็จะทำเป็นว่าไม่กลัวนางเป็นห่วง ข้าไม่เคยเจอนางมาก่อน ก็ทำเป็นว่าไม่ฟังคำพูดนาง อีกอย่าง ในเมื่อข้าสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ด้วยปากของข้า แก้ไขโชคชะตาของลูกหลานตระกูลหยุน เหตุใดจะต้องทำเป็นไม่สนใจรอพวกเจ้าหรือรอหยุนหว่านนางมาจัดการ” ในหัวใจของกู้อ้าวเวยราวกับว่ามีไฟกองหนึ่งกำลังเผาไหม้อยู่ ได้แค่ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น มองอย่างคนที่อยู่เหนือกว่า “ข้าอยากเจอนาง ก็เพราะข้าอยากได้ความรักจากคนในครอบครัวที่อบอุ่น หากไม่ได้ ข้าก็ยังเป็นข้าคนเดิม”
พูดจบ นางก็เอาเงินหนึ่งชั่งทิ้งไว้แล้วก็จากไปอย่างรีบร้อน
จื่อยังคงแอบอยู่ด้านหลังของจื่อเหมิง ยู่จูอยากจะตามมา กู้อ้าวเวยกลับพูดเบาๆ ว่า “ไม่จำเป็นต้องตามข้า แทนที่จะให้พวกเจ้าปกป้องข้า ข้าไปหาทั่วทั้งผืนฟ้าด้วยตัวเอง”
ยู่จูหยุดก้าวเดินอย่างจำใจ สองสามคนมองดูวินาทีที่กู้อ้าวเวยออกจากประตูไป ราวกับจะคลายความโกรธทั้งหมดลง วิ่งเข้าไปในฝูงชนตามปกติและจากไป
จื่อเหมิงจำใจต้องพาจื่อและยู่จูมาที่ชั้นบน ก็เห็นหลิ่วเอ๋อได้แต่ทอดถอนใจ “นางกับนายท่านช่างเป็นแม่พิมพ์ที่ถอดแบบกันออกมาจริงๆ”
“ก็อดไม่ได้ที่จื่อจะกลัว” จื่อเหมิงก็ได้แต่ทอดถอนใจตาม หยิกแก้มจื่อไปหนึ่งที “นางก็ไม่ใช่นายท่านสักหน่อย ทำไมแค่ท่าทีเดียวเจ้าก็หงอยไปแล้ว”
“นี่ไม่ใช่กลัวหรือ โดยปกตินายท่านแม้ว่าจะดี แต่พอโมโหขึ้นมาก็เป็นท่าทางแบบนี้ เป็นเงาเมื่อครั้งวัยเยาว์” จื่อรีบส่ายหัว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีการแม้แต่นิดต่อสิ่งนี้
“ทำไมพวกเจ้าถึงไม่บอกความจริงนางไป นางจะต้องเข้าใจผิดแน่ว่าฮูหยินหยุนหว่านไม่ต้องการนาง” ยู่จูก้าวเดินขึ้นมาข้างหน้า มองดูด้านหลังของกู้อ้าวเวยที่เดินลับไปไกลเรื่อยๆ ตะโกนออกมาเบาๆ ว่า “พวกเจ้ามักจะบอกว่าหยุนหว่านลำบากกว่านาง แต่นางกลับไม่เคยได้ใช้ชีวิตที่สงบเลยสักวัน ทุกวันนางศึกษาตำราทางการแพทย์เพื่ออยากจะช่วยเหลือโลกมนุษย์ แต่ภาระหน้าที่กับสภาพสังคมกลับหวังว่านางสามารถไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้”
“เมื่อครู่ข้าพูดกับนางว่า แม่ของนางแค่หวังว่าไม่อยากให้นางต้องมาเกี่ยวพันเท่านั้น” หลิ่วเอ๋อก็มองไปทางยู่จู
“แต่สิ่งที่นางต้องการ เพียงแค่ได้เจอแม่ของนางสักครั้ง” ยู่จูทอดถอนใจออกมา “ข้าว่า หยุนหว่านก็ไม่รู้ว่าลูกสาวต้องการสิ่งใด ถ้างั้นให้อะไรไปก็ไม่เป็นผลอะไร”
สองสามคนอยู่ในอาการนิ่งเงียบ ในใจของพวกนางก็ไม่มีสิ่งที่ต้องการในใจเช่นกัน
แต่สถานการณ์นี้ก็บีบให้คนเดินไปข้างหน้า ความแค้น ณ ตอนนั้นทำให้พวกนางต้องล้างค้าน ไม่ให้พวกคนชั่วเหล่านั้นได้ทำชั่วต่อไปอีก มีความผิดอะไรหรือ
กู้อ้าวเวยกลับไปในตำหนักอ๋องอย่างกระสับกระส่าย พอเดินในห้องของวิหารเฟิ่งหมิงก็เก็บอาการไม่ได้ที่จะฟุบลงไป
หยุนหว่านแท้จริงแล้วไม่ได้ตาย แต่กลับไม่ยอมพบข้าเลย ที่แท้เป็นเพราะอะไรกัน
ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเสียงจริง ตอนนี้คิดขึ้นมา ตั้งแต่นางแต่งเข้ามาที่ตำหนักอ๋องจิ้ง ก็เหมือนกับว่าเดินตามแผนของกู้เฉิง สิ่งที่กู้เฉิงต้องการก็คือความสัมพันธ์กับอ๋องจิ้ง และนางก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง และเรื่องเชือกทวงชีวิตเมื่อก่อน ก็คงเป็นแค่หมากในมือของท่านแม่ ทำให้กู้เฉิงกลัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากู้เฉิงจะมีแผนการเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว
อ๋องจิ้งก็ดี องค์ชายสามก็ดี แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครสักคนที่บอกนางกับเรื่องใดๆ แต่นางกลับไปเสนอความเห็นให้พวกเขา อยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดียิ่งไปอีก ไปคิดแผนกลยุทธ์ ไปช่วยคนอื่นแย่งตำแหน่งมกุฎราชกุมาร
ตั้งแต่ต้นจนจบ บัดนี้ข้างกายของนางไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
นางได้แต่พึ่งพาตัวนางเองไปพนัน ไปคาดเดาตลอดมา แค่รู้สึกว่าเหนื่อยมากจนเกินไป
นอกหน้าต่าง กิ่งไม้ต้นนั้นยังอยู่ แต่ชิงต้ายได้จากไปแล้ว หยินเชี่ยวก็แต่งไปเป็นสะใภ้คนอื่นแล้ว เพื่อการจากไปของตัวเองไม่เกี่ยวโยงกับกุ่ยเม่ยและชิงจือ ก็ให้พวกเขาจากไป กู้เฉิงไม่ชอบนาง นางก็ไม่ได้จะเข่นฆ่าคนตระกูลกู้ให้หมดสิ้น มีความเมตตาอย่างขีดสุดต่อกู้จี้เหยาด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ นางยังหลงเหลืออะไรอีกหรือ
ที่ไกลๆ ดูเหมือนว่าจะเห็นคนคนหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา