บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 397
บทที่ 397 ผ่อนคลายอารมณ์
ซ่านจินจื๋อกลับมาเห็นกู้อ้าวเวยนั่งพิงอยู่ข้างเตียง เกือบจะตกใจกลัวจริงๆ
ให้คนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกจี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) ตลอด ในใจเลยวางใจขึ้นเยอะ กู้อ้าวเวยตอนนี้เอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ขาวซีด ข้อมือที่โผล่ออกมานั้นดูผอมแห้งกว่าแต่ก่อนเยอะเลย
“ท่านอ๋อง พระชายาตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่อัดแน่นอยู่ในใจมากมาย”
“ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ อีกทั้งร่างกายของนางนับวันจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ที่แท้เพราะเหตุใด” สายตาของซ่านจินจื๋อก็ดูเย็นชาตามไปด้วย
พูดถึงตรงนี้ หมอสองสามคนที่จี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) ต่างมองหน้ากัน คิดอยู่ชั่วครู่ หนึ่งในนั้นที่อายุยังน้อยอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นออกมา “อย่ามองว่าพระชายาจิ้งเป็นเพียงผู้หญิง แต่ภาระที่นางทำนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชายอย่างพวกเราเลย ฝีมือทางการแพทย์ของนางสูงส่ง แต่ทุกวันกลับคิดว่าเขียนใบยาให้แก่ชาวบ้านที่ยากจนอย่างไร ให้พวกเขาสามารถมีปัญญาที่จะหายามากินได้ แค่จุดจุดนี้ นางก็ไม่รู้ว่าต้องใช้แรงกายแรงใจไปมากเท่าใดแล้ว
หมอคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างรีบนำคนลากออกมา พูดด้วยเสียงทุ้มว่า “เมื่อนานมาแล้ว พระชายาเคยบอกว่านางหลับไม่ดีเลย ทุกวันสามารถหลับได้สองชั่วยามก็ถึงขีดสุดแล้ว แม้ว่าหลายวันนี้จะดูอบอุ่นขึ้นหน่อย แต่กลับมักจะทุ่มเทแรงกายแรงใจ หากท่านอ๋องเห็นใจจริง ก็ให้พระชายาพักผ่อนสักช่วงหนึ่งเถิด……”
หมอสองสามคนที่จี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) ล้วนเคยทำงานไปมาหาสู่กับกู้อ้าวเวยทั้งนั้น พระชายาท่านนี้ไม่มีมาด ฝีมือทางการแพทย์สูง จิตใจเมตตา แค่ไม่เคยมีเวลาพักผ่อนเหมือนเช่นพวกเขาเท่านั้น
แต่หลังจากที่ซ่านจินจื๋อได้ฟังแล้วก็รู้สึกอึ้งไป
ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าตอนที่กู้อ้าวเวยพักผ่อนอยู่นั้นเคยทำอะไรบ้าง แม้แต่ท่าทางในตอนที่นางพักผ่อนก็ไม่เคยเห็นเลย
คิดถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อได้แค่รับใบยามา กำชับจี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) ว่าให้ส่งเข้ามาทุกวัน ถึงจะอุ้มเอากู้อ้าวเวยกลับไปได้อีกครั้ง
จนกระทั่งตอนค่ำมืด กู้อ้าวเวยจึงค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้น เห็นซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ข้างเตียง ก็เลยแปลกใจ “ดึกมากแล้ว ทำไมถึงนั่งอยู่ตรงนี้”
“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรือ” ซ่านจินจื๋อลูบหน้าผากของนางไปมา นำนางลงมาจากเตียง คนที่อยู่ด้านนอกไปเตรียมอาหารที่ร้อนๆ พร้อมทานมา
“จำอะไรได้หรือ” กู้อ้าวเวยนวดหว่างคิ้วไปมา ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียมาก
นางจำได้ว่าตัวเองกลับมาจากทิงเฟิงโหล ดูเหมือนว่าจะขึ้นไปบนเตียง หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
ซ่านจินจื๋อมองดูท่าทางครุ่นคิดของนาง เอานางมากอดอยู่ในอ้อมอก “ข้ายังพาเจ้าไปที่จี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) เจ้าก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลย ว่าไปแล้วหลายวันนี้ก็คงจะหักโหมไปหน่อย หาสถานที่พักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
“พักได้ที่ไหนกัน” กู้อ้าวเวยเอนหัวคิดไปมา คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีสถานที่ที่ตนเองอยากไป
“ปกติแล้วเจ้าอยากไปที่ไหน หรือว่าอยากจะทำอะไร” ซ่านจินจื๋อมองนาง
กู้อ้าวเวยครุ่นคิดอยู่นานมาก นวดหน้าผากของตนเอง ได้แค่ส่ายหน้าอย่างแรงๆ เท่านั้น
โดยปกติคุณหนูที่ฐานะดีหน่อยส่วนใหญ่ก็จะชอบแต่งโคลงกลอนกัน แต่ลูกสาวของพ่อค้าชอบที่สุดคือไปร้านตัดชุดและร้านเครื่องสำอางพวกนั้น มีบางคนก็ชอบไปโรงละคร หรือไม่ก็ไปหาพวกคนมีฝีมือเรียนรู้อะไรเล็กๆ น้อยๆ หน่อย
แต่กู้อ้าวเวยนอกจากตำราการแพทย์ของตนแล้ว ดูเหมือนว่าจะหาเรื่องอะไรที่ชอบไม่เจอจริงๆ ได้แต่เกาหูครุ่นคิดไปมา ครุ่นคิดเป็นระยะเวลานานก็คิดอะไรไม่ออกเลย
“ข้ารู้ว่าในหมู่บ้านเล็กๆ มีหมอไม่น้อยเลยทีเดียว เอางี้งั้นข้าให้คนส่งเจ้าไปเที่ยวเล่นที่นั่นสักสองวันเป็นไง” ซ่านจินจื๋อได้เพียงเสนอความเห็น “หมู่บ้านเล็กๆ นั่นใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสองวัน สมุนไพรที่นั่นก็เยอะ เจ้าจะต้องชอบแน่นอน”
“ทิวทัศน์เป็นเช่นไร” ดวงตาของกู้อ้าวเวยสว่างไสวขึ้นมาในบัดดล ดูเหมือนว่าจะอยากไป
“ทิวทัศน์ชวนให้คนหลงใหล เมื่อก่อนหมอไม่น้อยก็หามาจากที่นั่น และก็ยังมีจอหงวน (ผู้ที่สอบได้อันดับที่ 1) มาจากที่นั่นไม่น้อยเลยทีเดียว มีแต่เสียงอ่านหนังสือ ไม่เอะอะโวยวาย” ซ่านจินจื๋อก็เสียสละเวลาให้คนไปสืบหาสภาพของที่นั่นว่าเป็นเช่นไร
ฟังไปแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่พักผ่อนชั้นดีเลยล่ะ
กู้อ้าวเวยคิดอยู่ชั่วครู่ ธุระหลายวันนี้ก็ไม่ค่อยเยอะนัก ตนเองไปเข้าร่วมหารแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเป็นการดีนัก จึงตอบตกลงรับปากออกไป แล้วถามขึ้นว่า “เจ้าอาจจะไม่สามารถปลีกตัวออกไปเป็นเพื่อนกับข้าได้ใช่หรือไม่”
“ถึงเวลา ข้าจะรับเจ้ากลับมาเอง ไม่รีบร้อน”
ได้รับคำตอบแล้ว กู้อ้าวเวยได้เพียงถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก หลายวันนี้ นางก็จะได้มีเวลาคิดว่าตนเองจะไปที่ใดมาจากที่ใดอย่างละเอียดรอบคอบเสียที
“แต่หลายวันนี้ก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ดูแลร่างกายให้แข็งแรงดีก่อนค่อยว่ากัน” ซ่านจินจื๋อนวดบีบฝ่ามือของนางอย่างเบามือ
“แน่นอนว่าไม่หนีไปไหนหรอก ข้ายังจะต้องฟังว่าที่แท้กู้เฉิงว่าหมากอะไรไว้กันแน่” กู้อ้าวเวยพูดอยู่ ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่า ซ่านจินจื๋อไปพบกับกู่เซิงมา รีบพูดว่า “ครั้งที่แล้วเจ้าพูดคุยกับกู่เซิงว่าอย่างไรบ้าง เขาเคยเอ่ยถึงสิ่งใดบ้างหรือไม่”
“ดังคำที่เจ้าบอก กู่เซิงแท้จริงแล้วมีจิตใจที่แตกต่าง เขาเหมือนกับพ่อของเขาเลย แต่มีความสามารถยิ่งกว่ากู้เฉิง” ซ่านจินจื๋อได้ฟังเรื่องที่เป็นทางการ สีหน้าท่าทางบนใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา เห็นคนที่หน้าประตูส่งอาหารมาถึงแล้ว จึงจูงกู้อ้าวเวยมาที่โต๊ะ ตักน้ำซุปให้นางไปพลางและจึงพูดต่อว่า “สิ่งที่เขาอยากให้ข้าทำคือ กำจัดองค์ชายทั้งหมด กดดันให้ฮ่องเต้สละราชบัลลังก์
“จิตใจชั่วร้ายเสียจริง” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วขึ้นทันที รับถ้วยน้ำซุปมาจากในมือซ่านจินจื๋อ “แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้เพื่อชีวิตของตนเองก็ได้แค่ทำเช่นนี้แล้ว”
“อีกทั้งเขาหวังว่าจะลงมือกับหยวนเอ๋อ บอกว่าองค์ชายสามไม่อยากลงมือกับหยวนเอ๋อ” พูดถึงองค์ชายสาม ซ่านจินจื๋อก็มองหน้ากู้อ้าวเวยอยู่ชั่วครู่
สีหน้าของกู้อ้าวเวยยังคงไม่เปลี่ยนไป แต่แค่ใจลอยไปเล็กน้อย “งั้นท่านอ๋องคิดจะทำเช่นไรดี”
“การแย่งชิงตำแหน่งของทุกคน ข้าจะต้องชนะอย่างโปร่งใสแน่”
“เป็นเช่นนี้ก็ดี” กู้อ้าวเวยถึงจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจได้
กับแกล้มบนโต๊ะครบถ้วน กิ่งไม้นอกหน้าต่างชมแสงจันทร์สว่างอย่างเดียวดาย แต่กลับไม่รู้สึกเหงาแม้แต่นิด กลายเป็นความอบอุ่นเสียมากกว่า
รออีกสองสามวันให้หลัง ซ่านจินจื๋อไปพบกับกู้เฉิงโดยลำพัง ตอนกลับมากลับสีหน้าเคร่งขรึม กู้อ้าวเวยก็ได้เพียงวางตำราที่อยู่ในมือลง ถามเขาว่า “ท่านพ่อพูดอะไรบ้างหรือ”
“ข้ารับปากจะร่วมมือกับเขาแล้ว” ซ่านจินจื๋อนั่งลงมาอย่างจำใจ เห็นท่าทางตกใจของกู้อ้าวเวย ก็พูดต่อว่า “แต่ข้าจะไม่ฆ่าลูกของเสด็จพี่จริงๆ หรอก ข้าแค่รับปากเขาว่า พอถึงเวลาจะไม่เอาองค์ชายสามไว้แน่นอน”
กู้อ้าวเวยตกใจมากยิ่งขึ้น “ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเสด็จพี่เจ้านะ”
“หรือว่าเจ้ายังมีความรู้สึกดีๆ อะไรกับเขาหรือ” ดวงตาคู่นั้นของซ่านจินจื๋อแฝงหนามที่แหลมคมเอาไว้ ก่อนจะรู้สึกตัว มือของเขาก็หยิกไปที่คางของกู้อ้าวเวยอย่างแน่นแล้ว ได้แค่พูดเตือนด้วยเสียงทุ้มว่า “องค์ชายสามกับข้าเปรียบดังน้ำกับไฟ ระหว่างพวกเราสองคน มีเพียงคนเดียวที่จะอยู่รอด เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม”
กู้อ้าวเวยมองดูท่าทางเช่นนี้ของซ่านจินจื๋อ ได้แค่พูดอย่างเย็นชาว่า “ทำไมเจ้าจึงไม่คิดดูว่ายังมีวิธีอื่นอีกมากมาย นับๆ ไปแล้วองค์ชายสามยังไงก็เป็นญาติพี่น้องของเจ้า แต่ท่านพ่อข้า สายเลือดกับเจ้าแม้แต่นิดก็ไม่มี”
“ดังนั้นแม้แต่พ่อแท้ๆ ของเจ้าก็ละทิ้งได้หรือ” คำพูดของซ่านจินจื๋อพูดจบ รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
แต่กู้อ้าวเวยกลับเปลี่ยนสีหน้าไปแล้ว สักพักก็คิดถึงของเรื่องหยุนหว่านเมื่อก่อนนั้น จึงรีบโบกมือซ่านจินจื๋อไปมา “ในเมื่อรู้ผลลัพธ์แล้ว ข้าก็ควรจะออกไปผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย