บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 405
บทที่405 ไม่มีถ้าหาก
ในขณะเดียวกันข่าวเรื่องการตายของกู้อ้าวเวยกลับไม่ได้มีแต่ซูพ่านเอ๋อที่รู้
ตั้งแต่พระราชวังพระพันปีฮ่องเต้ไปจนถึงคนทั่วไปก็แทบจะรู้ข่าวนี้หมด
พระพันปีร้องไห้จนหมดสติไปขนาดฮ่องเต้ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ กู้อ้าวเวยอุทิศคุณูประการเรื่องโรคระบาดไปไม่น้อย ตนเองก็มีความสามารถยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ว่าติดหนี้ตระกูลหยุนมากเท่าไหร่ มาตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็ผลักความรับผิดชอบให้ตระกูลหยุนก่อน บอกว่าตระกูลหยุนนั้นถูกใส่ร้ายแก้ปัญหาแบบลวกๆ
ในหมู่ผู้คนทั่วไป พระชายาจิ้งไม่เพียงแต่รอหลังกินข้าวแล้วพูดแต่รอจนถึงตอนตาย ผู้คนก็พูดแต่ความดีของพระชายาจิ้ง
ตำหนักอ๋องจิ้งก็ตามหาแพทย์มือดีเพื่อต่ออายุกู้อ้าวเวย แต่บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีฝีมือการแพทย์ยอดเยี่ยมเทียบกับคนตระกูลหยุนได้ ใบประกาศได้ถูกติดออกไปแต่ผ่านมาหลายวันก็ไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย
ส่วนในวิหารเฟิ่งหมิง กู้อ้าวเวยเปิดกล่องยาแล้วมองยาเม็ดที่อยู่ด้านใน ขมวดคิ้ว “นี่คือยาแกล้งตาย?”
“ใช่ พ่านเอ๋อไม่อยากเจอเจ้าแล้วก็รอไม่ถึงที่เจ้าจากไปในฤดูหนาว” เมี่ยวหารส่ายหัว “ก่อนฤดูหนาวค่อยกินหลังจากสามวันจะตื่นขึ้นมาแล้วเจ้าจะผ่านฤดูหนาวไปได้”
กู้อ้าวเวยยิ้มรู้สึกเพียงแต่ลมหนาวด้านนอกหน้าต่าง “ก่อนฤดูหนาว? ก็อีกไม่เกินสองวัน”
“พอละ”เมี่ยวหารเอากล่องกลับไปกลับมา “ได้ยินมาว่าท่านอ๋องจะมาหาเจ้าในอีกไม่กี่วัน กล่องนี้ข้าจะช่วยเก็บไว้”
กู้อ้าวเวยเพียงพยักหน้า ไม่พูดอะไรสักคำ
ตอนนี้เธอกับซ่านจินจื๋อแทบจะไม่พูดอะไรกันสักคำ ทุกครั้งที่ซ่านจินจื๋อมา ก็มานั่งสักสองสามชั่วโมงแล้วก็ไป ทั้งสองคนมองกันแต่ไม่พูด เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่กำชับคนใช้ว่า ให้เอายาจีนในร้านยาเหย้าส่งไปให้เจิ้งฉิงคุนนิดหน่อย เพื่อให้เจิ้งฉิงคุนมอบให้แก่ผู้ต้องการในอนาคต
แต่หลังจากที่เมี่ยวหารออกไปซ่านจินจื๋อก็เดินเข้ามาทั้งที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้า
กู้อ้าวเวยไม่ได้มีความอยากอาหารดีๆบนโต๊ะนี้อยู่แล้ว เมื่อเห็นซ่านจินจื๋อนั่งลงตรงหน้า ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะวางตะเกียบลงดีไหม
“อาหารวันนี้ยังไม่ถูกปากหรือ?” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นเบาๆ
กู้อ้าวเวยไม่พูดอะไร แล้วมองคนเดินไปๆมาๆเพื่อเปลี่ยนอาหารบนโต๊ะ
“อีกสองวันก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว วันขึ้นฤดูหนาวฮองเฮาเชิญคนจำนวนไม่น้อยไปชมดอกเบญจมาศ”ซ่านจินจื๋อมองเธอ
“ไม่จำเป็นหรอก วันนั้นอากาศหนาวข้าเดินไม่สะดวก ถ้าไปกระตุ้นอะไรมันอาจจะยิ่งไม่ดี” กู้อ้าวเวยพูดแล้วก็ลูบๆขาตนเอง สองสามวันนี้เธอเองไม่ยอมลุกโรคเรื้อรังนี้ทำให้ปวดหัว
แต่เธอก็ยังฝืนประคองคนใกล้ชิดทั้งหมด
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า “งั้นก็ไม่ไป พรุ่งนี้…..”
“สองวันนี้ข้ารู้สึกอ่อนแรงกว่าเดิม ท่านไม่ต้องหาหมอให้ข้าแล้ว ข้ารู้ว่าตนเองมีความสามารถเท่าไหร่” กู้อ้าวเวยพูดตัดประโยคซ่านจินจื๋ออย่างไม่อดทน
เงียบมานานซ่านจินจื๋อก็วางชามตะเกียบลง “ตอนก่อนที่เจ้าจะออกไปพักผ่อนนั้นเจ้ารู้เรื่องร่างกายตนเองแล้วใช่ไหม?”
“ก่อนที่จะไปอารามไป๋หม่าข้ากู้รู้แล้ว” กู้อ้าวเวยพูดค่อยๆยกมือขึ้นแล้ววางบนท้องตัวเองเบาๆ “เพราะเลือดของตระกูลหยุนข้าถึงสามารถรักษาคนได้ ถ้าเสียมันไปมากก็จะเป็นการทำร้ายร่างกายตนเอง”
สองมือของซ่านจินจื๋อหยุดนิ่งแล้วในใจก็จมลึก
เด็กคนนั้น…..
แต่เมื่อมองที่กู้อ้าวเวยเธอกลับเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเอามือขึ้นมาแล้วทานข้าว “เพราะข้าหักหลังท่านไปร่วมมือกับองค์ชายสาม ถ้าข้าเป็นท่าน สองวันนี้สู้ให้ท่านทำให้ข้ามีความสุข”
“งั้น….เจ้าอยากทำอะไร?”
“ข้าอยากไปดูดอกไม้ไฟแล้วก็ไปดูเล่นกล ใช้ชีวิตแบบคนปกติ”กู้อ้าวเวยพูด ค่อยๆยกมุมปากขึ้นแล้วก็ยกมือขึ้นลูบข้างใบหน้าซ่านจินจื๋อ “ข้าคิดมานานแล้วก็คิดเรื่องอะไรออกอย่างนึง”
“อะไร?”ซ่านจินจื๋อจับหลังมือเธอเบาๆ
“บางครั้งการปล่อยคือความรักกว่าการยึดติด” พูดจบกู้อ้าวเวยก็กินข้าวต่อ
เมื่อซ่านจินจื๋อได้ฟังก็สับสน แต่ตอนนี้นอกจากจะอยู่ข้างๆกู้อ้าวเวยเยอะๆแล้วก็เหมือนว่าจะไม่ได้มีวิธีชดเชยให้เธอมากเท่าไหร่ ผ่านไปสักพัก เขาจึงพูดต่อว่า “เจ้ายังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อตระกูลกู้อยู่? ถ้าเจ้ายอมวันหลังข้าสามารถเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของตระกูลกู้กับตระกูลหยุนได้”
“ขอแค่ท่านไม่กลัวตระกูลหยุนก็พอแล้ว ข้าไม่ได้คิดถึงตระกูลกู้ วันหลังอยากฆ่าก็ฆ่า อยากโยนก็โยน” กู้อ้าวเวยรู้ตอนที่กู้เฉิงทิ้งเธอจึงไม่นับเขาเป็นพ่อ
เอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธไม่ใช่สิ่งที่เธอทำ
ลี่วานทำอะไรไว้ก็ควรจะได้รับบทลงโทษ เยว่ตั้งใจยุแยงตอนนี้ก็ไม่ได้รับความไว้ใจจากซ่านเซิ่งหาน สิ่งที่กู้เฉิงทำไว้ตอนแรกสิ่งเหล่านั้นก็มีเหตุผลของมันเอง เธอจะไม่เข้าไปยุ่ง
ซ่านจินจื๋อแค่พยักหน้า
จนกระทั่ง ตอนกลางคืนกู้อ้าวเวยก็พิงอยู่ในอ้อมแขนซ่านจินจื๋อแล้วหลับไปโดยที่ไม่มีฝันร้าย
แต่ซ่านจินจื๋อนั้นกลับนอนไม่หลับทั้งคืน จมอยู่ในความคิดที่ว่าในสนามรบเขาฆ่าคนไปมากมาย ในตอนนี้ผลทั้งหมดจึงมาตกอยู่กับคนที่เขารักหรือเปล่า
ในเช้าของวันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าคนธรรมดาไปเดินถนน
กู้อ้าวเวยก็มีไอบ้างและไม่สามารถยืนได้ปกติจึงเดินตามซ่านจินจื๋ออย่างช้าๆ เมื่อเห็นสิ่งที่น่าสนใจก็หาที่นั่งลงข้างทางซึ่งเป็นที่น่าพอใจมาก
หนึ่งวันผ่านไป ก่อนนอนกู้อ้าวเวยก็อดจินตนาการไม่ได้
ถ้าเธอย้อนเวลาไปได้ เธอไม่ใช่ลูกสาวอัครเสนาบดีหรือลูกหลานตระกูลหยุนหรือซ่านจินจื๋อไม่หลงใหลซูพ่านเอ๋อแล้วก็ไม่ใช่ท่านอ๋อง บางทีชีวิตนี้พวกเขาอาจจะสามารถเดินทางไปทั่วโลก ได้เห็นทิวทัศน์ทุกมุมและสนุกไปกับการใช้ชีวิต
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ผล็อยหลับไป
จนกระทั่งคืนที่สอง เธอพูดโน้มน้าวซ่านจิงจื๋อ “ร่างกายข้าไม่ดี ท่านนอนกับข้าต้องรู้สึกเบื่อบ้าง”
“วันนี้ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่เลว อารมณ์ดีแล้วใช่ไหม?” ซ่านจินจื๋อแค่ทำตามความหมายของเธอแถมเขาก็มีเวลาไปถามเฉิงซานเรื่องเกี่ยวกับหมอพอดี
“แน่นอน”กู้อ้าวเวยยิ้ม หยิบปิ่นเงินของตนเองแล้วส่งให้เขา “ท่านพ่อบอกว่าปิ่นเงินนี้เป็นสิ่งเดียวที่ท่านแม่เหลือไว้ให้ข้า จากนี้ข้าขอส่งให้ท่านดูแล”
ซ่านจินจื๋อยิ้ม รับปิ่นเงินมาอย่างพอใจ
กู้อ้าวเวยมองดูแผ่นหลังของเขาจากไป หลังจากนั้นไม่นานเมี่ยวหารก็เดินถือกล่องเข้ามาเธอก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า รวบๆชุดขาวแล้วหยิบกล่องมา จากนั้นก็หยิบยากินเข้าไป
“ขอบใจมาก” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ
“ไม่เจอกันอีก”เมี่ยวหารเอากล่องเปล่าจากไป แต่ในใจกลับคิดว่าช่วยสาวงามซูพ่านเอ๋อกำจัดคนให้สูญสิ้นไป มันดีจริงๆเหรอ?
ส่วนกู้อ้าวเวยที่ลับหลังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบยาอีกเม็ดจากลิ้นชักออกมากิน ก่อนที่จะปิดตาสายตาของเธอก็มีความเย็นชาออกมา
ซูพ่านเอ๋อคิดว่าเธอไม่รู้จริงๆหรอว่าในยาแกล้งตายนี้มีกลอุบายอะไร