บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 41
ตอนที่ 41
“ได้แน่นอน” กู้อ้าวเวยจ้องมองเจ้าหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
การแสดงออกของซ่านเชียนหยวนผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ระหว่างทางเขามิได้ทำอันใดเลยนอกจากกินเค้ก
รอจนกระทั่งรถม้าเข้าไปในเมื่องเทียนเหยียน เฉิงยีที่อยู่ด้านจึงหน้าดึงบังเหียนพลางเอ่ยถามเสียงเบา “พระชายา พวกเราจะกลับไปที่ตำหนักอ๋องหรือร้านยาเหย้าพะยะค่ะ?”
“กลับไปที่ตำหนักอ๋องก่อนเถิด” คงจะต้องพาซ่านเชียนหยวนไปส่งก่อนจึงจะถูก กู้อ้าวเวยคิดเช่นนั้น
“แล้วร้านยาเหย้าเล่า? เวยเอ๋อ ท่านมิได้อาศัยอยู่ในตำหนักอ๋องกับท่านลุงหวางหรือ?” ในที่สุดซ่านเชียนหยวนก็เปิดปากพูดพลางจ้องมองนางด้วยดวงตากลมโต
กู้อ้าวเวยส่ายศีรษะของนางไปมา “ข้ามีที่พำนักอีกแห่งหนึ่ง ในเมื่อเจ้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ เจ้าก็น่าจะรู้ว่าท่านอ๋องมีบุคคลในหัวใจอยู่แล้ว ข้าได้รับตำแหน่งพระชายาก็เพียงพอแล้ว ข้ามิต้องการอันใดอีก”
“แต่ทว่านี่ค่อนข้างมิเป็นธรรมกับท่านเอาเสียเลย ถ้าเช่นนั้นพ่านเอ๋ออย่างดีที่สุดก็เป็นได้เพียงเมียน้อยไร้พลังไร้อำนาจ จะเปรียบเทียบกับชายาที่เข้าพิธีสู่ขออย่างเป็นทางการได้อย่างไร!” ซ่านเชียนหยวนเดือดพล่านฮึกเหิมเป็นอย่างมาก
กู้อ้าวเวยตบบ่าของเขาเพื่อให้เขาสงบลงก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น
ถ้าหากเขารู้ว่าหัวใจของภรรยาแท้จริงที่ได้รับการสู่ขออย่างเป็นทางการนั้น ถูกทำลายลงตั้งแต่ในคืนเข้าหอแล้ว อีกทั้งยังรับเอาเลือดในอกมา มิรู้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร
หลังจากกลับมาที่ตำหนักอ๋อง ซูพ่านเอ๋อใช้ร่างกายที่ไม่สบายของนาง เป็นข้ออ้างขอให้ซ่านจินจื๋ออุ้มนางกลับไปที่ห้อง ซ่านเชียนหยวนมองดูทุกสิ่งอย่าง ในเพลาที่เห็นซูพ่านเอ๋อและซ่านจินจื๋ออยู่ด้วยกันเมื่อใด เขามักจะเหนื่อยหน่ายที่จะมอง เพียงแต่ว่าถูกกู้อ้าวเวยวิงวอนขอไว้หนึ่งครั้ง การที่ทะเลาะเบาะแว้งจะทำให้กู้อ้าวเวยรู้สึกอึดอัดใจ
“ท่านอ๋องก็จริง ๆ เลย… มิคิดว่าแม้แต่เจ้าก็ยังทิ้งได้ลง” กู้อ้าวเวยก็ยังมิคุ้นเคยกับการเห็นซูพ่านเอ๋อ ทำเช่นนั้นเพียงเพื่อให้ซ่านจินจื๋ออุ้มนางกลับไป และทิ้งซ่านเชียนหยวนไว้ที่นี่
แต่ทว่าถึงแม้พ่อบ้านในตำหนักอ๋องนั้นเป็นผู้ที่จิตใจคับแคบ แต่ก็เป็นผู้ที่มิมีข้อคิดเห็น เขารีบวิ่งมาหาและมอบหมายหญิงรับใช้สองสามนางให้เขา แต่ทว่าซ่านเชียนหยวนกลับหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “ท่านลุงทำเพื่อผู้หญิงแม้แต่ข้าก็มิสนใจ”
“หึงหรือ?” กู้อ้าวเวยจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม พลางจิบชาและหาวอย่างเกียจคร้าน “ในเมื่อข้านำเจ้ามาส่งที่นี่แล้ว ที่นี่ก็มีท่านหมอเมี่ยวหารที่เป็นหมอประจำตัวพ่านเอ๋อจะคอยดูแลเจ้า เช่นนั้นข้ากลับไปที่ร้านยาเหลย้าของข้าเพื่องีบเสียหน่อยดีกว่า ”
นางยืนขึ้นช้าๆ และยังเดินไปไม่กี่ก้าว ซ่านเชียนหยวนซึ่งอยู่ในรถเข็นก็จับนางไว้ “ข้าจะกลับไปกับท่าน”
“มิได้!” เสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้นมาอย่างรุนแรง ซ่านจินจื๋อก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางกวาดสายตามองไปที่กู้อ้าวเวย “เจ้าช่างมีความสามารถ ชายรอบ ๆ ตัวเจ้าล้วนถูกเจ้าปั่นหัวจนยุ่งเหยิง เพลานี้แม้แต่หยวนเอ๋อก็รับซื้อแล้วหรือ? ”
“ชายรอบตัวข้าคืออันใด? ท่านอ๋อง ชายผู้ใกล้ชิดข้ามากที่สุดมิใช่ท่านหรือ? เหตุใดจึงมิเห็นว่าท่านถูกข้าปั่นหัวเล่นจนยุ่งเหยิง? ” นางมองกลับอย่างไม่พอใจและหัวสมองของนางก็สดใสขึ้นในทันที
“ฉีหลินในร้านยาเหย้าของเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้นใช่หรือไม่? เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเฉิงชานพูดว่าฮ่องเต้ที่สามตั้งใจส่งผ้าสองสามชิ้นให้คนนำวาจามาบอกเจ้า ว่าในวันหลังมิให้เจ้าไปเล่นน้ำในแม่น้ำตอนกลางคืนอีก ชายเพียงผู้เดียวยังมิพอหรือ?” ซ่านจินจื๋อโกรธมากจนยกมือขึ้นจับข้อมือของนาง แล้วดึงนางเข้าหาตัว
ข้อมือของกู้อ้าวเวยเจ็บปวดมาก แต่นางมิสามารถสะบัดหลุดได้ ทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด “ในวันนั้นพวกข้าเพิ่งเจอกันในพื้นที่ป่า”
“พบกันในตอนกลางคืนน่ะหรือ? ข้าเกรงว่ามิใช่เจ้าและฮ่องเต้ที่สามไปพบกันลับๆที่นั่นหรอกหรือ?” ซ่านจินจื๋อผลักนางอย่างโหดเหี้ยม แต่นางเพียงแค่นั่งลงบนพื้นแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ” ข้าคิดว่าเจ้ามีนิสัยใสซื่อไร้เดียงสา เป็นหมอที่จิตใจดี คิดมิถึงว่าเจ้าจะมีทักษะสูง เจ้าอยากให้ฐานะสนมราชสำนักนี้กลายเป็นกำลังสนับสนุนเบื้องหลังของเจ้าใช่หรือไม่! ”
“ซ่านจินจื๋อ ท่านกินยาผิดหรือ!” ข้อมือของกู้อ้าวเวยเป็นสีเขียวคล้ำ นางลุกขึ้นยืนพร้อมกับพยุงที่เก้าอี้ ก่อนจะจ้องมองที่ซ่านจินจื๋อ ก่อนที่จะกลับมายังดีอยู่ เหตุใดจึงเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ!
“ท่านลุง! เวยเอ๋อมิได้ทำอันใดผิด … ”
“ผู้ใดบอกให้เจ้าเรียกนางว่าเวยเอ๋อ! นางมีความน่าดึงดูดมากสักเท่าใดเชียว พวกเจ้าจึงเปลี่ยนเป็นเลื่อมใสศรัทธา!” ซ่านจินจื๋อตะโกนใส่ซ่านเชียนหยวน
สีหน้าของซ่านเชียนหยวนซีดเผือด ราวกับว่าก้างปลาติดอยู่ในลำคอของเขา เขามิสามารถพูดอันใดได้
วาจานี้ไม่เข้าหูอย่างมาก กู้อ้าวเวยถูกถากถางแต่กลับสงบและครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ตัวแปรเดียวมิใช่เพราะซูพ่านเอ๋อหรือ ดังนั้นนางจึงก้าวไปด้านหน้าและคว้าเข้าที่คอเสื้อของซ่านจินจื๋อโดยตรง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “เป็นเพราะแม่นางพ่านเอ๋อเอ่ยว่ามีชายอยู่รอบตัวข้ามากเกินไป และมันทำให้ท่านขายหน้าใช่หรือไม่?”
ซ่านจินจื๋อผู้ซึ่งถูกแทงใจดำจับข้อมือของนางอีกครั้ง อยากที่จะโยนนางออกไปอย่างรังเกียจ แต่นิ้วของกู้อ้าวเวยกลับจับส่วนบนของเสื้อคลุมเขาไว้แน่น: “ธาตุแท้ของพวกเรามิใช่สามีและภรรยา เช่นนั้นท่านจะมาสั่งสอนข้า! ตำหนิข้าในนามของอันใด! อย่าลืมล่ะว่าท่านและข้าอยู่ในความสัมพันธ์ทางการค้าเท่านั้น! แม้ว่าข้าจะตกหลุมรักกับคนขอทาน ข้าก็มิมีอันใดเกี่ยวข้องกับท่าน ซ่านจินจื๋อ! ”
“กู้อ้าวเวย!” ซ่านจินจื๋อตะโกนใส่นาง “เจ้าควรรู้ว่าเจ้ามียศหวังเฟยพ่วงกับนามของเจ้าอยู่!”
“ถ้าเช่นนั้นท่านเคยรักษาสัญญาของท่านเมื่อใด! ข้าเคยถูกผู้คนขานนามว่าหวังเฟยอย่างเป็นเกียรติอย่างแท้จริงเมื่อใดกัน ผู้ใดที่มิหัวเราะเยาะข้าเพราะมิได้รับความโปรดปรานจากท่านบ้าง? ข้าเคยบ่นกับท่านสักคำหรือไม่? ถ้าหากท่านมิเคารพข้า แล้วเหตุใดข้าจะต้องเคารพท่านหรือ” กู้อ้าวเวยผลักเขาอย่างรุนแรง ใบหน้าของซ่านจินจื๋อยังคงเย็นชา นางยืนหลังเหยียดตรงอยู่ตรงหน้าเขาพลางหัวเราะเยาะกับตนเอง “ข้ามิได้เป็นหนี้ท่าน ซ่านจินจื๋อ ”
เหล่าขุนนางทั้งซ้ายขวาได้ฟังดังนั้นก็ล้วนอกสั่นขวัญแขวน
กู้อ้าวเวยจับข้อมืออันเจ็บปวดของนางก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ซ่านจินจื๋อยืนนิ่งอยู่ที่นั่น คำพูดของกู้อ้าวเวยเมื่อครู่นี้ยังคงชัดเจน เขาขมวดคิ้ว
ต้องการสูตรลับ นางให้แล้ว ต้องการยาสมุนไพร นางก็สัญญาแล้ว ต้องการให้นางเป็นแพะรับบาป นางก็สารภาพแล้ว ขอให้นางช่วยรับมือกับราชินี นางก็รับปากโดยที่มิเอ่ยอันใด แต่เขากลับมิเคยทำอันใดเลย
ซ่านเชียนหยวนรู้อะไรบางอย่างจากบทสนทนาของพวกเขา เขาจ้องมองซ่านจินจื๋อด้วยความขุ่นเคืองเช่นเดียวกัน “ท่านลุง หากท่านหึงหวงหวังเวยกับชายอื่น แล้วเหตุใดท่านจึงมิปฏิบัติกับนางดีๆเล่า? ยังจะก้าวขึ้นไปเหยียบเรือสองแคม เช่นนี้มิเห็นแก่ตัวเกินไปหรือ? ”
“ หึงหวงงั้นหรือ? ข้าหึงหวงนางเมื่อใดกัน?” เสียงของซ่านจินจื๋อดังขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งปกติ
“ มิใช่หรือ?” ซ่านเชียนหยวนมองดูเขาด้วยความงงงวยมากขึ้น “ แล้วเหตุใดท่านจึงต้องสนใจหากมีชายล้อมรอบตัวหวังเฟยมากมาย”
คราวนี้เป็นคราวของซ่านจินจื๋อที่นิ่งเงียบ
ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเขาจับมือของกู้อ้าวเวยบนภูเขาในวันนั้น ความรู้สึกในการสัมผัสบนฝ่ามือของเขายังไม่หายไปไหน มันเย็นแต่ทรงพลัง และนางมีรอยยิ้มที่จนตรอกที่สุดบนใบหน้าของนาง
พลันเขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ แต่ในใจของเขากลับมีเสียงอีกเสียงหนึ่งกำลังตะโกน ซูพ่านเอ๋อคือน้องสาวของอาจารย์เจ้า เป็นผู้ที่เจ้าทุ่มเทไปมากมาย เจ้าจะรังแกนางมิได้
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
“ ไม่ต้องพูดถึงนางแล้ว หยวนเอ๋อ ข้าจะพาเจ้าไปที่ห้อง” ซ่านจินจื๋อลืมตาขึ้นและเดินไปยังด้านหลังรถเข็นของเขา
“ มิต้องดอกท่านลุง ข้ายังต้องการอยู่กับหวังเฟย นางมักจะสอนวิธีรักษาอาการบาดเจ็บในกรณีฉุกเฉินให้แก่ข้า” ซ่านเชียนหยวนเอ่ยอย่างชาญฉลาด