บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 458
บทที่ 458 พักชั่วคราวที่แคว้นเอ่อตาน
เช้าตรู่ ฟ้ายังไม่สว่าง
แคว้นเจียงเยี่ยนถูกโจมตี การโจมตีของซ่านเซิ่งหานครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ทันให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมตัว
กู้อ้าวเวยเตรียมการไว้นานแล้ว ตอนที่มีข่าวแพร่ออกมา ก็ทำเป็นเก็บข้าวของ กุ่ยเม่ยก็ทำเป็นว่ารีบไปเอารถม้ามาให้ทัน ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของเถ้าแก่เนี๊ย แล้วค่อยเอาข่าวแอบไปบอกล่ายเสวียน
ล่ายเสวียนรีบไปที่สนามรบ ได้ทราบข่าวนี้ ลังเลอยู่ชั่วครู่ พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ส่งคนคอยอารักขา หากพวกนางไปแคว้นเอ่อตานจริงๆ จำไว้ว่าต้องส่งพวกเขาเข้าไปในตัวเมือง แล้วค่อยเอาจดหมายฉบับนี้มอบให้พวกนาง แสดงความจริงใจจากข้าแคว้นเจียงเยี่ยน”
หากสามารถร่วมมือกับแคว้นเอ่อตานได้ แคว้นชางหลานเพียงเมืองเดียว ก็นับว่าไม่มีความหมายอะไร
รุ่นของทั้งสามแคว้น ก็ควรจะผ่านไปแล้ว
แต่อีกฝั่งหนึ่ง กู้อ้าวเวยปีนขึ้นรถม้าอย่างตื่นตระหนก ยังไม่ลืมที่จะถามกุ่ยเม่ยสักหน่อยว่า “ข้าพายู่จูกลับมาได้แล้ว แผนที่ป้องกันเมืองนั้น……”
“ผิงชวนแก้ปัญหานี้ตั้งนานแล้ว เจ้ายังจะถามอีกกี่รอบ รับขึ้นรถ ไปซะ” กุ่ยเม่ยหิ้วนางเข้าไปในรถม้า แล้วก็ไม่สนใจคนด้านใน อีกทั้งยังไล่ไปสองที ก็รีบควบม้าออกไป ตามแผนของครั้งก่อน ไปทางแคว้นเอ่อตาน
ยู่จูรีบประคองนางไว้อย่างรีบร้อน พูดอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“กุ่ยเม่ยตอนที่จัดการข้าลงมือหนักมาก ไม่เป็นไร” กู้อ้าวเวยหวีผมไปมา อีกทั้งยังมองไปทางยู่จูอีกครั้ง พูดอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร “แค่วันข้างหน้าเพื่อความปลอดภัยของเจ้า เกรงว่าเจ้าจะต้องแกล้งตายแล้วล่ะ หลังจากนั้นข้าค่อยส่งคนแอบพาเจ้าจากแคว้นเอ่อตานส่งกลับมาที่แคว้นชางหลาน”
“ทำไมต้องแกล้งตาย”
“หากเจ้าไม่ตาย ครั้งหน้าที่ข้ามาแคว้นเจียงเยี่ยนไม่ต้องพาเจ้ามาด้วยอีกหรือ” กู้อ้าวเวยหัวเราะอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร “กลยุทธ์สาวงามใช้ไปแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว ถึงเจ้าจะอยู่ในค่ายทหารที่แคว้นชางหลานข้าก็ไม่วางใจ ธุระของเจ้านั้นข้าจะจัดการอย่างลับๆ เอง รอจนหลังสงครามค่อยให้องค์ชายสามรู้ก็ได้”
“เจ้าไม่เชื่อองค์ชายสามหรือ ข้าว่าเขาไม่ใช่คนที่จิตใจโหดเหี้ยม” ร่างกายของยู่จูสั่นไปมา ในใจแอบหวั่นกลัวอยู่เล็กน้อย
ผู้ที่อยู่ด้านหลังนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “เขาไม่ได้หวังให้ข้ามาช่วยชีวิตเจ้า อีกทั้งเจ้าก็เคยเห็นแผนที่ป้องกันเมือง ข้าก็ไม่ได้จะอยู่ด้วยตลอดเวลา รับประกันไม่ได้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร”
ดวงตาของยู่จูค่อยๆ โตขึ้น กัดริมฝีปากแน่นขึ้นทันใด ปลายนิ้วมือกำเสื้อไว้แน่น “แต่พวกเราทำไปก็เพื่อแคว้นชางหลาน ทำไมพวกเขาถึง…..”
“พวกเขาก็แค่ทำเพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่ข้า สิ่งที่ต้องการมีแค่ให้คนข้างกายปลอดภัย” กู้อ้าวเวยกุมมือของนางเอาไว้เพื่อปลอบประโลมนาง ในช่วงที่เกิดการกระแทกไปมา พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “อย่าเชื่อคนมากเกินไป ถึงเวลาซ่อนตัวเจ้าเองเอาไว้ดีๆ ตำแหน่งที่ตั้งดีที่สุดแม่แต่ข้าก็ไม่ต้องบอก”
ยู่จูพยักหน้าอย่างจริงจัง
สงครามที่ชายแดนอยู่ไกลจากพวกเขาออกไป แต่มีเพียงกู้อ้าวเวยที่รู้ ปากเหวที่ตัวเองขุดเอาไว้ ต้องมีสักวันที่ถูกค้นพบ
ที่จริงแล้วนางเป็นบุตรสาวของฮ่องเต้แคว้นเอ่อตาน และยังเป็นพระชายาจิ้งที่ตายไปแล้ว ตอนนี้ก็เป็นจุนซือขององค์ชายสาม
พูดไปพูดมา แคว้นเอ่อตานและแคว้นชางหลานล้วนไม่มีที่พึ่งให้นาง แต่ตอนนี้นับว่าที่แคว้นเอ่อตานเป็นแคว้นที่สงบสุข แคว้นชางหลานก็มีฮ่องเต้ที่ไม่เลว ตอนนี้ในสายตานาง ผิดจนไม่น่าให้อภัยได้คือแคว้นเจียงเยี่ยน
พวกทาสรับใช้เหล่านั้นไหล่หลังผ่ายผอม ยังมีรอยบาดแผลที่นับไม่ถ้วนที่ด้านหลังอีก
ตามความคิดของนางมันเกือบจะเป็นการทรมาน นางเคยลากจากการเอาชีวิตกลับมาจากมัจจุราชแล้ว ทำงานอย่างไม่มีวันหยุดหย่อน เพียงเพื่อให้คนพวกนั้นได้ดื่มด่ำกับความสุข
แต่แคว้นเจียงเยี่ยนกลับรู้ถึงความมีคุณค่าในชีวิตคนเลย
สงครามเลือดที่ชายแดนแม้ว่าจะมีแผนที่ป้องกันก็ตาม แต่ก็สู้กันไปเจ็ดวันเจ็ดคืน กู้อ้าวเวยที่ใกล้จะเข้าสู่แคว้นเอ่อตานแล้ว สองสามวันก็น่าจะได้รับข่าว แต่ซ่านจินจื๋อรอจนสองวันสุดท้ายถึงจะส่งคนมาช่วย ก็นับได้ว่าทำลายการหยุดชะงัก
“บนพื้นดินเกือบทั้งหมดถูกเลือดสาดจนเป็นสีแดง ศพกองกันเป็นภูเขา แม้แต่อีกาที่กินศพเป็นอาหารก็ยังทนไม่ได้กับรสชาติกลิ่นอายของที่นั่น คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสามของแคว้นชางหลานจะมีฝีมือเช่นนี้…….”
ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างทางต่างพากันหารือถึงเรื่องนี้
กู้อ้าวเวยก็ได้แค่ฟังเข้าหูบ้าง ข้างกายเหลือไว้เพียงกุ่ยเม่ยคนเดียวเท่านั้น
ระหว่างทางนางก็แอบพายู่จูส่งไปที่อื่นแล้ว ตอนนี้บนตัวมีเสื้อคลุมสีเข้มปิดบังไว้ พลางเดินไปพลางถามกุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างกายว่า “คนของแคว้นเจียงเยี่ยนยังตามติดมาอยู่ใช่หรือไม่”
“ยังตามมาอยู่” กุ่ยเม่ยพยักหน้า อีกทั้งมองไปที่ขาของนาง “ยังเดินไหวมั้ย”
“พอได้” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ซื้อเอาขนมเปี๊ยะข้างทางที่ขายอยู่ เดินไปกินไป
มิเช่นนั้นพวกเขาสองคนขี่ม้าปะปนอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน ก็จะน่าแปลกประหลาดเกินไปได้
เพียงแค่นานมากแล้วไม่ได้กลับมาที่แคว้นชางหลาน อาหารการกินด้านนอกก็ไม่เคยชินเลย เดินไปไม่นานเท่าไหร่ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่า “ได้ยินว่าครั้งนี้ เป็นทุ้งโจวที่พาคนมาสนับสนุนก่อน เซียวไห่ล่ะ”
“ดูเหมือนว่าแม่ทัพเซียวจะเพิ่งกลับไปที่ข้างกายของอ๋องจิ้ง เพื่อรับใช้เขาอย่างทั่วถึง ดึงหัวใจของผู้คนจำนวนมากกลับมา”
“อยากจะจัดการกับซ่านจินจื๋อก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเถอะ” กู้อ้าวเวยกินขนมเปี๊ยะอันใหญ่อันนั้นชิ้นสุดท้ายหมดแล้ว
ตอนที่จะรีบเข้าเมืองนั้น คนของแคว้นเจียงเยี่ยนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างทันที เอาจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้แก่มือนาง หลังจากนั้นก็หายลับตาไปในป่า แต่กุ่ยเม่ยรู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้จากไปจริงๆ
กู้อ้าวเวยเข้าเมืองไปในทันที ก็ไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเอง แต่พำนักอยู่ในเมือง ส่งข่าวผ่านนกพิราบ
คนของแคว้นเจียงเยี่ยนลอบจับนกพิราบลงมา เอาเนื้อหาที่อยู่ในนั้นลอกออกมาแล้วหนึ่งฉบับ หลังจากนั้นก็ค่อยปล่อยพิราบไป
กู้อ้าวเวยเท้าแก้มตัวเองอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร “เจ้าว่า คนของแคว้นเจียงเยี่ยนจะรู้ไหมว่าพิราบตัวนั้นที่จริงแล้วจะส่งให้ทิงเฟิงโหล”
“พวกเขาคงจะคิดว่าเจ้าจะส่งไปในวัง” กุ่ยเม่ยหัวเราะเบาๆ “เป็นเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ราชวงศ์ของแคว้นเอ่อตานและกองทัพปรากฏตัว ฐานะของเจ้าอย่างน้อยก็มีส่วนน่าเชื่อแล้วสามส่วน”
“นี่ก็พอแล้ว รอจนหลังจากข้ากลับไปอีก อย่างน้อยก็มีความกล้าอยู่สามส่วน”
กู้อ้าวเวยทอดถอนใจหนึ่งคำ คิดอยู่ว่าเรื่องราวของที่นี่ในที่สุดก็แก้ปัญหาได้แล้ว หลังจากอยู่ที่นี่สองวัน ทิงเฟิงโหลก็จะส่งคนมาเป็นตัวตายตัวแทน แกล้งทำเป็นกลับเข้าเมืองหลวงไป
กุ่ยเม่ยและกู้อ้าวเวยสองคนปลอมแปลงตัวเอง แอบจากไปจากอีกด้านหนึ่งของแคว้นเอ่อตาน
ตอนที่จะออกจากตัวเมือง กู้อ้าวเวยมองไปทางประตูเมืองอย่างแปลกใจอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องมองข้าอยู่”
“เจ้าคิดไปเองแล้ว พวกเรารีบไปเถอะ” กุ่ยเม่ยรีบดึงคนให้ขึ้นมาบนหลังม้า
แต่พวกทหารที่อยู่ตรงหน้าประตูเมืองกลับรวมตัวกันเมื่อตอนที่พวกเขาจากไป นายทหารคนหนึ่งในนั้นพูดเบาๆ ว่า “จับคนของแคว้นเจียงเยี่ยนที่แอบซุ่มติดตามกลับมา ดูว่าพวกเขาที่แท้แล้วมีแผนการอะไรกัน”
“คนผู้นั้น ก็จริงๆ เลย……”
“ฝ่าบาทมีบัญชา เรื่องนี้ห้ามทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำตามไปปกติก็พอแล้ว”
คำพูดได้พูดออกมาเสร็จ เรื่องทุกอย่างดำเนินการไปตามปกติ แค่ที่แคว้นชางหลาน แคว้นเจียงเยี่ยน ทิงเฟิงโหล เกิดความโกลาหลขึ้น
“ทำไมเขาจึงรู้ร่องรอยของเวยเอ๋อ ที่แท้เป็นใครกันที่พูดออกไป” หยุนหว่านมองจดหมายในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ ในใจดูสับสนวุ่นวาย
หลิ่วเอ๋อก็ดูมีสีหน้าหนักใจเช่นกัน “เรื่องนี้ เป็นฮ่องเต้ที่ส่งคนส่งจดหมายไปบอกฮ่องเต้ของแคว้นเอ่อตาน หวังว่าสงครามครั้งนี้จะทำให้แคว้นเจียงเยี่ยนสงบสุข ดัวนั้นอยากจะดึงแคว้นเอ่อตานลงมาด้วย แต่……”
“แต่อะไรหรือ” เวยเอ๋อตายไปแล้วครั้งหนึ่ง บัดนี้ปลอมตัว……”
“เป็นกู้จี้เหยาที่พูดกับไทเฮา แต่ข่าวนี้ เป็นฉางอีฉินพระชายาขององค์ชายสามบอกนาง” แววตาของหลิ่วเอ๋อเย็นชาไปเสี้ยวนาที