บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 462ตอนที่ 463
บทที่ 463 ไว้ชีวิต
ศพที่เน่าเหม็น
สนามรบเต็มไปด้วยบาดแผล เหล่าผู้ชนะทำความสะอาดสนามรบ เหล่าผู้ชนะร้องไห้ให้กับแขนขาตนเองที่ถูกตัดอยู่ในกระโจม มีดปืนดาบง้าวถูกย้อมไปด้วยเลือดหนาลามไปยันแม่น้ำ
กู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ยขี่ม้าข้ามชายหาดที่เปื้อนเลือด ในตาเต็มไปด้วยความเละเทะทำให้ทหารใหม่รู้สึกอยากอ้วกขึ้นมาทันทีแต่กู้อ้าวเวยข้ามผ่านทั้งหมดไปอย่างเฉยเมย ใต้ประตูเมืองที่เต็มไปด้วยลูกธนูก็แสดงป้ายประตัวของตนเอง
บนหัวก็เป็นกำแพงเมืองที่มีหัวคนแขวนอยู่แล้วก็มีคำว่าสือฉวีสองคำนี้อยู่
“เปิดประตูเมือง!”ทหารบนกำแพงเมืองโบกหมากในมือ
บานประตูเปิดออกบนตลาดถนนใหญ่ก็มีกองทัพทหารอยู่อย่างเป็นระเบียบ แล้วก็มีสีแดงเข้มอยู่ที่พื้น เสียงร้องที่เจ็บปวดกับเสียงฝึกทหารจากสนามฝึกนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ผสมผสานกันอย่างลงตัว
กู้อ้าวเวยไม่กล้าจินตนาการเลยว่าที่นี่เสียชีวิตไปกี่ชีวิต
ซ่านจินจื๋อเดินออกมาจากด้านข้างอย่างไม่ทันคาดคิดเลือดบนตัวยังไม่ทันได้ล้างออก แววตามุ่งมั่นในการฆ่ายังไม่ได้หายไปหลังจากที่เห็นนาง ความโกรธในดวงตาก็เพิ่มขึ้น พูดเสียงครึ้มว่า “ท่านจุนซือมาถึงสนามรบนี้มีเรื่องอะไรรึ?”
“ได้ยินมาว่าอ๋องจิ้งโจมตีชนะ ตั้งใจมาวางแผนให้”
กู้อ้าวเวยยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าใต้ผ้าคลุมที่มีความคล้ายกับกู้อ้าวเวย
“ท่านจุนซือก็พูดตลก ท่านไม่ใช่คนของฝ่าบาทองค์ชายสามหรือ ได้ยินมาว่าสองสามวันก่อนถูกสั่งห้ามออกข้างนอก ตอนนี้มาปรากฏตัวที่นี่คิดอยากจะเปลี่ยนคนหนุนหลังรึ?” เซียวไห่เดินออกมาจากทหาร สวมเสื้อคลุมยาวสีดำเหมือนเข้าไปในสนามรบโดยไม่มีเกราะกำบัง ชายกระโปรงเต็มไปด้วยเลือดแดงสด
กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “หยูนเฉินเป็นเพียงคนของชางหลาน ซึ่งอุทิศตนให้กับอ๋องจิ้งหรือองค์ชายสามจะมีอะไรต่างกัน”
เซียวไห่ยังอยากที่จะด่าอีกสักสองสามประโยคแต่เมื่อตอนที่เห็นดวงตานั้นก็ตกใจเล็กน้อย “เจ้าคือหยูนเฉิน?
“ใช่” กู้อ้าวเวยพยักหน้านิ้วมือลูบชายแขนเสื้อให้เรียบ “ที่มาที่นี่ตอนนี้ ได้ยินมาว่าในเมืองมีทาสจำนวนไม่น้อย บังอาจถามสักหน่อยว่าฝ่าบาทอ๋องจิ้งจะจัดการอย่างไร?”
“แน่นอนว่า ฆ่า ไม่งั้นถ้าอยู่ที่นี่ก็เปลืองเสบียงหมด” แม่ทัพคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆพูดอย่างโหดร้าย “เหล่าทาสที่อยู่ในสนามรบก็แทบจะไม่ต้องการชีวิตอยู่แล้วแล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเราสูญเสียพี่น้องไปตั้งเท่าไหร่”
“เจ้าคิดว่าไง?” ซ่านจินจื๋อส่งมีดยาวให้เฉิงซานแล้วยกมือขึ้นเพื่อจับข้อมือของกู้อ้าวเวย “หรือว่า คนหรือตระกูลหยุนนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ เจ้าอยากให้ข้าปล่อยพวกทาสนับหมื่นนี่หรือ?”
ข้อมือของกู้อ้าวเวยถูกจับจนเจ็บ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ปล่อย แน่นอนว่าปล่อยไม่ได้ แต่ท่านอ๋องหรือว่าท่านคิดไม่ถึงว่าในเหล่าทาสที่ปล่อยไว้นั้นก็อาจจะมีสายลับของแคว้นเจียงเยี่ยนอยู่?”
นัยตาตื่นตระหนก ซ่านจินจื๋อส่งสายตาให้เซียวไห่ ผู้ที่อยู่ด้านหลังก็อยากไปตรวจสอบเรื่องนี้แต่ก็ฟังกู้อ้าวเวยพูดต่อ “ข้าเคยเจอทาสเหล่านี้ ไม่ว่าจะชี้เจาะจงหรือว่าถูกชี้ก็ควรจะจับหมด”
ฝีเท้าของเซียวไห่ชะงักหันไปมองซ่านจินจื๋ออย่างสงสัย
“ทำตามที่เขาพูด”
“ขอรับ” เซียวไห่มองไปที่หยูนเฉินด้วยสายตาสับสนแต่ก็เดินจากไป
คนนี้ทำไมถึงเหมือนกูเอ้าวเวยเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ชายเซียวไห่ต้องเชื่อแน่ๆว่า กู้อ้าวเวยตายแล้วฟื้นคืนชีพ อีกทั้งความเข้าใจของเขาต่อซ่านจินจื๋อ ในเวลานั้นกู้อ้าวเวยอยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วจะหลอกล่อภายใต้สายตาซ่านจินจื๋อได้อย่างไร
แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
“คาดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะเชื่อข้าเช่นนี้” หน้าผากกู้อ้าวเวยเริ่มมีเหงื่อออก ข้อมือก็เกรงว่าจะถูกบีบจนเป็นรอยม่วง
เมื่อเห็นสีหน้านางเปลี่ยนไปซ่านจินจื๋อจึงปล่อยมือแล้วพูดเสียงเย็นว่า “เรื่องที่องค์ชายสามโจมตีกับส่งเมืองชี่ เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องงั้นรึ?”
“ใช่หรือไม่ใช่แล้วยังไง”กู้อ้าวเวยลูบข้อมือตนเองเพียงแค่รู้สึกโชคดีที่ไม่ให้กุ่ยเม่ยเข้าเมืองมาด้วยแล้วก็พูดต่อว่า “จะฆ่าทาสพวกนั้นสู้สืบข่าวจากเรื่องที่อยู่ของทาสอื่นๆจากพวกเขายังดีเสียกว่า คนพวกนี้แม้จะกินเสบียงไม่น้อยแต่ถ้าปล่อยให้ทำการเกษตรก็เป็นมือดี”
“ช่วงสงครามต้องการแค่เสบียง ที่ไหนจะมาทำนาด้วยตนเอง”
“ทำนาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญก็คือทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองก็เป็นคนด้วยอุปนิสัยที่มักจะยอมด้วยความเป็นทาสนั้นจะใช้งานได้ดีกว่า ถ้าใช้ได้ถูกต้องในอนาคตคนนับหมื่นคนนี้ก็จะเป็นกำลังทหารลูกน้องท่านได้”เมื่อกู้อ้าวเวยพูดถึงตรงนี้ดวงตาก็ตกลงอยู่ที่ไหล่ของซ่านจินจื๋อ “รอเมื่อยึดเมืองชี่กลับมาได้ ชางหลานชนะ อ๋องจิ้งยังอยากประจันกับองค์ชายสามอีก จิตใจของคนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้แม้กำลังทหารจะบังคับคนได้ แต่ชื่อเสียงของเทพสงครามยมราช อันโด่งดังไปทั่วก็เทียบไม่ได้กับความเอาใจใส่ประชาชนขององค์ชายสาม”
“ทาสเป็นคนแคว้นเจียงเยี่ยน ได้ใจพวกเขาแต่ทำให้ใจทหารข้าหวาดกลัว” ซ่านจินจื๋อรู้สึกว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะ แต่ปัญหาที่หยูนเฉินพูดก็เป็นสิ่งที่เขากังวลทั้งหมด
“ถ้าแม้แต่เรื่องเล็กๆเช่นนี้ทำได้ไม่ดี ฆ่าคนหมื่นคนแบบลวกๆ ท่านรู้หรือไม่ว่าคนชางหลานจะพูดถึงท่านอย่างไร?”กู้อ้าวเวยเข้าไปใกล้ซ่านจินจื๋อน้ำเสียงก็เบาๆ “บอกว่าท่าน หน้าโหดเหี้ยมแต่ใจยมราช ? หรือเทพสงครามฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา? ชื่อเสียงนั้นมีค่า อ๋องจิ้งก็รู้”
สิ้นเสียงกู้อ้าวเวยก็ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆแล้วพูดอย่างยั่วยุว่า “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าก้าวถัดไปท่านอ๋องจะทำอะไร แต่จะไม่ยืนงงดูองค์ชายสามแย่งผลงานเด็ดขาด ค่อยเล่นเกมในกาลเวลาข้างหน้าแล้วพบกัน วันนี้ข้าขอบอกก่อน….”
“ถ้าเล่นเกมในกาลเวลาข้างหน้าก็สู้ให้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าไม่ได้”มือของซ่านจินจื๋อไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ต้นคอนางตอนไหนทำให้กู้อ้าวเวยขนลุกซู่ ดวงตาที่มีเลือดฝาดของซ่านจินจื๋อก็ใกล้เข้ามา “ข้าประหลาดใจเสียจริงว่าเสด็จพี่ส่งเจ้ากับราชโองการลับด้วยระยะทางไกลขนาดนี้มาเพื่ออะไร?”
ความรู้สึกที่ร่างกายอ่อนแอถูกคนควบคุมทำให้กู้อ้าวเวยหวาดกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแรงกดดันบนใบหน้าของซ่านจินจื๋อที่ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก เพียงแต่เบิกตากว้างทำเป็นไม่สะทกสะท้าน “เกี่ยวกับท่านอย่างไร?”
“แล้วเจ้าที่ปลอมตัวเป็นชายจะหลอกข้าไปถึงเมื่อไหร่” นิ้วเลื่อนผ่านข้างลำคอไปอยู่ที่บนลูกกระเดือกปลอมของนาง”
กู้อ้าวเวยก็ถอยหลังตามสัญชาตญาณแล้วจับลำคอตนเอง
“ตัวอักษรหยุนบนข้อมือเจ้าหายไปไหนหล่ะ?” สายตาของซ่านจินจื๋อหยุดอยู่ที่ข้อมือสะอาดของนาง
มิน่าหล่ะที่เมื่อกี้เขาใช้แรงมาบีบข้อมือตนเอง ไม่ใช่เพราะรอให้ตนเองเปิดเผยตัวออกมาเองใช่ไหม!”
กู้อ้าวเวยไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆที่ลับตาคนเช่นนี้จึงก้มหัวลง “ในเมื่อท่านมองข้าออก ถ้าเอาเรื่องที่ข้าปลอมตัวเป็นผู้ชายป่าวประกาศไปทั่ว เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะไม่สามารถรับใช้องค์ชายสามได้แล้ว”
“แม้ว่าไม่รู้ว่าเจ้าคือใครแต่ฉลาดเช่นนี้แถมยังรู้เรื่องข้ากับเว่ยเอ๋อ เมื่อเทียบกับทำลายเจ้าให้เจ้าเดินหมากต่อไปสู้ให้ข้าปกป้องความลับเจ้าแล้วเจ้าก็อยู่ข้างกายรับใช้ข้า องค์ชายสามอยู่ที่ไหนข้ามีวิธีทำให้เขาปิดปากเองโดยไม่เปิดโปงตัวตนเจ้า” ซ่านจินจื๋อกอดอกพูดเสียงเย็น
กู้อ้าวเวยลูบข้อมือที่เริ่มเจ็บของตนเอง
ดูเหมือนว่าซ่านจินจื๋อไม่ได้เชื่อมตนเองกับกู้อ้าวเวย หรือว่าเขามั่นใจว่ากู้อ้าวเวยตายไปแล้วจริงๆ