บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 464
บทที่464 สองสามข้อ
กู้อ้าวเวยอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด แต่ซ่านจินจื๋อส่งคนมาเอานางไปอยู่ในกระโจมเรียบร้อยแล้ว
ให้ชื่อใหม่นางแล้วก็ปล่อยให้วางแผน ที่จริงส่งคนมาล้อมๆเป็นชั้นๆเหมือนการกักขัง
เดิมทีเธอคิดว่าตนเองมาช่วยชีวิตทาสก็เพียงพอแล้วแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ซ่านจินจื๋อคนที่เกลียดตนเองนี้จะเอาตนเองไว้ บ้านที่อยู่ในเมืองมีตั้งมากมายแต่กลับเอาเธอไว้ในกระโจม ชัดเจนว่าเขาต้องการจับตาดูเธอตลอดเวลา
นอกจากนี้ ซ่านจินจื๋อเองยังต้องคิดดีๆว่าควรจะจัดการกับเหล่าทาสอย่างไร แล้วก็จัดการกับหน้าที่แท้จริงของหยูนเฉินไม่ได้
จนกระทั่งตอนดึกก็มีป้าถือน้ำเดินเข้ามาแล้วคำนับเรียกเธอเป็นใต้เท้า แล้วก็เอาเสื้อผ้าวางไว้ข้างเตียง “ท่านอ๋องสั่งให้ท่านล้างหน้าล้างตา ท่านเดินทางมาควรชำระร่างกาย”
ให้ตาย!
กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าเหมือนแพะเข้าปากเสือ เมื่อเห็นสีท้องฟ้าว่าจะมืดแล้ว กุ่ยเม่ยยังไม่เห็นตนเองก็น่าจะกลับไปส่งข่าวแต่ซ่านเซิ่งหานกำลังคิดวิธีชิงเมืองชี่กลับมา จะมาสนเธอได้อย่างไร
แต่ถ้าสวมชุดผู้หญิงจริงๆซ่านจินจื๋อต้องดูออกแน่ๆยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เขาสั่งให้คนหยิบชุดผู้หญิงออกมา ณ ตรงนั้นอย่างโจ่งแจ้ง ที่กลัวคือแม่ทัพบนถนนนั้นต้องได้ข่าว ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องทำให้เธอขายหน้าแน่
เธอรู้ว่าซ่านจินจื๋อไม่ทำตามแผนอะไรแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเผด็จการเช่นนี้
“ไม่จำเป็น” กู้อ้าวเวยส่ายหัวแต่ก็มองป้าอย่างละเอียดอีกรอบก็ต้องแปลกใจ “ในค่ายทหารมีผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ ชุดผู้หญิงนี้มาจากไหน”
“หม่อมฉันเป็นคนแคว้นเจียงเยี่ยน ลูกๆก็เป็นทาส ลูกชายที่ไม่ได้เป็นทาสก็หนีไปกับเขา”ป้าพูดเรียบๆ “ที่หม่อมฉันทำเพื่อพวกท่านชาวชางหลานก็เพื่อปกป้องชีวิตลูกๆ”
คำพูดเหล่านี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ กู้อ้าวเวยคิดอย่างละเอียดว่าคนแคว้นเจียงเยี่ยนเหล่านี้ควรจะเคียดแค้นแคว้นเจียงเยี่ยนมาก
แทนที่จะทนทุกข์อยู่ที่นี่สู้คุยกับหญิงแก่ดีกว่าจึงตบๆที่ขอบโต๊ะ “ถ้าป้าไม่ถือสาก็มาพูดคุยเรื่องลูกๆกับข้าเถอะ”
“หม่อมฉันกับลูกเจอกันน้อยมากไม่มีเรื่องอะไร” ป้าตัวสั่นไม่กล้าเงยหน้ามอง
“งั้นก็มาคุยกับข้าเรื่องแคว้นเจียงเยี่ยนสิ ด้านนอกล้วนเป็นกองทัพของชางหลาน ถูกพวกเขาพบสู้คุยกับข้าผู้ที่เป็นเชลยดีกว่า ข้าชื่อหยูนเฉิน ท่านเรียกแค่ชื่อก็พอ”กู้อ้าวเวยดูออกว่าในใจของป้านั้นโกรธ
ป้าผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านครั้งแรกก็นับว่ามีความรู้สึกที่ดีกับใต้เท้าที่พูดจาอ่อนโยนท่านนี้ แต่ด้วยตัวตนที่ไม่อาจวางลงได้ จึงได้แต่นั่งลงอย่างตึงๆแล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแคว้นเจียงเยี่ยน
รอจนกระทั่งดึกๆซ่านจินจื๋อจัดการธุระเรียบร้อยก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันในเต็นท์
ถ้าไม่ใช่เพราะลูกของป้าอยู่ภายใต้มือของเขาซ่านจินจื๋อก็คงไม่เชื่อคนนี้ อีกด้านหนึ่งเขาก็อยากดูว่าหยูนเฉินนี้จะปฏิบัติต่อคนแคว้นเจียงเยี่ยนอย่างไร จึงฟังอยู่ด้านข้าง
“ป้า ถ้าท่านทำเค้กแคว้นเจียงเยี่ยนได้ครั้งหน้าก็ทำให้ข้าชิมสิ แต่ก่อนตอนที่ข้าไปแคว้นเจียงเยี่ยนยังไม่เคยได้กินเลย”
เพียงแค่ได้ยินประโยคนี้ซ่านจินจื๋อก็รู้สึกปวดหัว
ใครจะไปรู้ว่าป้าทื่อๆผู้นั้นจะหัวเราะแล้วพูดเสียงต่ำว่า “ได้สิเด็กๆในครอบครัวหม่อมฉันก็ชอบกินกัน”
“งั้นสู้เอาลูกๆของท่านมาอยู่กับข้าดีกว่า อยู่ในค่ายทหารอ๋องจิ้งช่างน่าเบื่อมาก อีกอย่างสิ่งที่ท่านเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ข้าจำได้หมด วันหลังข้าก็จะสอนเด็กๆที่ข้าพากลับไปดีๆ” กู้อ้าวเวยก็หัวเราะตามขึ้นมาเบาๆ
การสนทนาหยุดลงอย่างกระทันหัน ผ้าม่านถูกเปิดออกซ่านจินจื๋อก็เดินเข้ามา ป้าหน้าซีดรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้มหัวตัวสั่นแต่ก็ยังเรียกใต้เท้าสองคำ
กู้อ้าวเวยก็ตกใจเล็กน้อยขาสั่นเลิกคิ้วมองเขา “ท่านอ๋อง”
“ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า?”
“ในค่ายทหารมีผู้หญิงจากที่ไหนถึงแม้จะเป็นเชลยก็เกรงว่าจะใส่ชุดผู้หญิงไม่ได้เพื่อป้องกันการโดนรังแก”กู้อ้าวเวยเอาชุดผู้หญิงผลักไปด้านข้าง “แต่ก็โชคดีมากที่ท่านอ๋องส่งป้าท่านนี้มาให้ข้าทำให้ข้ารู้เรื่องราวอะไรไม่น้อย วันหลังที่ข้าได้กลับไปก็รู้แล้วว่าจะสอนเด็กๆว่าอย่างไร”
“พูดเช่นนี้ เจ้ารับทาสมาเลี้ยงจริงงั้นรึ?” ในสายของซ่านจิงจื๋อมีความเหยียดหยามอยู่เล็กๆ
ป้าก็มองเธออย่างเหลือเชื่อ
“ข้าตั้งชื่อให้พวกเขาถ้าเรียกทาสอาจจะไม่ดีนัก ที่นี่ถ้ามีเด็กที่เฉลียวฉลาดข้าก็สามารถทุ่มเทสอนได้ จะมีประโยชน์กว่าชุดหญิงสาวที่ท่านอ๋องส่งมา” กู้อ้าวเวยก็มีความคิดของตนเอง “ถ้าสอนได้อย่างถูกต้อง ในกาลเวลาหน้าให้พวกเขากลายเป็นคนชางหลานก็ไม่เป็นไร ส่วนคนแคว้นเจียงเยี่ยนที่ไม่ยอมก้มหัวควรฆ่าก็ฆ่า”
“เจ้านี่จิตใจดีเช่นพี่สาว”ท่าทางของซ่านจินจื๋ออ่อนโยนลง
นั่งลงข้างๆกับกู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาคิดจะลบร่องรอยบนใบหน้านาง แต่กู้อ้าวเวยกันไว้อย่างรวดเร็วปิดครึ่งหน้าของตนเองไว้ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นว่า “ถ้าพี่เขยลบเอาร่องรอยนี้ออกจริงวันหลังข้าจะเดินอยู่ในค่ายนี้ได้อย่างไร”
“มีข้าอยู่” ในคำพูดของซ่านจินจื๋อแฝงความใช้อำนาจอยู่บ้าง
กู้อ้าวเวยไม่ยอมลูกเดียวจ้องตากับซ่านจินจื๋ออย่างเอาเป็นเอาตายด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้
เหมือนกู้อ้าวเวยเสียจริง ซ่านจินจื๋อคิดสักพักแล้วก็ไม่บังคับอีก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เอาตามที่ใจเจ้าปรารถนา พรุ่งนี้ข้าจะให้เฉิงซานเลือกเด็กๆมาให้เจ้าสอน ถ้าภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผล ข้าก็จะไม่ฆ่า”
“แทนที่จะเลือกที่สือฉวีจะเป็นการดีกว่าถ้าส่งพวกเราไปที่เมืองกวนผิง ตอนนี้เมืองกวนผิงไม่ได้ตีแตกง่ายๆกองกำลังทหารเพียบพร้อม ทาสที่มีใจต่างออกไปก็ไม่สามารถย้อนกลับมาแคว้นเจียงเยี่ยนได้ ข้าก็สามารถสอนได้อย่างอุ่นใจ” กู้อ้าวเวยกะพริบตาอย่างน่าเอ็นดูเพียงแค่หวังว่าจะสามารถหนีจากข้างกายซ่านจินจื๋อได้ไวที่สุด
ซ่านจินจื๋อชายตามองเขาอย่างเย็นชา พูดมีเหตุผลเช่นนี้ เขากลับไม่อยากให้หยูนเฉินช่วยองค์ชายสามอีกต่อไป
“มั่นใจหรือไม่?”
“ไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย” กู้อ้าวเวยยันเตียงไว้แล้วยักไหล่อย่างขี้เกียจ “แต่ถ้าให้ทาสของแคว้นเจียงเยี่ยนรู้ค่าตอบแทนของเมืองนี้เรื่องราวก็จะไม่เหมือนกัน ข้าเพียงแค่แปลกใจว่าสือฉวีนี้ไม่ได้ต้องการที่ชายแดนแล้วอ๋องจิ้งทำไมต้องยึดของเขา?”
เงียบกันไปครู่ซ่านจินจื๋อก็ยืดตัวขึ้นอีกครั้งอย่างมั่นใจ “เจ้าทายได้สองสามอย่าง?”
“ทายสองสามอย่าง?”กู้อ้าวเวยเชิดคาวขึ้นเล็กน้อย มองป้าที่อยู่ตรงมุมแล้วก็ยิ้มขึ้นมา “ใช่เพราะคนของสือฉวีเจอความลับของคลองลั่วส่วยหรือไม่?”
“ข่าวที่ว่าองค์ชายสามสืบสวนพบ?” ซ่านจินจื๋อยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มเบาๆ
“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าก็แค่เดา สือฉวีส่งทหารไปตัดช่องทางคลองลั่วส่วยง่ายที่สุดอีกทั้งสือฉวีแม้ไม่ได้ต้องการที่ชายแดน แต่ดูจากตอนนี้กลับเป็นสถานที่ไว้ให้ทาส”เมื่อพูดถึงตรงนี้ดวงตาของกู้อ้าวเวยก็ค่อยๆเย็นลงราวกับน้ำแข็งในฤดูหนาว “พูดเช่นนี้ก็คือข้าเข้ามายุ่งเข้าเรื่องสิ เดิมทีท่านอ๋องเองไม่ได้จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ข้ามาด้วยความร้อนใจก็พอดีกันที่ท่านใช้”
“เดาได้ใกล้เคียง ถ้าเจ้าไม่มาคนพวกนี้ก็จะกระจัดกระจายไปแต่ละที่ๆ” ดวงตาของซ่านจินจื๋อประกายความเยือกเย็น “รบชนะกลับมาแต่ไม่ได้มีเพียงแค่ชื่อเสียง”