บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 47
ตอนที่ 47 โหวเซ่อปรากฏตัว
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าเคยใช้อำนาจทั้งหมดเพื่อแต่งงานกับข้า ตอนนี้เจ้าจะพูดว่าเจ้าไปที่จวนฉีอย่างกล้าหาญโดยไม่ได้คิดอันใดหรือ เอ่ยออกมาแล้วผู้ใดจะเชื่อ?” ดวงตาของซ่านจินจื๋อดุดัน เขาจ้องมองผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่หมอบอยู่กับพื้นและยังไม่ลุกขึ้นมาพลางเอ่ยต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังไม่รู้ว่าเจ้าจะฆ่าคนได้”
“ไม่เชื่อหรือ?” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วแล้วโยนกล่องยาลงบนโต๊ะ
นางไม่เคยออกจากประตู แต่ทุกครั้งที่นางออกมาซ่านจินจื๋อก็มักจะมาที่เรือนแล้วก็คอยจับผิดนาง คอยหาเรื่องทะเลาะกับนาง ในใจของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ข้ามิเชื่อ เจ้าก็เป็นแค่สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมผู้ชายเช่นไรเท่านั้น” ซ่านจินจื๋อกระแทกโต๊ะ ทำให้ทุกคนรอบตัวเขาล้วนหวาดกลัว
เมื่อดวงตาทั้งสี่คู่สบกัน กู้อ้าวเวยมองที่ดวงตาของซ่านจินจื๋อและเห็นเงาสะท้อนของตนเอง ในเมื่อเขาบอกว่านางเป็นจิ้งจอก แล้วเหตุใดจึงต้องใช้นางเล่า? พลันกู้อ้าวเวยก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
นางแค่รู้สึกเยือกเย็นทั้งร่าง และยิ้มเยาะตนเอง ก่อนจะชี้มือไปที่หัวใจของนางแล้วแหย่อย่างรุนแรง ทำให้บาดแผลเกิดความเจ็บปวด “ข้าขอถามท่านหนึ่งคำถาม เลือดหัวใจของข้า มันมีสีแดงหรือสีดำ? ”
ซ่านจินจื๋อจ้องมองที่นาง นอกจากวันนั้นที่เขาแทงหน้าอกนาง นางก็ไม่เคยแสดงออกเช่นนี้อีกเลย แต่ทว่าหัวใจของเขากลับแข็งเหมือนเหล็ก เขามองตากู้อ้าวเวยตั้งแต่ต้นจนจบ “แดง”
“แต่หัวใจของท่านเป็นสีดำ” กู้อ้าวเวยยืนขึ้น ปลายนิ้วของนางร่วงลง มีมีดเล็ก ๆ ตกลงไปในมือของนาง นางใช้ปลายมีดชี้ไปที่หน้าอกของซ่านจินจื๋อ “ขอเพียงให้ข้าเอาโลหิตของท่านออกมา ข้าจะสละตำแหน่งพระชายานี้ไปและเราจะมิมีอันใดติดหนี้อะไรเลติดค้างกันอีก”
“บังอาจ!” เฉิงชานร้องออกมา “พระชายา ขอพระองค์จงวางมีดลงด้วย”
“นี่คือสิ่งที่นายท่านของพวกเจ้าเป็นหนี้ข้า” กู้อ้าวเวยจ้องมองซ่านจินจื๋อพลางยืนขึ้นอย่างช้า ๆ “ข้าช่วยชีวิตฉีหลินที่ข้างถนน เพียงเพื่อจะอ้อยเขา ข้าไปตามล่าโจรเพื่อช่วยฮ่องเต้ที่สี่กับท่าน เพียงเพื่ออ้อยเขาให้มาเป็นผู้สนับสนุนลับๆของข้า ข้าช่วยท่านรักษาแม่นางซูพ่านเอ๋อ บอกสูตรลับแก่ท่าน ท่านมิเกรงว่าข้ากำลังทำสิ่งนี้เพื่อความโปรดปรานจากท่านหรือ? ในเมื่อในสายตาของท่านรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ ไม่สู้ท่านมอบหัวใจให้ข้า พวกเราจะได้ใช้วิธีเดียวกันขจัดปัญหาไงเพคะ”
“เจ้าคิดว่ามันมีประโยชน์ที่จะคุกคามข้าหรือ?” ซ่านจินจื๋อมองนางอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ามิกล้าฆ่าเจ้าหรือ?”
“ท่านก็คิดว่าข้าเป็นผู้รักษา แล้วมีดเล่มนี้จะมิฆ่าคนหรือ?” กู้อ้าวเวยยกคางของนางขึ้นมา มีดเล่มเล็กในมือถูกยื่นไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่นางก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าที่คอของนางมีมีดเล่มยาวจ่ออยู่แล้ว
“พวกท่านกำลังทำอันใด! มันเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” ซ่านเชียนหยวนตื่นตระหนก แม้แต่ฉีหลินก็ไม่เคยคิดว่าการที่เขาพากู้อ้าวเวยกลับจวนเพื่อรักษาพี่สาวของเขาเพียงครั้งเดียว จะทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้ “ท่านอ๋อง พระชายากลับไปกับข้า เพียงเพื่อรักษาท่านพี่ของข้าน้อยจริงๆนะขอรับ”
มิมีอะไรเกี่ยวข้องกัน “กู้อ้าวเวยผลักมีดในมือของนางเข้าไปอีกเล็กน้อยอย่างกล้าหาญ คอของนางถูกเปิดกระดุมออกหนึ่งเม็ด แต่นางก็ยังคงยิ้ม ” ท่านอ๋องรู้หรือไม่เพคะว่าซูพ่านเอ๋อแสร้งทำเป็นป่วย? ”
ดวงตาของซ่านจินจื๋อเบิกกว้างขึ้น “วาจาเพ้อเจ้อ!”
“อันใดก็ตามที่เจ้าพูด ในเมื่อท่านอ๋องต้องการใช้ข้า เช่นนั้นข้าก็จะใช้เจ้า ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงสนใจเรื่อง จวนฉีมากนัก ข้าก็ทนไม่ไหวที่จะถามซ้ำ ๆ ” มีดของกู้อ้าวเวยฉีกเสื้อผ้าของเขา
ทันใดนั้น กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นผลักใบมีดที่คอออกไป เพียงแต่ปิดบาดแผลเล็ก ๆ นั้นไว้พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านวางยาข้า!”
หน้าอกของนางมีอาการเจ็บ มีดที่อยู่ในมือของนางสั่นไปมา และแทงตรงไปที่คนที่เพิ่งเฉือนคอของนางด้วยมีด ผู้ที่สวมชุดสีดำก็ตกตะลึง เขาอยากจะหลบหนี แต่กู้อ้าวเวยเหยียบลงที่หลังเท้าของเขา พลางพุ่งเข้าไป
นั่งอยู่บนร่างของคนแปลกหน้า แต่มีดในมือของนางเล็งไปที่ตาขวาของเขา “ดูเหมือนว่าท่านอ๋องไม่ต้องการถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรแล้ว” นางสูดลมหายใจเข้าอย่างเฉียบแหลม มีดในมือของนางตกลงไปเล็กน้อย ชายผู้อยู่ภายใต้ก็กรีดร้องในทันที
ในเวลานี้ซ่านจินจื๋อค้นพบว่ามันผิด เขาต้องการดึงกู้อ้าวเวยที่โกรธจนก้าวร้าวออกมา แต่มีดในมือของกู้อ้าวเวยทะลุเข้าไปในปากของชายคนนั้น หยุดการกระทำของเขาที่กำลังจะหุบปากลง แต่นางยื่นมือเข้าไปเรียบร้อยแล้ว พลางหยิบลูกปัดสีดำขนาดเล็กที่ไม่เด่นออกมาจากฟันของเขา ก่อนจะโยนมันทิ้งและเอ่ยด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ต่อหน้าข้า อย่าเพิ่งตายง่าย ๆ เล่า”
“พอแล้ว” ซ่านจินจื๋อดึงนางขึ้นมาทันที กู้อ้าวเวยเดินไปสองสามก้าว ซ่านจินจื๋อต้องโอบกอดนางไว้ เฉิงชาน และคนอื่น ๆ รอบตัวเขารีบพุ่งเข้าไปจับชายคนนั้นออกมา
“หลิ่งหนานตระกูลหยุน หนี้เลือดต้องชดเชยเลือด!” ชายผู้นั้นคำรามและเฉิงชานก็รีบปิดปากของเขาด้วยผ้าผืนหนึ่ง
“กู้อ้าวเวย!” ซ่านจินจื๋อมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาที่เป็นลม มีดในมือของนางร่วงลงกับพื้น แต่กลับมิรู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาถึงฉากนี้ได้อย่างไร
เพราะเหตุนี้ซ่านเชียนหยวนจึงเปลี่ยนสีหน้าของเขา และรีบขอให้ซ่านจินจื๋ออุ้มนางเข้าไปในร้านขายยา ในขณะที่เฉิงชานนำเมี่ยวหารมาจากตำหนักอ๋องเพื่อมาล้างพิษให้กู้อ้าวเวย
คนสองสามคนล้วนอยู่ที่นอกประตู มีเพียงฉีหลินเท่านั้นที่ไปช่วยเมี่ยวหาร หยินเชี่ยวและชิงต้ายก็ยุ่งอยู่เช่นกัน
“เขาเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร” ซ่านจินจื๋อรู้สึกฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก
ลูกปัดสีดำในปากของชายผู้นี้พบได้ในโหวเซ่อเท่านั้น มีการกล่าวกันว่าเจ้าของโหวเซ่อนั้นเคยเป็นหมอยาโบราณ แต่เขากลับรู้สึกเหงามากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันเขาเริ่มธุรกิจการฆ่าและเกลียดชังหลิ่งหนานตระกูลหยุนเข้ากระดูกดำ เพียงแต่ 100 ปีต่อมา ไม่รู้จักคุณสมบัติหน้าตาที่แท้จริงของโหวเซ่อ แต่ทว่าบุคคลนี้อยู่ในจวนเป็นเวลานาน เกรงว่าเพราะเขาต้องการใช้โอกาสนี้ฆ่าพระชายาโดยไม่รู้ตัว “เฉิงชานก้มศีรษะของเขาลง และวางลูกปัดสีดำอย่างระมัดระวังในขวดหยก พลางมอบให้กับซ่านจินจื๋อ
ในเวลานี้ เซียวไห่ก็ได้ยินเสียงและเข้ามาจัดการเรื่องราวทุกอย่าง เพียงแต่เขาเรียกซ่านจินจื๋อและซ่านเชียนหยวนไปที่ด้านข้างของห้อง พลางเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเคยเตือนแล้ว ว่าท่านควรดูแลพระชายาให้ดี เหตุใดวันนี้จึงขยับมีดอีกครั้งหรือ? อีกทั้งยังปล่อยให้ผู้คนในโหวเซ่อถือโอกาสนี้เข้ามาอีก
“นางเอาแต่ก่อปัญหาซ้ำ ๆ ฉีหมิงทำงานเพื่อข้า โดยธรรมชาติแล้วข้าก็ต้องไม่อนุญาตให้คนไปที่จวนของฉีหมิงเพื่อก่อเรื่องดอก ถ้าถูกพบเข้า ฉีหมิงจะไว้ใจข้าได้ที่ใด” ความกังวลของซ่านจินจื๋อไม่ใช่ว่ามิมีเหตุผล การทำธุรกิจกับสำนักเยียนหยู่เก๋อ ไม่มีใครในจวนฉีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของศาล นับว่าเป็นคนสนิทของซ่านจินจื๋อ
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่อายุของฉีหมิงนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ระมัดระวังทุกอย่าง หากเป็นเพราะความเข้าใจผิดที่เกิดจากการที่ชายาอ๋องจิ้งลอบเข้าไปในจวนตอนกลางคืน นั่นจะมิเป็นการสูญเสียคนสนิทไปเลยหรือ
เซียวไห่ทำได้เพียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำอีก “พระชายาไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลิ่งหนานตระกูลหยุนอยู่ที่ใด ทุกคนต่างก็วางอยู่ที่ปลายสุดของหัวใจ แต่เหตุใดท่านอ๋องจึงทำอย่างลวกๆเช่นนี้?