บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 50
ตอนที่ 50 ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
“ข้าอาศัยอยู่ที่นี่นั้นดีมาก ยังสามารถพัฒนายาถอนพิษของตนเองได้ ข้ามิรบกวนท่านอ๋องและแม่นางพ่านเอ๋อดอก” นางหาวอย่างเกียจคร้าน กู้อ้าวเวยได้หลับนอนหลับอย่างสมบูรณ์ ลังเลสักพัก นางจึงใช้สองมือรวบผมทั้งสองข้าง และนำสายรัดข้อมือมามัดผมไปไว้ที่ด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว
“ท่านพี่กุ้ ถ้าหากมิอยากกลับไป เช่นนั้นฮ่องเต้ที่สี่ก็คงไม่กลับไปใช่หรือไม่เพคะ? ซูพ่านเอ๋อเอ่ยถามเสียงเบา พลางกระตุกชายเสื้อของซ่านจินจื๋อเบาๆ
“เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี้?” ซ่านจินจื๋อมิเข้าใจ
“อย่างไรเสีย ….ข้าเห็นว่าฮ่องเต้ที่สี่ราวกับว่าค่อนข้างชอบพอท่านพี่กุ้ ในเมื่อท่านพี่จื๋อมิชอบท่านพี่กุ้ ต่อไปก็สามารถช่วยฮ่องเต้ที่สี่ในการแข่งขันได้เพคะ” ซูพ่านเอ๋อเอ่ยเสียงเบาด้วยท่าทีที่ดูใสซื่อและว่านอนสอนง่าย
เมื่อนึกถึงการยืนหยัดของซ่านเชียนหยวนว่าต้องการจะมาอยู่กับนาง ราวกับว่ามีความหมายอันใดแอบแฝง นึกถึงสถานที่นี้ เขามักจะรู้สึกว่าความโกรธในใจของเขานั้นจะปะทุออกมา
“ท่านลุง เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินหมดแล้ว ร้านยาเหย้าแห่งนี้ข้าชื่นชอบเป็นอย่างมาก จะต้องกลับตำหนักอ๋องจริงหรือ?” ซ่านเชียนหยวนถูกคนผลักออกมา เท้าที่ได้รับบาดเจ็บของเขาดีขึ้นเป็นอย่างมาก อีกไม่กี่วันตนเองก็คงจะเดินได้โดยไม่มีปัญหาอันใด ยิ่งไปกว่านั้นเขาจนถึงเพลานี้ยังมิรู้ว่าเรื่องที่ล้อมรอบอยู่ก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ซ่านจินจื๋อทำหรือไม่? มิเพียงแค่อยู่ในร้านยาเท่านั้น จึงจะรู้สึกสบายใจได้
“ฮ่องเต้ที่สี่เพคะ ท่านอ๋องเพียงแค่หวังว่าท่านจะได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ร้านยานี้ไม่ได้ใหญ่โต และมิมีคนรับใช้คอยดูแลมากมายนัก เกรงว่าท่านจะมิสบายเพคะ” พ่านเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนหวาน และกระแอมไอออกมา
เมื่อคิดถึงคำพูดของคนรับใช้ก่อนหน้านี้ ซ่านเชียนหยวนจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา
“ยังมีกู้อ้าวเวยกลับไปด้วยกัน ซ่านจินจื๋อเอ่ยต่อ
ผู้ที่เพิ่งนำสูตรร้อนจากในห้องครัวยกออกมา ก็ได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ย นางเพียงแค่นำถ้วยซุปวางไว้บนโต๊ะหินพลางตะโกน “หยินเชี่ยวชิงต้าย เฉิงยีเฉิงเอ้อ มาเก็บสัมภาระกลับตำหนักอ๋อง”
ซ่านจินจื๋อและพ่านเอ๋อมองไปที่นาง เห็นได้ชัดว่าเมื่อตอนเริ่มต้นนางปฏิเสธ
“เหตุใดเจ้าจึงตอบตกลงแล้ว” ซ่านจินจื๋อรีบร้อนพุ่งเข้ามาที่เบื้องหน้าของนาง แต่กู้อ้าวเวยกลับยัดอาหารเข้าไปหนึ่งคำ “ข้าเกรงว่าหากข้ามีเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านอ๋อง ชีวิตน้อยๆนี้ก็คงจะไม่มีแล้วเพียงแค่เสียสละให้ท่านกลับไปกับข้า”
ซ่านจินจื๋อมิเข้าใจ กุ้อ้าวเวยทำเพียงหยิบตะเกียบออกมาดื่มซุปร้อนๆ พ่านเอ๋อทำเพียงแค่จ้องมองการกระทำของและฮ่องเต้ที่สี่ นางกำกำปั้นอย่างแน่นหนา ผู้หญิงเช่นเจ้ามีความดีอันใดที่สามารถทำให้ผู้คนข้างกายล้วนตกหลุมรัก
หลังจากได้รับคำมั่นสัญญาของซ่านจินจื๋อแล้วกุ้อ้าวเวยและซ่านเชียนหยวนก็ออกกลับไป กุ้อ้าวเวยกลับหาฉีหลิงและให้กุญแจร้านยาเหย้ากับเขา อย่างนี้เจ้าดูแลให้ดี ยาท่านพี่ของเจ้ายังไม่ได้ส่งไป รอสักครู่ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เจ้าและเจ้าก็ต้มแล้วส่งไปให้นางนอกจากนี้เอ่ยกับท่านพี่ของเจ้าด้วยว่า เจ้าจะกลับไปรับสำนักเยียนหยู่เก๋อ และขอให้นางช่วยเหลือเจ้า”
“เหตุใดเจ้าจึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้?” รับกุญแจมาฉีหลินก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“มิใช่เพราะว่าอาศัยอยู่ที่ตำหนักอ๋อง ในวันปกติแล้ว ใครยังกลับมาพักผ่อนที่นี่?” ข้าเพียงแค่คิดอยากจะช่วยเจ้าและพี่สาวของเจ้าได้ครอบครองสำนักเยียนหยู่เก๋อ และจะร่วมมือกับพวกเจ้า นี่คือธุรกิจ ส่งท้ายด้วยการตบไหล่ของเขาก่อนจะเดินออกไป
ฉีหลินยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองกุญแจในมือของตนในใจขอเขามีความรู้สึกอบอุ่นปะปนอยู่
ผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นสหายที่เจ้าเล่ห์ เขาและกู้อ้าวเวยรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน เรากับเป็นสหายกันนานนับปีเขากัดฟันแน่น ตัดสินใจว่าจะทำตามสิ่งที่กู้อ้าวเวยเอ่ย
หลังจากกลับมายังตำหนักอ๋อง นางก็อยู่ในวิหารเฟิงหมิงอันห่างไกล ร่างกายของซูพ่านเอ๋อไม่ปกติ นางจึงกลับห้องไปตั้งแต่แรก รอจนเวลาอาหารกลางวันจึงจะไปนั่งที่โต๊ะ นั่งอยู่ที่ด้านซ้ายของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยเก็บตะเกียบขึ้นมารับประทานอาหาร
ซ่านจินจื๋อจ้องมองนางและทำเป็นเหมือนนางไม่มีตัวตน เขาเพียงแค่เอ่ยกับช่านเชียนหยวน “รอให้อาการบาดเจ็บที่ขาของเจ้าหายดี จำไว้ว่าไปที่วังเพื่อดูนางสนม นางคงจะคิดถึงเจ้าแล้ว”
“ข้ารู้ ท่านลุง” ซ่านเชียงเฉิงพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย และเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับบกู้อ้าวเวย
ในเพลาปกติที่รับประทานอาหารอยู่ในร้านยาเหย้า กลุ่มคนก็จะหัวเราะและพูดคุยกัน แม้แต่คนรับใช้สี่คนที่ข้างกายของเค้าก็สามารถรวมโต๊ะทานอาหารได้ แต่วันนี้กลับมายังตำหนักอ๋อง บรรยากาศกลับเปลี่ยนไป
“เคร้ง!” ตะเกียบในมือกู้อ้าวเวยร่วงลงที่ข้างจาน คนทุกคนล้วนจ้องมองไป มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่หยิบตะเกียบขึ้นมา ราวกับว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น ปลายนิ้วของนางเริ่มสั่นเทาขึ้นมาแต่ทว่านางเพียงแค่ใช้ตะเกียบทำให้ผ่อนคลายก่อนจะลงมาคีบอาหารต่อ
ราวกับว่าไม่มีเรื่องราวอันใดเกิดขึ้น “หากเจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะรักษาอาการป่วยให้พ่านเอ๋อเช่นไร ซ่านจินจื๋อพลันเอ่ยออกมา
“ ข้าปรุงยาเพื่อรักษาโรคของตนเอง ถ้าหากว่าท่านอ๋องรู้สึกว่าทีนี้ของข้ามิเข้าตา ต่อไปนี้ก็มิต้องเรียกข้ามาร่วมโต๊ะ” กู้อ้าวเวยจ้องมองเขาตอบกลับไป นางก็รู้สึกจนปัญญากับสิ่งนี้ ร่างกายของนางอ่อนแอจากพิษก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นอันใดที่นางสามารถทนได้ นางเพียงแค่ทำตะเกียบหล่นเท่านั้น
แต่ทว่าซ่านจินจื๋อไม่สามารถมองท่าทีเช่นนี้ของนางให้ถูกใจ ได้เขาเพียงแค่นำอาหารที่เบื้องหน้าทั้งหมดไปใส่จานของนางใช้ช้อนเถิด”
“อ้อ” กู้อ้าวเวยกรอกตาไปมา แต่ก็ยังหยิบช้อนขึ้นมาแต่โดยดี
ซูพ่านเอ๋อมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า มือที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นกำผ้าปูโต๊ะจนเป็นวงกลม “วาจาที่เอ่ยออกมา เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องการให้ข้าและฮ่องเต้ที่สี่กลับจวนหรือ? มีเรื่องอันใดหรือไม่เพคะ?” กู้อ้าวเวยกินไปพลางเอ่ยถาม
“สูตรลับไม่สามารถแก้ไขได้ จะต้องให้เจ้าเป็นผู้แก้ไข ข้าเชื่อใจในความสามารถของเจ้า และข้าก็เชื่อใจในสูตรลับของตระกูลหยุน” ซ่านจินจื๋อจ้องมองนางอย่างแน่นหนา
ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางเคยเอ่ยว่าตนเองสามารถผสมยาได้ แต่ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็มิเชื่อ อย่างไรเสียเขาก็เคยรับเลือดของนาง เรื่องราวที่ทำลายนางก็มีเยอะมาก คงหลีกเลี่ยงสิ่งในใจของนางที่คงเกลียดชังเขามิได้ แต่ทว่าเขาไม่อยากเห็นที่สุดก็คือเกิดปัญหาอันใดขึ้นกับซูพ่านเอ๋อ
“มีเหตุผล ก็เหมือนกันกับที่ข้ามิเชื่อใจท่าน” กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง และมิเอ่ยอันใดอีก เมื่อทานอาหารไปหนึ่งเมือง คนทุกคนก็ล้วนมีความต้องการของตนเอง ซ่าจินจื๋อติดต่อกับกู้อ้าวเวยเป็นการส่วนตัว เขาอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องราวของซูพ่านเอ๋อ ผู้ใดรู้ว่ากู้อ้าวเวยจะดึงข้อมือของเขาก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “วาจาพวกเราสามารถคุยกันอยู่ที่ร้านยาแต่กลับไม่สามารถพูดคุยกันที่นี่ได้
เขาไม่ได้ให้ทำอันใดต่อ เรื่องเดียวที่อยากรู้ก็คือกู้อ้าวเวยเชื่อใจตนเอง รอจนตกดึก ก็เพิ่งคิดว่าจะไปช่วยดูแลยาสมุนไพร สาวใช้ที่ข้างกายกลับเคาะขอบประตูและเดินเข้ามา นำราชโองการทั้งคู่วางลง “ฮ่องเต้ที่สี่ นายหญิงของตระกูลก่อนหน้านี้ก็ฟังท่านอ๋องเอ่ยว่าท่านชอบทานเมล็ดบัวมากที่สุด นี่เป็นสิ่งที่ข้าไปเร่งรัดให้ทางคนทำครัวทำและนำออกมา”
วางลงเถิด” เขาโบกมือไปมา จิ่นซิ่วเอ่ยแทนโดยความรู้ปลื้มปีติก่อนจะจากไป ผู้ดูแลบนอาคารห้องกระโดดลงมาใช้เข็มเงินแทงเข้าไปในเม็ดบัวพลางก้มศีรษะ “ฝ่าบาท ปลอดสารพิษขอรับ”