บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 503
บทที่ 503 ทำลายน้ำแข็ง
ปลายนิ้วที่สัมผัสบนใบหน้านั้นเย็นเฉียบ อ้ายจือยังคงติดอยู่ในคำพูดของกู้อ้าวเวย
ล่ายเสวียนกลับดึงนางออกมาแล้ว “อย่าคิดว่าคนอย่างข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า คนเพียงคนเดียว เจ้าคิดว่าจะไปเปลี่ยนแบบแผนของใต้หล้าได้จริงอย่างนั้นหรือ”
“ใครบอกกันว่ามีข้าเพียงคนเดียว” กู้อ้าวเวยจับข้อมือของเขาไว้เช่นกัน “คนของแคว้นเจียงเยี่ยนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงแบบแผน ขุนนางชั้นสูงของแคว้นชางหลานและแคว้นเอ่อตานที่ต้องการเปลี่ยนแปลงแบบแผน แต่เจ้ากลับกลัวว่าเมืองเจียงเยี่ยนจะแตกสลาย เจ้าเชื่อหรือว่าระหว่างความเป็นความตาย แคว้นเจียงเยี่ยนของเจ้าจะสามารถรอดพ้นจากการแย่งชิงอำนาจนี้ได้”
“ตื่นได้แล้ว ล่ายเสวียน เรื่องเหล่านี้อีกไม่นานเจ้าก็จะเข้าใจ”
“สงครามและการต่อสู้ที่แท้จริง จะบอกได้ว่าเลือดของผู้คนเป็นสีอะไร”
สะบัดมือของล่ายเสวียนออกไป และตอนนี้บนข้อมือของตนเองได้กลายเป็นสีเขียวช้ำไปแล้ว
นางไม่อยากจะโต้แย้งล่ายเสวียนอย่างไร้ความหมาย ตอนนี้นางต้องการจะชักชวนเพียงอ้ายจือ “ดังนั้นเจ้าจึงให้เมี่ยวหารมาอยู่ข้างกายเอาไว้ เพียงแค่ให้ซูพ่านเอ๋อรู้สึกว่า เจ้าถูกนางควบคุมจริง ๆ ใช่ไหม”
อ้ายจือมองไปยังล่ายเสวียนอย่างเงียบๆ
จากนั้นก็เอามือกอดอกแล้วหลับตาลง แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
“พวกเรามาคุยธุระกัน” กู้อ้าวเวยซึ่งนั่งอยู่ข้างอ้ายจือ มองไปยังนาง “เจ้าช่วยข้าหลอกซูพ่านเอ๋อต่อไป ทำให้นางเป็นกบฏ และข้าก็จะช่วยเจ้าจัดการล้มอ้ายหยิน เป็นอย่างไร”
“เจ้ามีสิทธิอะไร”
“พึ่งพาสิทธิความสามารถของซ่านจินจื๋อ” กู้อ้าวเวยค่อยๆยิ้ม
อ้ายจือยังคงนิ่งเงียบ ในเรื่องนี้นางยังไม่สามารถแน่ใจได้
กู้อ้าวเวยจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่ให้เวลาที่มากพอกับนางสำหรับพิจารณาเรื่องนี้
ตลอดเส้นทางนี้ล่ายเสวียนสังเกตเห็นได้ชัดว่ากู้อ้าวเวยเงียบสงบกว่าก่อนหน้าที่ผ่านมา นางเพียงแต่ส่งคนให้ไปค้นหาตำราแพทย์ส่วนหนึ่งมา แล้วตัวเองก็ได้แต่อ่านตำราพวกนั้นอยู่อย่างเงียบๆ ดูเหมือนจะไม่มีทีท่าจะเบื่อ กินข้าวก็กินอย่างรวดเร็วจนแม้แต่พวกทหารก็ยังต้องถอนหายใจ มีเฉพาะแต่ขนมตรงหน้าเท่านั้นที่นางค่อยๆเคี้ยวอย่างช้า ๆ
นางอยู่เงียบๆแบบนี้ตลอดเส้นทาง โดยนางไม่ได้สนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายนอก
ทุกอย่างฮ่องเต้ได้มอบหมายไว้ให้กู้อ้าวเวยจัดการวางแผน
ดังนั้นเมื่อรถม้ามาหยุดจอดลงที่จวนด้านตะวันตกของเมืองหลวง กู้เฉิงจึงออกมาต้อนรับด้วยตนเองที่หน้าประตู เมื่อได้พบกับกู้อ้าวเวย ใบหน้าของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อ “เวยเอ๋อ”
“ใต้เท้า” กู้อ้าวเวยตอบกลับไปคำหนึ่ง ลงจากรถม้า “คิดไม่ถึงว่าท่านกับข้าต่างก็ใช้วิธีจักจั่นลอกคราบ สุดท้ายมันก็เป็นแค่การเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาใหม่”
“หากว่าข้ารู้ว่าคนอย่างเจ้าจะมีความฉลาดเช่นนี้ วันนั้นคงจะไม่รู้เห็นเป็นใจกับจี้เหยาไปยั่วยุเจ้าแล้วล่ะ” กู้เฉิงทักทายนางอย่างใกล้ชิดสนิทสนมมาก “วันนี้มาที่นี่ จะดูแลอย่างดี”
“หากว่าข้าพอใจ ก็อาจจะบอกความลับของเชือกทวงชีวิตนั่นกับเจ้า” กู้อ้าวเวยก้าวเข้าไปช้า ๆ ไม่ว่ากู้เฉิงจะคิดอย่างไร ก็ต้องเอ่ยปากออกไปก่อน “ล่ายเสวียนกับอ้ายจือเอาสัมภาระไปไว้ในบ้านของข้าเถอะ”
“ล่ายเสวียนเป็นผู้ชาย”
“สำหรับข้าแล้ว มีเพียงมีประโยชน์และไร้ประโยชน์เท่านั้น” คำพูดของกู้อ้าวเวยมีความหมายที่เหน็บแนมเล็กน้อย
กู้เฉิงกลับไม่โกรธ และยังจัดให้คนไปเตรียมการอย่างจริงจังเท่านั้น
รอจนกระทั่งกลับมายังจวน มองดูบ้านที่หรูหราแห่งนี้ กู้อ้าวเวยเองไม่ได้มีท่าทีอะไร ได้ยินเพียงเสียงของกู้เฉิงที่ปิดประตูลงมาครึ่งหนึ่ง ถามนางเพียงลำพัง “เจ้ามาที่นี่เป็นตัวแทนของแคว้นเอ่อตาน จริง ๆแล้วแกล้งเล่นละครอะไรอีก”
“ข้าจะมาทำอะไรนิดหน่อยให้กับท่านพ่อ เพียงแค่ท่านยอมที่จะสละเมืองสักสองสามเมือง พวกเราแคว้นเอ่อตานก็ยอมที่จะให้ความช่วยเหลือใต้เท้า” กู้อ้าวเวยค่อยๆนั่งลง ปลายนิ้วปาดไปทั่วขอบถ้วยอย่างธรรมชาติ แล้วพูดเบาๆ “หรือท่านคิดว่า อ๋องจิ้งเคยทำให้ข้าต้องอับอาย ข้ายังจะมีใจไปทำงานให้แคว้นชางหลาน แทนที่จะไปเป็นองค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ”
“ใครพูดถูกกันแน่” กู้เฉิงหัวเราะ “ข้าได้ยินมาว่า มีคนบอกว่าซูพ่านเอ๋อเป็นองค์หญิงใหญ่ของแคว้นเอ่อตานหรือ”
“พวกนางแคว้นชางหลานต้องการจะดึงแคว้นเอ่อตานไปเป็นพวก จึงส่งเสริมความสัมพันธ์ มาแคว้นเอ่อตานในครั้งนี้ โดยแท้จริงแล้วข้าหวังว่าหลังจากท่านทำตามเป้าหมายสำเร็จลุล่วงแล้ว จัดการกับซ่านจินจื๋อและซูพ่านเอ๋อได้แล้ว ข้าก็จะกลับมาเป็นองค์หญิงของแคว้นเอ่อตาน” กู้อ้าวเวยพูดด้วยความโกรธ “ตอนนั้นข้ายังมีใจให้กับอ๋องจิ้ง แต่ตอนนี้เขากลับทำทุกสิ่งให้ถูกต้องเพื่อซูพ่านเอ๋อ แม้แต่หัวของข้าก็อาจจะหลุดจากบ่า น่าเสียดายที่ท่านแม่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว คนเดียวที่สามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้ ก็มีเพียง…..”
พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยก็หยุดพูด ได้แต่ยิ้มแล้วหันไปมองกู้เฉิง
ระยะหลังมานี้ไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องนี้เลย หากจะพูดก็คือก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่ากู้อ้าวเวยนั้นเหยียบเรือสองแคม คิดจะสร้างกระแสในสามดินแดนนี้ แต่ตอนนี้คำพูดเหล่านี้ดูจริงใจมากขึ้น
ในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างอ๋องจิ้งกับนาง เขารู้ทุกอย่างผ่านกู้จี้เหยา หากต้องการให้ทั้งสองคนกลับมารวมกันได้ ก็คงจะต้องมีฝ่ายหนึ่งที่ยอมปล่อยวางอดีต แต่เขาเลี้ยงดูกู้อ้าวเวยมาหลายปี นางเคยแกล้งตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีทางที่จะกลับไปแน่นอน
และที่พูดไปก่อนหน้าเรื่องที่ซูพ่านเอ๋อเป็นองค์หญิงตัวจริง ก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าก็มีความทะเยอทะยาน” กู้เฉิงยิ้ม
“ข้าแค่คิดว่า ฉูห้าวไม่คู่ควรจะเป็นรัชทยาทมาก่อนเลย ข้าต่างหากที่ควรจะได้สืบทอดต่อจากฮ่องเต้แคว้นเอ่อตาน” กู้อ้าวเวยยังคงให้น้ำหนักกับเรื่องนี้ หรี่ตาลงเล็กน้อย ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะสร้างอาณาจักรให้ตัวเอง ข้าแค่มีความคิดแบบนี้บ้างนิดหน่อย
ทันใดนั้นหัวใจของกู้เฉิงก็จุกแน่น แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจจะเชื่อกู้อ้าวเวยได้จริง ๆ จึงได้แต่เดินจากไป
คำพูดเพียงไม่กี่คำ เปลี่ยนแปลงอะไรมากไม่ได้
แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกว่าหมากตัวนี้เล่นได้ไม่เลว เพียงแต่นางต้องการจะรู้เกี่ยวกับอำนาจทั้งสามด้านนี้ ว่าด้านใดจะลงมือง่ายกว่ากัน
และทั้งหมดนี้ นางต้องการทำทั้งหมดให้เสร็จสิ้นคนเดียว
ยกมือขึ้นจับข้อมือที่สั่นเทาของตัวเอง นางหลับตาลงแล้วพึมพำกับตนเอง “ต้องเชื่อในความปรารถนาและคำพูด…..ทุกอย่างจะต้องทำได้”
นางยังไม่ค่อยจะมั่นใจตนเองทั้งหมดเกี่ยวกับอนาคต บางทีตัวต่อบางชิ้นก็อาจถูกคนทำลาย
แต่ตอนนี้ เพียงแค่ฝืนใจทำมัน เพื่อจะสลายภัยคุกคามของกู้เฉิง เพื่อส่งซูพ่านเอ๋อไปยังลานประหาร นางก็รู้สึกว่าตนเองเห็นแก่ตัวมากเกินพอแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ซ่านจินจื๋อก็ได้นำคนไปโจมตีแนวชายแดนเรียบร้อยแล้ว กองทัพของอ๋องจงผิงก็ตกอยู่ในมือของเขา เขาเพียงต้องการใช้ทหารกองนี้เพื่อสร้างความเบียดเบียนเท่านั้น จากนั้นอำนาจทางกองกำลังทหารก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย
เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของกู้อ้าวเวย จึงให้กุ่ยเม่ยส่งจดหมายไปฉบับหนึ่ง
“นางไปเมืองหลวงของแคว้นเจียงเยี่ยนโดยลำพัง นางต้องการจะเลือกกดดันกองกำลังใดกองกำลังหนึ่ง ขอให้องค์ชายกดดันอ้ายหยิน”
กุ่ยเม่ยสามารถอ่านออกเขียนได้ทุกอย่าง ดูแล้วเหมือนรีบเร่งเขียนมาก
กระดาษถูกขยำเป็นก้อนกลม ซ่านจินจื๋อเพียงแค่ต้องการให้นำตัวที่เสนอข้อเรียกร้องนี้กลับมา ตอนนี้เรื่องแคว้นเอ่อตานมีองค์หญิงสองคนเป็นที่รู้ทั่วทุกคนแล้ว แต่เหตุใดนางจึงกล้าหาญที่จะไปแคว้นเจียงเยี่ยนเพียงลำพัง
ยิ่งไปกว่านั้น กู้เฉิงเองก็ไม่ใช่ตัวละครที่ดีเลย
“เลื่อนค่ายแม่ทัพไปข้างหน้าอีกห้าสิบลี้”
แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขาทำได้คือรอเวลา—หนึ่งเดือน หรือไม่ก็ข่าวคราวของกู้อ้าวเวย
เป็นเวลาสักพักหนึ่ง แคว้นเจียงเหยี่ยนทั้งหมดได้รับคำสั่งของซ่านจินจื๋อให้รอรวบรวมกำลัง
และตอนนี้ ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น