บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 51
ตอนที่ 51 คืนแห่งการปกป้อง
ไม่กี่วันต่อมา ซ่านเซียนหยวนได้บังเอิญพบกับซูพ่านเอ๋อที่จวน
เขานั้นชอบผู้หญิงนิสัยใจกว้างและตรงไปตรงมา ยามที่ได้พบกับซูพ่านเอ๋อก็มีท่าทีเขินอายเสียทุกครั้งควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ วันนี้โชคดียิ่งนักได้นัดเจอกับพี่สามซ่านเชิ้งหานแล้วออกจากตำหนักอ๋องไป
ครั้งนี้ซูพ่านเอ๋ออยากที่จะเอาอกเอาใจก็คงไม่ได้เสียแล้ว
และทางด้านกู้อ้าวเวยก็ได้เกาะตามหลังรถม้าของซ่านเซียวหยวนแอบหนีออกจากตำหนักอ๋อง และจากการไต่ถามก็ได้เจอฟางหวาที่ก่อนหน้านี้ขึ้นเขาไปเก็บยาสมุนไพรด้วยกัน ครอบครัวของฟางหวานั้นยากจน เรือนก็ตั้งอยู่ตรงถนนที่มีคนดีและคนเลวปะปนกัน ตอนที่นางได้พบกับฟางหวาคือนางกำลังให้อาหารหมูอยู่ เมื่อได้เจอกู้อ้าวเวยก็โบกมือทักทายอย่างตื่นเต้น
“กระหม่อม…”
“ไม่ต้องพิธีรีตองเรียกข้าว่าเวยเอ๋อก็พอ” กู้อ้าวเวยรีบผลักประตูเข้าไปประคองนางขึ้นมา ฟางหวาเห็นว่านางกำลังจับมือที่สกปรกของตัวเองก็รีบดึงมืออกมาเช็ดเหงื่อ “ท่านเป็นพระชายา”
“ไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นข้า ที่ข้ามาวันนี้ข้ามีเรื่องที่อยากจะถามเจ้า” กู้อ้าวเวยหยิบกระดาษออกมาจากสาบเสื้อตรงอกส่งให้นาง “ท่านพี่ท่านรู้จักสมุนไพรลักษณะแบบนี้ที่อยู่บนภูเขาหรือไม่? เมื่อวานข้าอ่านเจอในหนังสือโบราณ เมื่อก่อนเทียนเหยียนก็มีต้นหญ้าเหินนี้เต็มไปหมดแต่เดี๋ยวไม่รู้ว่ายังมีอยู่หรือไม่”
“ข้าจำได้ว่าที่ก้นเหวนั้นเหมือนจะมีจำนวนมาก….ทว่าก็ไม่เคยมีใครบอกว่ามันสามารถทำเป็นยาได้” ฟางหวาจับคางครุ่นคิด ฉับพลันสายตาของกู้อ้าวเวยก็ทอประกายขึ้นและถามอีกครั้งว่าที่ต้นหญ้าเหินที่อยู่ที่ก้นเหวที่ว่านั้นคือที่ไหน ฟางหวาบอกที่อย่างที่นางรู้
เมื่อพูดจบอาการเจ็บปวดที่ไหปลาร้าก็กำเริบขึ้นมา นางนั้นแสร้งเป็นทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และให้เงินตำลึงแตกๆมา “ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ตอนที่ชิงต้ายได้ไปซื้อยาจี้ซื่อถาง ได้ยินมาว่าลูกสาวของเจ้าป่วย ถึงแม้ว่านายท่านเห้อจะไม่ต้องการเงินทว่าพวกเจ้ากินข้าวก็ต้องใช้เงิน เจ้าเอาเงินนี้ไปคิดเสียว่าเป็นน้ำใจของข้าที่มีต่อลูกของเจ้าละกันนะ”
ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของฟางหวาก็แดงคลอไปด้วยน้ำตา กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมา “เพราะเจ้าบอกที่อยู่ของต้นหญ้าเหินให้ข้าได้รู้นี่จึงเป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ”
พูดจบนางก็หันหลังกลับไปเห็นเด็กตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอดของฟางหวาที่ลานบ้านเล็ก ๆ ช่างอบอุ่นเสียจริง นางขยับปากตามย่างก้าวกลับผิดปกติขึ้นมา
นางดึงผ้าคลุมขยับลงมาตรงที่เจ็บพร้อมกับเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ
ทว่านางไม่สามารถบอกเรื่องที่นางออกมาเก็บส่วนประกอบยาให้ซ่านจินจื๋อรับรู้ได้ ถ้าหากซ่านจินจื๋อรู้ว่านางนั้นสามารถถอนพิษตัวเองได้ คงจะสั่งให้นางนั้นกลับไปยังตระกูลหยุนแห่งหลิ่งหนานแน่ ทำลายตำรายาผีบอก ส่งมอบถุงน้ำดีหงส์และต้นหญ้าเลือดมังกร หลังจากนั้นนางคงจะไม่เหลือค่าอะไรอีกแล้ว
ก่อนที่ถอนพิษซูพ่านเอ๋อ นางจำต้องแสดงคุณค่าในตัวเองออกมาให้ได้ถึงจะมีชีวิตรอด
นางวิ่งหนีเข้าฝูงชนคิดที่จะลอบหนีออกจากเมือง แต่กลับบังเอิญได้พบกับซ่านเซียนหยวนและซ่านเชิ้งหาน องค์ชายทั้งสองเพิ่งจะออกมาจากโรงเตี๊ยม เมื่อซ่านเซียนหยวนเห็นกู้อ้าวเวยที่สวมผ้าคลุมก็รีบเข้ามาทักทาย
กู้อ้าวเวยโบกมือส่งสัญญาณให้เงียบเสียง “วันนี้เจ้ายังไม่มาให้ข้าเห็นหน้าเลยนะรู้หรือไม่?”
“ท่านจะทำอะไร?” ซ่านเซียนหยวนไม่เข้าใจ ซ่านเชิ้งหานที่อยู่ข้างหลังได้แต่หรี่ตามองและเพิ่งสังเกตว่าคนที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมคือกู้อ้าวเวย
“ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอย่าให้ข้าต้องพูดออกมา” กู้อ้าวเวยใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่แขนของอีกฝ่ายและเดินออกไปอีกทาง
มองแผ่นหลังของกู้อ้าวเวย ซ่านเซียนหยวนนั้นก็ยังไม่เข้าใจพลางซ่านเชิ้งหานเดินเข้ามา “น้องสี่ คนรู้จักเจ้าหรือ?”
“ใช่” ซ่านเซียนหยวนหันหลังกลับกับคนคนนี้นั้นเขาเป็นศิษย์พี่ที่น่าเคารพรักและนับถือ “พี่สามท่านมีเรื่องสำคัญต้องไปทำไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับไปยังตำหนักอ๋องจิ้งก่อน วันหลังค่อยนัดเจอกันใหม่”
“ได้ เดินทางปลอดภัย” ซ่านเชิ้งหานตบบ่าของเขามองตามเขาขึ้นรถม้าจากไป
เขานั้นไม่ได้กลับไปยังตำหนักอย่างที่พูด แต่กลับพาคนตามกู้อ้าวเวยไป เขานั้นรู้สึกแปลกใจอยู่เสมอว่าแท้จริงแล้วพระชายาจิ้งนั้นเป็นคนฉลาดหรือคนง่าเขลากันแน่ เขาอยากจะรู้ว่าจะสามารถใช้นางเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานได้หรือไม่
ตามกู้อ้าวเวยออกมาจากเมืองมายังท่ามกลางป่าไม้ หญิงสาวที่ตามหลังมาพูดเสียงเบาน้ำเสียงกังวลออกมา “องค์ชายสาม ระวังว่าจะเป็นกับดักหลอกนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” ซ่านเชิ้งหานโบกมือพลางดึงให้หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังหลบซ่อนหลังต้นไม้ใหญ่
กู้อ้าวเวยไม่รู้ถึงความเคลื่อนไหวด้านหลังเลยสักนิด อาการบาดเจ็บสาหัสทำได้เพียงเดินเกาะไปตามต้นไม้มืออีกข้างก็หยิบยามาจากกระเป๋ากินเข้าไป จากนั้นก็ฝังเข็มลวกๆถึงจะสำรอกเลือดออกมา
ปลายนิ้วอันสั่นเทาหยิบผ้าออกมาเช็ดคราบเลือดที่ปากจนหมด
“ให้ตายเถอะ…ยาพิษนี่มันจะฆ่าข้าให้ได้เลย” นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ถือโอกาสทิ้งผ้าเปื้อนเลือดปนไปกับกองเลือดด้านข้าง เดินโซซัดโซเซเข้าป่าไป
ในเวลาต่อมา หญิงสาวข้างกายซ่านเชิ้งหานก็นั่งยองลงสำรวจผ้าที่อยู่บนพื้นพลางหันกลับไปมองซ่านเชิ้งหานและขมวดคิ้ว “ยาพิษ”
ซ่านเชิ้งหานขมวดคิ้วจากนั้นก็เดินตามกู้อ้าวเวยไปยังก้นเหวช้าพร้อมกับหญิงสาวที่พามาด้วย เวลานี้ก็เย็นเสียแล้วท้องฟ้าคืบคลานสู่ความมืด
ด้านกู้อ้าวเวยก็ฝืนร่างกายตัวเองตามหาสมุนไพรที่ก้นเหวและเกือบจะล้มลงไป ในที่สุดก็เจอต้นหญ้าเหินสองต้นนางหยิบขึ้นมาหนึ่งต้นใส่ขวดไว้ และตอนที่กำลังจะลุกขึ้นก็เกิดอาการวิงเวียนขึ้น นางล้มลงบนพื้นหญ้าอย่างแรงนางกัดฟันจากนั้นก็มีรสสนิมพรั่งพรูอยู่ในปาก
ทำได้แค่พาร่างของตนย้ายไปยังหินก้อนใหญ่ด้านข้างหอบหายใจอย่างหนักรอให้อาการเจ็บปวดนั้นทุเลาลงจึงหยิบเครื่องปรุงออกมาจากกล่องยาแล้วนำไปผสมกับต้นหญ้าเหินตำให้ละเอียดกินเข้าไปและถูกความขมเข้าโจมตีจนหน้านิ่วคิ้วขมวด
“องค์ชายสามนี่ก็เย็นมากแล้วพวกเราไม่ควรอยู่ในป่านานเกินไป” หญิงสาวด้านหลังอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
หลังจากที่ซ่านเชิ้งหานคอยดูกู้อ้าวเวยทานยาจึงได้เงยหน้ามองฟ้าจากนั้นก็หยิบถุงผงแป้งที่อยู่ที่เอวขึ้นมาโรยไปด้านข้าง ทำให้นางหน้าซีดขดตัวหลับใหลไปบนพื้นหญ้าข้างหินก้อนใหญ่
นางไม่มีแรงที่จะกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกแล้ว
ซ่านเชิ้งหานยืนมองเงียบรอให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนย่างกรายมาถึง หญิงสาวด้านหลังก็ตื่นขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน ซ่านเชิ้งหานพูดออกมาเสียงเบา “คืนนี้อยู่เฝ้านาง”
“แต่นั้นพระชายาจิ้ง ไม่ใช่ว่านท่านมองว่าอ๋องจิ้งเป็นหนามยอกอกหรอกหรือ?” น้ำเสียงของหญิงสาวสูงขึ้น ที่นี่นั้นเงียบสงบไร้ผู้คนทำให้เสียงของนางนั้นค่อนข้างดัง
“เย่วชิง” ซ่านเชิ้งหานพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเย่วชิงตอนนี้ก็ทำได้แค่สงบปากสงบคำและทำตามคำสั่งของซ่านเชิ้งหานและหายไปตามเงาเพื่อปกป้องหญิงสาวที่อยู่ข้างหินก้อนใหญ่
ค่ำคืนอากาศเหน็บหนาว ซ่านเชิ้งหานยืนอยู่หลังต้นไม้และฟังเสียงสัตว์ป่าที่จำศีลอยู่ในป่า และตอนนี้กู้อ้าวเวยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา เหล่าสัตว์ป่าพวกนั้นก็ไม่กล้าจะเข้าใกล้นาง ทำให้แววตาของซ่านเชิ้งหานนั้นทอประกายอีกครั้ง
พระชายาจิ้ง ช่างเป็นหญิงที่น่าสนใจเสียจริง