บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 524
บทที่524 กำจัดไฟ
ล่ายเสวียนล็อคเมืองปลดปล่อยทาส
เรื่องนี้สร้างความตกใจให้กับแคว้นใหม่เจียงเยี่ยน กู้เฉิงสูญเสียแม่ทัพแต่ก็เลื่อนตำแหน่งหัวหน้าเผ่าที่รบดีเป็นแม่ทัพแล้วก็จะส่งคนไปปราบปรามล่ายเสวียนแต่ก็รู้มาว่า ล่ายเสวียนได้พาทหารมือดีสองร้อยนายออกเดินทางไกลส่วนเมืองนั้นก็ได้รับการปกป้องอย่างหนาแน่นจากทหารของซ่านจินจื๋อ
แต่ตอนนี้สถานการณ์ของแคว้นใหม่เจียงเยี่ยนยังไม่คงที่ก็ยิ่งไม่อยากไปยั่วยุชางหลาน จึงไม่ไปวุ่นวาย
นอกจากนี้กู้อ้าวเวยกับซ่านจินจื๋อกลับไปที่เมืองหลวงแคว้นเอ่อตาน ซ่านจินจื๋อไม่อยากให้ใครจำได้จึงบอกว่าเป็นคนของกู้อ้าวเวย ส่วนงานหลวงทั้งหมดส่งมอบให้แก่อ๋องจงผิง เรื่องสงครามกลับมอบให้องค์ชายสามและองค์ชายหกก็แม้ต้วนโฉงก็ยังโมโห
ส่วนคนที่จู่ๆก็เปลี่ยนนิสัยตอนนี้กำลังแกะสลักดาบไม้ให้ชิงจือ
ตอนที่กู้อ้าวเวยอุ้มหนังสือการแพทย์เดินเข้ามาก็เห็นฉากนี้จึงใช้มือเดียวอุ้มชิงจือขึ้นมาแล้วเอามาวางไว้ข้างๆอย่างเบาๆ: “ปิดประตูสองสามวันไม่ออกไปไหนแม้แต่จดหมายจากชางหลานส่งมาก็ไม่สนใจก็เพื่อมาทำดาบไม้ให้ชิงจือเนี่ยนะ?”
“ตอนเด็กๆท่านอาจารย์ก็ทำเช่นนี้” ซ่านจินจื๋อไม่ได้ทำงานแกะสลักนาน ตอนนี้เวลาจะแกะสลักด้ามดาบนี้ก็ต้องระมัดระวัง: “ดาบไม้ไม่ได้ใช้เพื่อฆ่าฟันส่วนมาใช้เล่นฝึกซ้อมก็เหมือนกับการตกแต่งดาบให้หรูหราเพียงแต่ไม่ต้องใส่พู่ อย่างงั้นด้ามดาบเล่มนี้ก็ควรตกแต่งเยอะสักหน่อย”
“ข้าไม่ยักรู้ว่าดาบเล่มนี้จะสามารถให้กำเนิดประตูพวกนี้ได้” กู้อ้าวเวยแตะๆคางแล้วจูบหน้าผากชิงจือ: “วันนี้คุณครูที่โรงเรียนสอนอะไรบ้าง?”
ชิงจือถึงจะพูดขึ้นมาเบาๆกู้อ้าวเวยก็ฟังอย่างตั้งใจ ด้านซ่านจินจื๋อก็ทำงานแกะสลักในมืออย่างตั้งใจ
ความสัมพันธ์ของฉูหลี่และหยุนหว่านผ่อนคลายลงไปไม่น้อย กำลังถือกล่องข้าวเข้ามาก็เห็นว่าครอบครัวสามคนนี้ดูไม่เหมือนเป็นราชวงศ์แต่เหมือนกับครอบครัวทั่วไป
เมื่อชิงจือเห็นหยุนหว่านก็กระโดดลงมาอย่างดีใจแล้วพุ่งไปที่ข้างกายหยุนหว่าน: “ท่านยาย!”
หยุนหว่านยิ้มแล้วอุ้มเขาขึ้นมา ชิงจือก็จูบแผลเป็นบนหน้านาง ทำให้ฉูหลี่ที่มองอยู่ปวดใจ จนโกรธแต่โกรธก็ไม่กล้าพูด
“ท่านแม่ อาการท่านยังไม่ดี วันที่อากาศหนาวเช่นนี้ออกมาทำอะไร?” กู้อ้าวเวยรีบเดินขึ้นไปแล้วถอดผ้าคลุมตนเองออกมาคลุมที่ไหล่นางไว้แล้วรัดอย่างชำนาญ
หยุนหว่านแค่ป่วยแต่ได้รับการดูแลเหมือนเด็กก็รู้สึกอายเล็กน้อย
แต่กู้อ้าวเวยมีนิสัยดื้อรั้น ดึงคนเข้าไปนั่งในบ้านอย่างไม่สนใจ ระหว่างแม่ลูกก็มักจะอ่านหนังสือการแพทย์ ฉูหลี่หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็รีบจากไป กลับไปที่พระตำหนักจัดการงาน
พิธีบรรดาศักดิ์กำลังใกล้เข้ามา อีกไม่กี่วันซูพ่านเอ๋อก็จะถูกส่งมาที่แคว้นเอ่อตาน
รอจนกระทั่งตกดึกถึงไปส่งหยุนหว่าน ซ่านจินจื๋อก็ถือดาบไม้ที่สลักเรียบร้อย แล้วเดินเข้ามาวางไว้ที่ข้างหมอนของชิงจือแล้วก็ช่วยซุกเข้าไปมุมหลัง พอมองขึ้นมาก็เห็นกู้อ้าวเวยเดินออกมาจากฉากกั้น ผมเปียกๆอยู่ด้านหลังเสื้อก็เปียกชุ่มเล็กน้อยทำให้เผยให้เห็นเนื้อหนัง
แม้ว่าซ่านจินจื๋อจะนอนร่วมเตียงกับนางแต่ก็ไม่กล้าล้ำเส้น ตอนนี้มาถึงเมืองหลวงสองคนอยู่ร่วมห้องกันแต่ในห้องใหญ่นี้กลับมีเตียงอยู่สามเตียง ความหมายของฉูหลี่มันชัดเจนเกินไปเพียงแค่ให้เขามองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
กู้อ้าวเวยก็รับปากเรื่องนี้ ตอนนี้หันไปมองเห็นซ่านจินจื๋อกำลังมองผมตนเองอยู่ก็กระตุกมุมปาก: “ชิงจืออยู่ที่นี่ถึงแม้ข้าจะอนุญาตท่านก็ทำอะไรไม่ได้”
“เวลาอีกนานไม่รีบร้อน”ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงเก็บสายตาแล้วรีบล้างหน้าล้างตาปีนขึ้นเตียง กู้อ้าวเวยผล็อยหลับไปก่อนโดยไม่สนผมที่ยังเปียกๆ
วันเวลาที่ควรจะเป็นปกติแต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบ
ซ่านจินจื๋อลืมตาโพลงตอนที่เปิดประตูกู้อ้าวเวยก็ยกตัวขึ้นมาดูเล็กน้อย เฉิงซานยืนหอบอยู่นอกประตู: “ท่านอ๋อง ตอนที่ฝ่าบาทพระชายาเดินทางผ่านด่านชายแดนก็สั่งให้คนของท่านไปโจมตีเมืองของล่ายเสวียนโดยพลการแม้องค์ชายสามจะถอนทหารกลับด้วยตนเองแต่ฮ่องเต้ก็จะตำหนิ
กู้อ้าวเวยยังงัวเงียอยู่ ฟังไปได้สักพักก็เอนลงไปใหม่
ซ่านจินจื๋อโบกๆมือให้เฉิงซาน: “เรื่องนี้เสด็จพี่จัดการเองได้ ข้าจะเขียนจดหมายและให้เจ้าไปส่งให้ซูพ่านเอ๋อบอกว่าข้ายังอยู่แนวตะเข็บชายแดนแล้วมีกลยุทธ์อื่นบอกให้นางอย่าทำอะไรผลีผลาม”
จึงทำได้แค่จุดเทียนแล้วเขียนจดหมาย
เมื่อเฉิงซานได้รับจดหมายก็รีบจ้ำเท้าจากไป ซูพ่านเอ๋อคิดไม่ถึงเลยว่าซูพ่านเอ๋อจะมีความกล้าเช่นนั้น
เขาเดินไปตรงหน้าเตียงของกู้อ้าวเวยก็พบว่านางหลับสนิทแล้วตัวก็งอเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหมอนแล้วนางชอบนอนตรงมุมๆ หน้าอีกครึ่งฝังไปที่ที่นอน
ซ่านจินจื๋อสบายใจขึ้นมากแล้วก็กลับไปที่นอนของตนเองแล้วหลับไป
หลังจากนั้นสองสามวันรถม้าของชางหลานก็มาถึงเมืองหลวง ประชาชนของเมืองหลวงก็อดสงสัยไม่ได้ว่าองค์หญิงเร่ร่อนผู้นี้เป็นอย่างไรถึงสามารถกลายเป็นพระชายาจิ้งของแคว้นชางหลานได้อดสงสัยไม่ได้
ตัวตนของกู้อ้าวเวยยังไม่ได้เปิดเผยจึงรออยู่ที่พระราชวัง
ซ่านจินจื๋อก็อยู่ในห้องรองไม่ไกล สามารถมองเห็นสถานการณ์ต่างๆผ่านทางหน้าต่างอย่างชัด
ก่อนพิธีบรรดาศักดิ์ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากต้องตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้ตอนที่ซูพ่านเอ๋อใส่ชุดจีนมาที่พระราชวังก็มีสาวใช้มาต้อนรับแต่ด้านหลังของกู้อ้าวเวยไม่มีใครตามมาก็ยิ่งทำให้ในใจของซูพ่านเอ๋อเกิดความคิดมา: “ข้าคิดว่าเจ้าส่งข้ามาแคว้นเอ่อตานเพื่อทรมานแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าอยู่ในพระราชวังนี้แล้วไม่ได้มีท่าทีเหมือนองค์หญิงเลย”
“ท่านพี่เป็นลูกสาวของฝ่าบาท เบื้องหลังยังมีซ่านจินจื๋อที่คอยมองให้เจ้าซึ่งมันไม่เหมือนกับข้า”กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นมาเบาๆแล้วนั่งอยู่บนม้าหิน: “ฝ่าบาทและรัชทายาทช่วงนี้มีเรื่องมากมายไม่สามารถปรากฏตัวได้ ท่านพี่เดินเล่นรอบในพระราชวังแล้วค่อยเรียนรู้มารยาทเพิ่มก็ได้”
“เจ้าไม่ต้องเรียนมารยาทแคว้นเอ่อตานรึ?” ซูพ่านเอ๋อเลิกคิ้วฟังกู้อ้าวเวยพูด เป็นไปได้ไหมที่ท่านพี่จื๋อจะให้ตนเองอยู่ในฐานะองค์หญิงของแคว้นเอ่อตาน?”
“ข้าไม่จำเป็น ข้าไม่ได้จะอยู่ในพระราชวัง”
“กู้อ้าวเวยทำไมเจ้ามักจะไม่เรียนรู้อะไร”ซูพ่านเอ๋อเริ่มแน่ใจขึ้นเรื่อยๆว่าฐานะของตนเองถูกซ่านจินจื๋อยืนยันแล้ว ก็เกิดภูมิใจขึ้นมา: “รอจนข้าได้เป็นองค์หญิงเมื่อไหร่เจ้าก็ต้องเรียนรู้วิธีการคำนับข้า”
ด้วยเหตุนี้กู้อ้าวเวยก็พูดเสียงเย็นชา: “ผู้หญิงที่แม้แต่ท่านอาจารย์ก็ยังลงมือได้เหมาะสมให้ข้าคำนับหรือ?”
แล้วก็เดินเฉียดไหล่ไป การหัวเราะเยาะของกู้อ้าวเวยเป็นมีดที่ควักหัวใจของซูพ่านเอ๋อ
ไม่ไปสนใจซูพ่านเอ๋ออีกแล้วนางก็เดินตรงไปยังห้องรองข้างๆและไม่รอให้ซ่านจินจื๋อลงมือก่อน นั่งคุกเข่าลงบนโซฟานุ่มมืออีกข้างหนึ่งก็ดึงคอเสื้อเขาแล้วจูบลงไปที่มุมปากเขา: “ทุกครั้งที่ข้าเห็นนาง ข้าไม่มีความสุขเลย”
มือสองข้างของซ่านจินจื๋อโอบเอวนางไว้แล้วก็จูบอย่างลึกซึ้ง: “ข้าไปซ้อมเป็นเพื่อนเจ้าดีไหม?”
“ฝึกที่นี่ดีกว่า” กู้อ้าวเวยฝังไปลงไปในแอ่งคอของซ่านจินจื๋อ: “ห้องรับรองไม่มีใครรบกวน”
มือของซ่านจินจื๋อขยับเล็กน้อยรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก: “เจ้าให้ข้ากำจัดไฟร้อน อาจจะไม่สำรวมนัก”
“ถ้าไม่ยอมกำจัดไฟร้อนข้าก็สามารถไปหาอีก…..วู้!”