บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 527
บทที่527 จะพึ่งพาได้เมื่อไหร่
ซ่านจินจื๋ออุ้มชิงจือมาไว้ในอ้อมกอดมองไปที่เส้นด้ายในมือก็เหมือนจะเข้าใจอะไร
“ตอนนั้นข้าก็มองด้ายพวกนี้แล้วก็ถึงออกมา มีเพียงท่านแม่เท่านั้นที่ทำรูปแบบนี้”
ชิงจือกำคอเสื้อซ่านจินจื๋อไว้แน่น เอ้อยาที่อยู่ด้านหลังก็เงยหน้ามองชายสูงใหญ่อย่างระมัดระวังแล้วกำมือแน่น: “ข้าไม่สามารถหยุดชิงจือได้ทำได้เพียงตามเขาไป ข้าเห็นว่าด้านนั้นมันดูแปลกๆจึงไม่กล้าให้เขาไป”
“เจ้าทำไม่ผิด” ซ่านจินจื๋อวางชิงจือลงแล้วดันหลังทั้งสองคนเบาๆ: “พวกเจ้าเข้าไปพักในบ้านก่อน รอจนพวกข้ากลับมา”
“ข้ากลับบ้านได้…..”เอ้อยาหน้าเริ่มแดงมองไปยังรองเท้าสกปรกของตนเอง
ซ่านจินจื๋อรู้ว่ากู้อ้าวเวยทำอย่างไรถึงสนิทกับเด็ก ตอนนี้เขาก็เพียงแค่ลูบๆหัวนางแล้วพูดเสียงทุ้มว่า: “ขอบใจที่เจ้าช่วยชิงจือ บางทีเจ้าอาจจะอยู่เป็นเพื่อนกับเขาได้”
เอ้อยาพยักหน้าอย่างใจลอยจากนั้นก็เดินไปข้างซ่านจินจื๋อแล้วกระซิบว่า: “นี่ไม่ใช่เพียงวันแรกที่มีคนจ้องชิงจือ พี่ใหญ่บอกว่าก่อนหน้านี้มีคนให้เงินแล้วสั่งให้ขอทานใกล้ๆช่วยจับตาดูด้วย”
ซ่านจินจื๋อตกใจเล็กน้อยแล้วส่งคนมาคุ้มกันสองคนนี้จากไป แล้วก็พอรู้ว่าทำไมสาวน้อยขอทานนี้จึงมารอชิงจือที่ข้างประตูทุกวันเกรงว่าเพราะอยากปกป้องเขา
ตอนนี้ชิงจืออายุยังน้อยอีกทั้งยังถูกเอาใจ จะรู้ได้ที่ไหนว่าโลกนี้มันโหดร้าย
เขาส่งคนไปตรวจสอบตำแหน่งของกู้อ้าวเวยตอนนี้
ถ้าไม่เพราะกู้อ้าวเวยปรากฏตัวมาแล้วบอกให้เขาไปหาชิงจือ บางทีชิงจืออาจเดินไปกับคนอื่นแล้ว
ผู้คุ้มกันข้างกายเดินรอบๆไปมาเพื่อหาคนที่ต้องการทำร้ายชิงจือ ส่วนตัวเขาเองก็หาร่องรอยของกู้อ้าวเวยอย่างไร้จุดหมายแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือตอนนี้ไม่ได้อะไรเลย
ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยก็พุ่งเข้าสู่ป่าลึก
นางเพิ่งมาเมืองหลวงไม่นานและก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ตอนนี้ที่เลี้ยวไปเลี้ยวมานางก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน นอกจากนี้ตอนนี้ขาของนางก็เริ่มปวดน้อยๆถ้ายังวิ่งต่อไปก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตาย
คนที่อยู่ล่างต้นไม้เช็ดฝุ่นที่อยู่บนหน้าแล้วก็พลางด่า: “ผู้หญิงคนนั้นสามารถใช้ยาพิษได้”
“ปริมาณของดินปืนนี้ไม่ได้เยอะเลย หยุดพูดมากแล้วรีบหาได้แล้ว”หนึ่งในนั้นเตะคนชุดดำ คนนั้นก็เดินโซเซไปและอีกหลายคนก็กระจายออกไปอีกครั้ง
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนต้นไม้สั่นปลายเท้าเบาๆ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ซ่านจินจื๋อหาชิงจือพบหรือยัง
นางต้องหาทางหนีออกจากกลุ่มคนนี้
คิดๆไป นางก็คว้ากิ่งไม้มาสองสามกิ่ง รอจนกระทั่งครั้งที่สามคนชุดดำก็ออกจากที่นี่นางถึงปีนลงมา แล้วก็วางดินปืนที่มีอยู่ไม่มากไว้บนกิ่งไม้สองสามกิ่งจากนั้นก็ราดเหล้ายาที่นางพกมาด้วย
ในเวลาไม่นาน ไฟก็ปะทุขึ้นควันก็ลอยขึ้นสู่ฟ้า
“นางอยู่ตรงนั้น” มีเสียงของคนดังมาจากในป่า กู้อ้าวเวยทำได้เพียงสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายวิ่งไปยังที่ที่นางเพิ่งมา
คนของสำนักเหลี่ยงหยีรู้ว่าจะต้องดับไฟนี้ซะ แต่ถึงกระนั้นควันไฟก็ยังคงลอยขึ้นฟ้า
คนของซ่านจินจื๋อเห็นเขาก็ขี่ม้าออกมา แต่สถานที่นี้เหลือไว้เพียงแต่ไฟธรรมดาที่ถูกดินกลบไว้ ในใจก็จมดิ่งลงและส่งคนค้นหาต่อไป
ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยก็กลิ้งลงที่พื้นและขาข้างหนึ่งยันท้องของคู่ต่อสู้ไว้มือสองข้างก็จับมีดสั้นพอที่จะสามารถขวางดาบยาวได้ เหงื่อออกเต็มหน้าแต่ก็ยังไม่วายพูดว่า: “คิดไม่ถึงเลยว่าธุรกิจของพวกเจ้าสำนักเหลี่ยงหยีจะสามารถทำแคว้นเอ่อตานได้”
“อย่าพูดไร้สาระแล้วจะเหลือร่างกายที่สมบูรณ์” คนนั้นพูดเสียงดังขึ้น
กู้อ้าวเวยเอนหลังลงกับพื้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนนับไม่ถ้วนกำลังใกล้เข้ามา
นางไม่สามารถมาล้มอยู่ตรงนี้ในใจก็ยากตัดสินใจ นางก็ขี้เกียจสนใจความร้ายแรงของพิษบนตัว ผงสีขาวก็ระเบิดอยู่ใต้มีดนาง ดินมืดขนาดเล็กก็ทำให้อกนางเจ็บยิ่งขึ้น ในระหว่างความวุ่นวายสับสนก็จำได้เพียงแค่ว่ากลืนยาแก้พิษลงท้อง กัดปลายนิ้วเพื่อให้เงียบจากความเจ็บปวดแล้วมองหาที่ไป
ไม่รู้ว่าวิ่งไปไกลเท่าไหร่จนกระทั่งขาสองข้างของนางวิ่งต่อไปอีกไม่ไหวจึงต้องหาพงหญ้าเพื่อหมอบและซ่อนตัว นั่งพิงลำต้นไม้หายใจหอบอย่างหนัก บาดแผลบนอกที่ควรจะดีขึ้นตอนนี้แยกออกอีกครั้ง
นางจึงทำได้เพียงบดยาถอนพิษแล้วทาไปบนแผล
เมื่อพระอาทิตย์ตก นางถึงจะมุ่งหน้าไปทางเมืองหลวงอีกครั้ง
แสงสว่างของเมืองหลวงอยู่ใกล้ตรงหน้าแต่เสียงเบาๆจากด้านหลังทำให้กู้อ้าวเวยตัวแข็งทื่อ มีดสั้นบนมือก็วาดออกไป ข้อมือก็ถูกคนจับไว้ด้วยแรงที่ไม่มาก
“ข้าเอง”เสียงของซ่านจินจื๋อดังมาจากด้านหลัง แขนอีกข้างหนึ่งก็โอบเอวนางจากด้านหลัง มืออีกข้างหนึ่งก็ช่วยนางเอามีดสั้นเข้าฝักแล้วอุ้มนางขึ้นมา: “เมื่อสองชั่วโมงก่อนข้าจัดการไปเรียบร้อยแล้ว”
“ข้าซ่อนตัวนานขนาดนั้นเลยหรือ” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆสองมือโอบรอบคอเขาแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก: “ด้านชิงจือนั้นไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“อีกนิดเดียว โชคดีที่เด็กน้อยผู้นั้นขวางไว้….”ซ่านจินจื๋ออยากจะพูดต่อแต่ภายใต้แสงจันทร์จางๆก็เห็นใบหน้านางซีดเซียว ปกเสื้อก็เปิดออกเล็กน้อย บทสนทนาก็เปลี่ยนไปทันที: “เจ้าเป็นอะไร?”
“เจ็บขา” กู้อ้าวเวยเอาหัวฝังเข้าไปที่แอ่งคอของซ่านจินจื๋อถูเหงื่อเย็นๆบนคอเสื้อของเขา: “ข้าเกลียดท่านจะตายแล้ว! ตอนแรกทำไมท่านต้องชอบซูพ่านเอ๋อคนเลวนั่นด้วย!”
“ความผิดข้าเอง”ซ่านจินจื๋อกระชับคนในอ้อมแขนอย่างระวัง
“แค่ท่านพบนางข้าก็เต็มไปด้วยบาดแผล!”กู้อ้าวเวยกุมคอเขาแต่กลับไม่มีแรงเหลือเพียงแต่แรงด่าสาปแช่งไม่หยุด
ระหว่างซ่านจินจื๋อส่งนางที่โรงหมอเพื่อไม่ให้ซูพ่านเอ๋อเห็นเบาะแสเขาจึงส่งคนไปหาฉูห้าวอย่างลับๆสั่งให้ส่งแพทย์หลวงมารักษานอกวัง
หมอในโรงหมอไม่สามารถทำอะไรกับพิษในร่างกายนางได้ สำหรับขาของนางก็ได้แต่แสดงท่าทางอย่างจนปัญญา: “มันไม่มีวิธีเลย เพียงแค่ต้องอดทนให้ผ่านช่วงนี้ไป……”
เมื่อซ่านจินจื๋อจะโกรธกู้อ้าวเวยก็จับเขาไว้แล้วกัดที่ริมฝีปากเขาแรงๆ บนหน้าซีดๆก็มีความดุเล็กๆ: “ท่านกล้าโกรธมั่วๆหรือ”
“ข้าไม่โกรธ” ซ่านจินจื๋ออดทนเอาคนที่แทบไม่มีแรงยัดเข้าที่นอนแต่ก็ถูกดึงไป
“ข้าอยากกลับไป แค่พักผ่อนสักหน่อยก็ดีแล้ว”กู้อ้าวเวยส่ายหัวเบาๆ
“ได้”ซ่านจินจื๋อก็อุ้มคนกับผ้าห่มขึ้นมา คนที่อยู่ในอ้อมแขนก็พิงอ้อมแขนเขาอย่างเชื่อฟัง ลมเย็นๆพัดมาก็ยิ้มให้เขาอย่างไม่คิดอะไร
“คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ข้าจะหนีออกมาเองได้ เมื่อไหร่ท่านจะมาช่วยข้าได้ทันเวลาบ้าง”
หัวใจของซ่านจินจื๋อเจ็บปวดอย่างไร้เหตุผล เมื่อตอนที่นางเคยถูกคนของโหวเซ่อชิงตัวไปเขากลับคิดเพียงแต่ว่าจะปกปิดเรื่องนี้อย่างไรจนกระทั่งสุดท้ายนางก็กลับมาอย่างไม่มีอะไร
“ข้าหวังว่าแม้แต่โอกาสที่จะมาถึงได้ทันเวลาก็จะไม่มี”ซ่านจินจื๋อก้มตัวลงแล้วจูบที่หน้าผากนาง: “ข้าติดหนี้เจ้ามากขึ้นๆเรื่อยๆ”
“งั้นก็เล่นละครกับข้าดีๆ” กู้อ้าวเวยยังคงยิ้มอย่างไม่คิดอะไร