บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 530
บทที่530 รู้จักท่านพ่อ
ไม่ทันรอให้ซูพ่านเอ๋อพูดต่อทหารสองร้อยนายนอกเมืองก็ไหลเข้ามาจนนับไม่ถ้วน
บนพรมแดงเต็มไปด้วยทหารม้าเหล็ก ธงของแคว้นใหม่ก็ให้ความรู้สึกแปลกตาส่วนแม่ทัพที่อยู่ในตำแหน่งหน้าก็พลิกตัวลงม้าหลังจากทำความเคารพกู้อ้าวเวยแล้วก็พูดเสียงดังว่า: “ซูพ่านเอ๋อเป็นองค์หญิงของแคว้นใหม่ของข้า เป็นธิดาฮัวหลีของฮ่องเต้แคว้นใหม่ของข้า มาวันนี้เพียงแค่หวังว่าจะพาคนกลับไป”
สีหน้าของฉูหลี่ไม่เปลี่ยนแปลง ในใจก็ไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยไปหาคนของแคว้นใหม่มาจากที่ไหน
หยุนหว่านซ่อนตัวในฝูงชน ตกใจมากที่กู้อ้าวเวยยังคงตอนต่อกับกู้เฉิงแต่ซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างๆก็พูดเสียงต่ำว่า: “นางอยากแก้แค้นให้ท่าน”
หยุนหว่านไม่พูดอะไรอีกเพียงแค่ดึงปลายหมวกลงมาแล้วพูดเสียงต่ำว่า: “หวังว่าเจ้าจะรักษาคำมั่นสัญญา ข้าไม่ยอมเห็นกู้เฉิงใช้ประโยชน์จากเว่ยเอ๋ออีก”
“ข้าจะทำ” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าแล้วหันไปมองที่แท่นอีกครั้ง
ทุกๆคนเริ่มกระซิบกระซาบตั้งแต่อยากรู้ในตัวองค์หญิงท่านนี้แต่แรกจนถึงความวุ่นวายในตอนนี้
แม้แต่โอกาสที่จะวนกลับมาครั้งสุดท้ายยังไม่มีซูพ่านเอ๋อก็จำเป็นต้องเดินไปข้างหน้าแต่ก็เห็นกู้อ้าวเวยเดินมาถึงข้างตัวแล้ว: “ตอนนี้ทหารแคว้นใหม่ชางหลานอยู่ที่นี่ทั้งหมด ถ้าหากข้าพูดสิ่งที่เจ้าเคยทำทั้งหมดเกรงว่าแม้แต่การคุ้มครองของแคว้นใหม่ก็จะไม่มี”
“เจ้าพอจะให้ทางหนีทีไล่ข้าไหม?” ซูพ่านเอ๋อพูดเสียงเย็นชากำหมัดแน่น
“ข้าให้เจ้าไปหลบภัยที่แคว้นใหม่แล้วก็ให้เจ้าหาทางโค่นกู้เฉิง ตราบใดที่เจ้าสามารถแก้ไขเรื่องกู้เฉิงได้ข้าไม่เพียงแต่จะยกซ่านจินจื๋อให้เจ้า แม้แต่บัลลังก์ชางหลานข้าก็จะช่วย”
พูดจบกู้อ้าวเวยก็เดินไปจากข้างกายนางแล้วมองด้วยรอยยิ้ม: “แคว้นใหม่สั่งให้เจ้าไปเป็นสายลับแคว้นอื่นหรือ? องค์หญิง?”
องค์หญิงตอนนี้ถูกเยาะเย้ยซะมาก
ตอนนี้ซูพ่านเอ๋อกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพียงแค่ขบฟันแน่นแล้วทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ว่า: “ที่ดีที่สุดจงจำสิ่งที่เจ้าพูดวันนี้”
“เจ้ายังมีวิธีอื่นอีกหรือ?” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆแล้วหายไปจากบนแท่นอย่างไวแล้วทิ้งทั้งหมดไว้ให้ซูพ่านเอ๋อกับฉูหลี่จัดการ
หลักจากที่นางจากไปซูพ่านเอ๋อก็ประกาศเสียงดัง
“ข้าไม่ใช่ธิดาของฝ่าบาท ที่มาแคว้นเอ่อตานก็เพียงเพื่อชี้แจงเรื่องนี้……”
พยายามพูดเหมือนตนเองเป็นคนที่ไม่รู้ความจริง
พยายามกำจัดความสงสัยของคน
แต่กู้อ้าวเวยไม่เคยไปสนใจพวกนี้ ต่อหน้าประชาชนนางไม่มีทางเห็นอารมณ์อายจนกลายเป็นโกรธใดๆของซูพ่านเอ๋อ ดังนั้นนางจึงยืนรออยู่ปากประตูเมืองข้างรถม้า
กู้เฉิงส่งแม่ทัพมาตรงหน้านางแล้วมอบจดหมายให้ฉบับหนึ่ง: “ฮ่องเต้ตรัสว่าจะทำทุกอย่างตามประสงค์ของท่าน หวังว่าจะมีสักวันที่ท่านอภัยให้เขาแล้วนำตำรายากลับมาแคว้นใหม่”
“จะมีสักวันที่ข้าจะไปด้วยตนเองรอจนข้าหาตำรายาพบ ข้าก็จะดูซูพ่านเอ๋อตายไปต่อหน้าต่อตาข้าเอง” กู้อ้าวเวยมองดูทั้งหมดที่กู้เฉิงเก็บกวาดเรียบร้อยอย่างรอบคอบ ตลอดจนถึงของขวัญมากมายกับเงินสองหมื่นของนาง พูดเสียงต่ำว่า: “นอกจากนี้ ช่วยฝากบอกกู้เฉิงด้วยว่าให้ระวังซูพ่านเอ๋อในใจนางเชื่อเพียงแค่ซ่านจินจื๋อผู้เดียว อย่าเชื่อ”
“ข้าจะบอกฮ่องเต้ด้วยคำพูดท่านอย่างครบถ้วน”
“ไม่เพียงเท่านี้ เอาตำรายานี้ให้แก่เขาบอกเขาว่า เลือดมังกร(ต้นหญ้า)กับถุงน้ำดีหงส์นั้นสำคัญมาก”กู้อ้าวเวยเอาสูตรยาที่เขียนไว้เรียบร้อยแล้วส่งให้แก่ทหาร
ทันใดนั้นกลางเมืองก็มีเสียงเกรี้ยวกราดเกินขึ้น กู้อ้าวเวยถึงเงยหน้าขึ้นไปมองทางแท่นสูง
คนที่สวมชุดสวยหรูถูกเหล่าทหารแคว้นใหม่ล้อมลงจากแท่น ขณะเดียวกันนางก็สูญเสียความเชื่อถือการปกป้องที่ชางหลานมีต่อนาง ซูพ่านเอ๋อทำได้เพียงหลบอยู่ด้านหลังคนแปลกหน้าก้มหัวอนทนต่อสายตาของผู้อื่น
กู้อ้าวเวยที่แต่งกายด้วยชุดหรูเหมือนกัน ตอนนี้กลับสวนทางกับซูพ่านเอ๋อ
คนหน้าก้าวขึ้นไปอีกขั้นแต่คนหลังกลับได้แต่หลบๆซ่อนๆอยู่ในรถม้า
เส้นทางเมื่อกี้ตั้งใจเตรียมไว้ให้นาง คนที่อยู่บนแท่นก็เป็นพ่อที่ให้กำเนิดนาง นางไม่ยอมแก้แค้นซูพ่านเอ๋อแล้วให้พ่อตนเองเสียหน้าหรอก
“ฝ่าบาท! นางเป็นตัวปลอม ท่านคือตัวจริงไหม!” มีคนตะโกนข้ามทหารมาหานาง
“ทำไมราชวงศ์ถึงหลอกพวกเรา?”
“นางคือองค์หญิงปลอม ในนี้ต้องมีแผนร้ายที่บอกใครไม่ได้แน่!”
มีเสียงมากมายพุ่งเข้ามาใส่หน้านาง แต่นางกลับเมินเฉยแล้วก้าวไปบนแท่นอย่างช้าๆ
หยุนหว่านเดินก้าวมาข้างหน้า: “นี่ไม่ใช่แผนของนาง……”
“นางรู้ว่าควรจะต้องทำอะไร” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นเพื่อหยุดฝีเท้าของหยุนหว่านมองไปยังดวงตาที่เปล่งประกายของกู้อ้าวเวย: “นางไม่เคยหยุดเดินแล้วก็ไม่สนใจหน้าตา นาเพียงแค่จะชดเชยสิ่งผิดหรือทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
สายตาร้อนแรงในฝูงชนนั้นไม่เหมือนใคร
ตอนที่กู้อ้าวเวยหันหัวกลับมาก็เห็นซ่านจินจื๋อมองเขาเหมือนพ่อแม่ที่มองลูกอย่างภูมิใจ มุมปากยกขึ้นเบาๆแล้วพูดท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายว่า: “ใครเป็นองค์หญิงนั้นสำคัญขนาดนั้นหรือ?”
ก็มีบางคนเงียบลงแต่กู้อ้าวเวยเพียงแค่ยกมุมกระโปรงขึ้นเล็กน้อยแล้วก้าวขึ้นบันได
ฉูหลี่มองบุตรสาวที่ไม่ทำตามแผนอย่างไม่เข้าใจ คำพูดที่เขาได้เตรียมก่อนหน้านี้ถูกยกเลิกไปหมดทำได้แต่รอหลังจากที่เงียบสงบให้ทุกคนเงียบลง: “นางเป็นบุตรสาวของข้า”
“พิธีบรรดาศักดิ์วันนี้เป็นเพียงการเปิดโปงคำหลอกลวงของซูพ่านเอ๋อ” ฉูหลี่เพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้กู้อ้าวเวยก็มาอยู่ตรงหน้าของฉูหลี่เอาเงินที่เหลือสองหมื่นตำลึงยัดเข้าในมือฉูหลี่เบาๆแล้วหมุนตัวกลับมาพูดต่อหน้าประชาชนว่า: “ที่จริงวันนี้ควรจะเป็นพิธีบรรดาศักดิ์ของข้า ละครเมื่อกี้เพียงแค่หวังให้ทุกคนได้รู้เรื่องนี้”
“แม้ไฟสงครามจะเทียบไม่ได้กับแคว้นเอ่อตานแต่ที่แอบอยู่ก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่แอบซุ่มอยู่”กู้อ้าวเวยมองอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “ไม่กี่วันนี้ แม้แต่ละแวกเมืองหลวงก็มีคนของแคว้นเขาอยู่เยอะข้าหวังว่าทุกท่านจะช่วยกันระมัดระวังตัวอย่าเอาเรื่องสงครามไปไว้ไกลตัว”
“สุดท้าย รัชทายาทของแคว้นเอ่อตานเป็นองค์ชายได้เพียงคนเดียว แม้แต่ตำแหน่งขององค์หญิงก็ไม่อาจทำให้ตำแหน่งองค์ชายสั่นคลอน” กู้อ้าวเวยพูดจบสายตาก็มองไปยังฉูหลี่ ใช้ปลายนิ้วแตะไปที่หลังมือของฉูหลี่เบาๆ
ฉูหลี่กระแอม ฉูห้าวก็เดินขึ้นมาข้างหน้า: “เรื่องของวันนี้ไม่ใช่การหลอกลวงเพียงแค่เพื่อสั่นระฆังเตือนภัยให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ วันนี้การแต่งตั้งองค์หญิงก็ยังเป็นการเปิดโรงเรียนการแพทย์ที่เมืองหลวง……”
ฉูหลี่เปลี่ยนพิธีบรรดาศักดิ์เป็นสถานที่ประกาศธุรกิจ
เพียงครูเดียวเหล่าประชาชนก็ถูกดึงดูดไปด้วยคำพูดพวกนี้ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงสถานการณ์หลอกลวงจริงๆ หลังจากกู้อ้าวเวยรับป้ายหยกมาอย่างรีบๆก็เดินลงไปทางด้านข้าง
ซ่านจินจื๋อกอดนางไว้เต็มอ้อมแขน: “การกระทำของเจ้าไม่เคยเล่นกับความสุขผู้ใด”
“ของไร้สาระเทียบไม่ได้กับใจที่อยากปกป้องของราชวงศ์ที่มีต่อประชากร” กู้อ้าวเวยผละออกจากอ้อมกอดเขาแล้วพูดเสียงต่ำว่า: “ท่านไม่สงสารซูพ่านเอ๋อหรือ? นางไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน”
“นางจะต้องได้รับความอับอายมากกว่าตอนนี้” ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงปล่อยเอวของนางแล้วมองนางกระโดดเข้าอ้อมกอดของหยุนหว่าน ถูๆคอหยุนหว่านอย่างชิดใกล้
“เจ้าควรจะรู้จักเขา ท่านพ่อของเจ้าให้ไว” หยุนหว่านเอานางเข้าอ้อมกอด: “สถานะนี้มีประโยชน์ต่อเจ้า”
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ตามใจเขาเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีทางรู้จัก” กู้อ้าวเวยเพียงแค่ยิ้ม