บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 550
บทที่550 สิ่งที่ขาดหายไป
คิดไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องมากมายที่บ่อน้ำพุร้อน
ร่างกายของกู้อ้าวเวยส่วนใหญ่จมอยู่ในน้ำร้อน นางเอนกายบนก้อนหินอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็ค่อยๆผ่อนคลายแล้วมองไปที่รอยแผลเป็นตื้นลึกของตัวเอง
นอกห้อง ซ่านจินจื๋อรีบแช่สมุนไพรที่นางเตรียมไว้ จากนั้นเช็ดตัวให้สะอาดแล้วก็เดินออกไปหาเฉิงเอ้อโดยสวมชุดบางๆ
“ให้สายลับของแคว้นซินเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของกู่เซิง จากนั้นค่อยไปหาองค์ชายสามและองค์ชายหก และไม่อนุญาตให้
ซูพ่านเอ๋อเข้าแคว้นชางหลาน จากนั้นส่งนางกลับมาที่แคว้นซินในฐานะคนมีโทษ”
เฉิงเอ้อสั่งเรื่องนี้โดยด่วน
ซ่านจินจื๋อไม่สามารถปล่อยให้ซูพ่านเอ๋อมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ากู้อ้าวเวยกระจายพวกเขาไปรอบๆเพื่อฟังข่าว
แต่ด้วยสถานการณ์โดยรวม นางไม่สนใจว่านางจะปลอดภัยหรือไม่
เขาจึงสามารถช่วยได้เพียงลับๆเท่านั้น เพื่อป้องกันในสิ่งที่ไม่คาดคิด
ขณะที่เขากำลังคิดว่านางจะหลับในบ่อน้ำพุร้อนหรือไม่ เขาก็ได้ยินเสียงอู้อี้มาจากข้างใน
“บัดซบ!” ซ่านจินจื๋อเตะประตูให้เปิดออก
นักฆ่าที่ข้ามกำแพงไม้ไผ่สวมชุดสีดำ ใบมีดในมือถูกโยนทิ้งไป และกู้อ้าวเวยก็มีเวลาเพียงสวมเสื้อที่เปียกชุ่มเท่านั้น แต่ก็สามารถปกปิดสิ่งสำคัญไว้ได้
ซ่านจินจื๋อจะให้คนนอกเห็นสิ่งนี้ได้อย่างไร เขาจึงยกมือห้ามคนข้างหลังที่กำลังวิ่งตามเข้ามา และโยนมือสังหารเข้ามาทีละคนอย่างไร้ความปราณี
ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างนอกชุลมุนวุ่นวายจนมัดมือสังหารเหล่านั้นได้
กู้อ้าวเวยดูหวาดกลัวมาก และแก้มของนางยังคงแดงจากความร้อน
ภายใต้เสื้อที่เปียกยังสามารถมองเห็นไหล่ของนางที่ช้ำราวกับเพิ่งโดนชน
ซ่านจินจื๋อตาแดงก่ำแต่ก็ต้องกลั้นความโกรธเอาไว้ จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมแล้วห่อตัวนางไว้แน่นและเมื่อยังเห็นว่าริมฝีปากของนางยังคงเป็นสีดำคล้ำ เขาก็คิดว่านางคงจะตกใจมากแน่ๆ เขาจึงกอดนางและปลอบนางเบาๆ “ยังเจ็บตรงไหนอีกไหม?”
“มีกระแทกที่ด้านหลัง” กู้อ้าวเวยรวบรวมเสื้อผ้าบนร่างกายของนางและใช้เวลานานกว่านางจะมีสติกลับมา จากนั้นนางก็เลือกที่จะฝังตัวเองไว้ที่หน้าอกของซ่านจินจื๋อแล้วปล่อยให้เขาแบกกลับไปที่ห้อง
ซ่านจินจื๋อนำนางมานอนบนเตียงที่นุ่มและผ้าห่มที่อบอุ่น จากนั้นเขาก็ช่วยนางเก็บมุมผ้าห่ม “ตกใจไหม?”
“นิดหน่อย” กู้อ้าวเวยลูบหน้าผากด้วยอาการปวดหัว “ตอนนั้นข้าเวียนหัวนิดหน่อย แล้วก็ได้ยินเสียงแปลกๆ จากนั้นข้าก็รีบวิ่งไปแล้วก็ชนเข้ากับเขา ตอนนั้นข้าค่อนข้างมีสติ แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมขาทั้งสองข้างถึงไม่ขยับ……”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ซ่านจินจื๋อลูบไหล่ของนาง “ข้าอยู่นี่”
ไม่ว่านางจะเข้มแข็งเพียงใด แต่นางก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่บอบบาง
กู้อ้าวเวยเบิกตาโพลง หลังจากนั้นไม่นาน แววตาของนางก็เปลี่ยนไป “คนพวกนั้น……”
“เป็นพวกเดียวกันกับที่ไล่ล่าจี้เล่ยในวันนี้ เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะต้องการให้เจ้าไปทำร้ายจี้เล่ย” ปลายนิ้วของซ่านจินจื๋อเข้าไปในผ้าห่ม จากนั้นค่อยๆพลิกตัวนางเพื่อดูรอยช้ำบนไหล่และกระซิบว่า “ข้าจะช่วยเจ้าถูรอยช้ำออก”
“ทำทีจะบุกโจมตีด้านทิศตะวันออกแต่กลับบุกด้านทิศตะวันตก?” กู้อ้าวเวยบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ยังดึงเสื้อออกแล้วปล่อยให้ซ่านจินจื๋อถูเบาๆที่รอยช้ำ “จี้เล่ยมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าว แล้วทำไมต้องตามฆ่าเขาด้วย?”
“บางทีเขาอาจจะพบบางอย่าง แต่เขาไม่ได้คิดจะทำ” ซ่านจินจื๋อก็รู้สึกแปลกๆ
กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าการคาดเดาของซ่านจินจื๋อไม่มีเหตุผล
แม้ว่าตอนนี้จะมีคำถาม แต่ท่าทางของจี้เล่ยที่ยังไม่มีสติ เกรงว่าขาจะยังพูดอะไรไม่ออก
มีซ่านจินจื๋ออยู่เคียงข้าง ประสบการณ์การโจมตีที่เคยผ่านมาก็ถึงขีดจำกัด
“ข้าง่วงแล้ว” กู้อ้าวเวยดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว “ข้อขอนอนก่อน”
……
ซูพ่านเอ๋อคิดไม่ถึงว่าองครักษ์แคว้นชางหลานจะสั่งให้นางหยุด
ในเวลานี้ท้องฟ้าก็มืดสนิท หากต้องการจะกลับไปก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งคืนในทุ่งหญ้าแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังไม่ได้พบ
ซ่านจินจื๋อ
“ข้าคือพระชายาจิ้ง! พวกเจ้าไม่ให้ข้าเข้าไปในแคว้นชางหลาน ข้าจะบอกท่านพี่จื๋อ!”
ซูพ่านเอ๋อยืนที่กำแพงด้วยความโกรธแล้วมองไปที่ทหารเหล่านั้น
“นี่เป็นคำสั่งของฮ่องเต้ ท่านไม่เพียงแต่ถูกลิดรอนสิทธิทั้งหมด แต่ยังรวมถึงตำแหน่งของท่านในแคว้นชางหลานอีกด้วย ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นกำลังตึงเครียด ฮ่องเต้ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นเพราะท่านคนเดียว” ทหารที่ประตูเมืองกล่าวทีละคำตามคำสั่งของเฉิงซาน
ซูพ่านเอ๋อรู้สึกอับอายมากที่นางส่งเสียงดังอยู่ที่กำแพงแล้วยังขู่พวกเขาอีกว่าหากไม่ยอมเปิดประตูนางจะให้ซ่านจินจื๋อทำอะไรบางอย่าง……
แต่ในที่สุด ทหารที่ประตูเมืองก็ไม่ได้สนใจนาง
พวกเขาไม่เคยชอบพระชายาจิ้งองค์นี้ และตอนนี้เฉิงซานที่เป็นผู้ติดตามอ๋องจิ้งได้มาออกคำสั่งด้วยตัวเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำดีกับนางเท่าไหร่นัก
รอทั้งคืนที่ประตูเมือง เพื่อแลกกับหนึ่งประโยค นั่นคือประโยคปฏิเสธ
คนเลี้ยงม้าและองครักษ์ที่กู้อ้าวเวยเตรียมไว้ให้ก็ไม่พอใจเช่นกัน “คุณหนูพวกเรากลับแคว้นซินกันเถอะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ท่านเข้าไปในแคว้นชางหลาน”
ซูพ่านเอ๋อกำหมัดแน่นแล้วคลายออกด้วยความโกรธ สีหน้าของนางซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ “ไป!”
ซูพ่านเอ๋อปีนขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง แต่นางกลับลุกลี้ลุกลนและรอจนก่าจะออกจากทุ่งหญ้านี้ จากนั้นนางก็เปิดผ้าม่านแล้วมองไปที่คนเลี้ยงม้า “ไปแคว้นเอ่อตาน”
“พวกเราก่ออาชญากรรมในแคว้นเอ่อตาน ไม่สามารถกลับไปได้” ทั้งคนเลี้ยงม้าและองครักษ์ที่อยู่ข้างๆต่างขมวดคิ้ว
ใบหน้าของซูพ่านเอ๋อซีดเผือด คิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะให้นักโทษพาตัวเองกลับมาที่แคว้นชางหลาน ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะไม่ส่งตนเองไปที่แคว้นเอ่อตาน บางทีอาจจะไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่านางกับตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “คนมีโทษ”
อดหัวเราะเยาะเย้ยไม่ได้ นางอยากจะจ่ายเงินให้คนเหล่านี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงกีบเท้าม้าที่หนักแน่นดังมาจากในป่า คนเลี้ยงม้าก็ตะโกนออกมา “ไม่ คงไม่ใช่โจรม้า! รีบวิ่ง!” องครักษ์รีบปีนขึ้นไปบนรถม้าและขับไม่หยุด
ซูพ่านเอ๋อก็ตกใจเช่นกันและถอยกลับเข้ามาในรถม้า
นางเคยได้ยินเรื่องโจรขี่ม้าที่ดุร้ายจากคำพูดของผู้อื่น และตอนนี้ฟังจากเสียงกีบเท้าม้าที่ดังมาจากด้านหลัง ดูเหมือนว่ามันจะกระแทกมาที่ใจของนาง
ยิ่งใกล้เข้ามามากขึ้น
ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลง องครักษ์ที่ถูกอัดเข้าที่ข้างประตูก็ร้องลั่น
มีดยาวสับเข้าที่หัวของพวกเขาต่อหน้าซูพ่านเอ๋อ นางถูกเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วร่างกาย แล้วจ้องคนที่อยู่ข้างประตูด้วยดวงตาที่เบิกโพลง