บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 566
บทที่ 566 อย่าหวังจะได้หนีออกไปสักคน
เรือก็ล่องไปตามสายน้ำไป ลมที่พัดมากระทบหน้ามีความเจ็บเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยก็เลยขึ้นไปชั้นสอง ปิดหน้าต่างเล็กน้อย ก็มีคนมาส่งเหล้า แล้วยังมีคนเล่นพิณมาเล่นให้ฟังอีกสองคน ทำให้นางเหมือนเป็นคนชนชั้นสูง พอเหล้าเข้าปาก นางก็กระดิกนิ้วเรียกผู้หญิงเล่นพิณพวกนั้น
หญิงสาวที่กอดผีผาอยู่ก้มหัวเดินเข้าไปหา แล้วนั่งคุกเข่าลงที่พื้น แล้วค่อยๆเงยหน้า แล้วส่งสายตามองมาที่นาง
“รูปร่างหน้าตาคล้ายยู่จูเหมือนกันนะ” กู้อ้าวเวยเอามือไปจับคางของนาง ค่อนข้างจับแรง แม่นางคนนั้นก็น้ำตาคลอเบ้า แต่นางก็ยังไม่ปล่อยมือ
“ข้าชอบดี” กู้อ้าวเวยพูดอีก แล้วเอามือไปเช็ดน้ำตานาง แม่นางคนนั้นก็หน้าแดง จนอยากจะเอาหน้าตนเองมุดดินหนีไป
แต่ก็ไม่ให้นางหนีไปได้ แล้วยังสั่งให้นางรินเหล้าให้ต่อ แม่นางคนนั้นก็ทำต่อโดยไม่พูดจา
พอเพลงจบ ซ่านจินจื๋อก็ขึ้นมา แม่นางคนนั้นก็รีบกลับไปตำแหน่งเดิมของตนเอง แล้วกอดผีผานั่งอยู่ ก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะเข้ามายังส่งสายตาให้นางด้วย
กู้อ้าวเวยก็แปลกใจวันนี้คงจะต้องขนลุกแน่ ไม่รู้ว่าจื่อไปเอานักสืบแบบนี้มาจากไหน แต่ละคนนี่ร้ายกาจมาก ใบหน้ายังทำกับเป็นคนที่ถูกรังแกทำร้าย
“เจ้าเล่นอะไรกันอีกหรือ?” กู้อ้าวเวยเงยหน้ามองซ่านจินจื๋อ
“เป็นครั้งแรกที่ข้าไม่มีอะไรทำ” ซ่านจินจื๋อนั่งลงข้างๆนาง
กู้อ้าวเวยมองจอกเหล้าของตนเอง แล้วนิ่งไป “ใช้เดินทางกี่วัน?”
“อาจจะสิบกว่าวัน”
ซ่านจินจื๋อตอบเสร็จ แล้วก็นิ่งไปบ้าง
“ตอนแรกข้าน่าจะซื้อหนังสือมาบ้าง เจ้านี่นะ!” กู้อ้าวเวยแกล้งเมา “ข้าอยู่ที่นั่นเป็นตาแก่ตกปลาอยู่สองเดือน คราวนี้ยังต้องมาทนอยู่บนเรืออีกสิบกว่าวันเนี่ยนะ”
ซ่านจินจื๋อให้นางทุบตีตามใจเพราะนางไม่มีแรง ตนเองก็นั่งหน้านิ่ง
พอจบ กู้อ้าวเวยก็รู้ตัวเองว่าทำเกินไป แต่พอได้ฟังเพลง จิตใจก็เหม่อลอย แม้แต่ซ่านจินจื๋อเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งเงียบๆดื่มเหล้าเช่นนี้
ทั้งสองนั่งอยู่บนชั้นสองตลอดทั้งบ่ายโดยไม่พูดจา นักดนตรีก็เริ่มเหนื่อย ซ่านจินจื๋อก็นั่งนิ่ง กู้อ้าวเวยไม่มีหนังสือการแพทย์และยาสมุนไพร ของเล่นอะไรก็ไม่มี แล้วก็เหม่อมองไปข้างนอก “ถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว”
“เดี๋ยวสักครู่อาหารค่ำจะถูกส่งเข้ามา เดี๋ยวกินปลากัน” ซ่านจินจื๋อตั้งใจเน้นคำว่า ปลา
เพราะถึงอย่างไรก็จะหนีเมนูปลาไม่ได้
กู้อ้าวเวยหายใจเข้าแรงๆ เพื่อตั้งสติ แล้วมองเขา “ข้าว่าสองเดือนนี้ เจ้าตั้งใจจะให้ข้าลงมือกับเจ้านะ”
“หมอบอกว่าทำแบบนี้มันดีต่อร่างกายเจ้า แต่เจ้ายังไม่พร้อม” ซ่านจินจื๋อหยิกที่เอวของนาง พอเห็นกู้อ้าวเวยไม่พอใจ ก็พูดว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะดูว่ามีที่ไหนให้จอดเรือได้บ้าง ว่าจะไปซื้อของเสียหน่อย”
“ซื้ออะไร?” นางตีมือของเขา “ยังจำได้ไหมว่าข้าจะแก้แค้นเจ้า”
ซ่านจินจื๋อยกคิ้วสูง แล้วฟังนางพูด “เดี๋ยวข้าซื้อเอง เจ้าคอยดูก็พอ อย่าหวังว่าจะซื้ออะไร”
ครั้งนี้ซ่านจินจื๋อโมโหบ้าง
พอถึงวันที่เรือเข้าฝั่ง ซ่านจินจื๋อไม่มีแม้แต่จะลงเรือมา พอสองชั่วยาม กู้อ้าวเวยก็สั่งให้คนไปซื้อของมาไม่น้อย บอกว่าจะตุ๋นน้ำแกง เพื่อแก้ความชื้นในร่างกาย แล้วก็ยังซื้อมีดแกะสลักและไม้มามากมาย ผ้าก็ซื้อมา บอกว่าอยากจะทำถุงผ้าใหม่อีกสักสองใบ
ซ่านจินจื๋อก็ได้แต่มองนางยุ่งกับนางตนเอง จนรู้สึกว่าตนเองก็ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวบ้างแล้ว อย่างมากตอนกลางคืนก็มีความสุขนิดหน่อย
ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้มาดีแน่
วันนี้ซ่านจินจื๋อบอกว่าจะลงเรือไปเสียหน่อย ครั้งก่อนนักดนตรีพวกนั้นแอบขึ้นเรือมา ถือโอกาสที่กู้อ้าวเวยกำลังกินข้าวบนชั้นสอง พวกนางก็เข้ามาหา “ให้ข้ารับใช้ฝ่าบาทเถิด”
กู้อ้าวเวยก็ไม่เข้าใจการกระทำของนาง
ได้แต่บอกไปว่า “ข้าเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ หญิงปลอมเป็นชาย”
“ข้ารู้” แม่นางคนนั้นหน้าแดง แล้วมองรอบๆ แล้วมาพูดข้างหูกู้อ้าวเวยว่า “เมื่อก่อนท่านก็ชอบแม่นางยู่จูไม่ใช่หรือ?”
นี่มัน ใครเป็นคนส่งพวกนางมา
บางทีในสายตาของพวกชาวแคว้นเจียงเยี่ยน ตนเองอาจจะเป็นพวกได้ทั้งหมดทั้งหญิงชาย แต่ว่ากู้เฉิงก็เป็นคนเลี้ยงนางมา คงไม่ทำผิดเช่นนี้ พอมาคิดดู น่าจะเป็นคนคนแคว้นเจียงเยี่ยนที่อยู่กับอ้ายหยินแน่นอน
“น่าเสียดาย ข้าแค่มองยู่จูเป็นน้องสาว เจ้าคิดว่าข้าชอบผู้หญิงจริงๆหรือ?” กู้อ้าวเวยทำหน้าเสียดาย แล้วเอามือไปวางบนไหล่นาง
หญิงที่ทำหน้าตาน่าสงสารก็เปลี่ยนสีหน้า เหล็กแหลมคมที่อยู่ตรงเอวของนาง ก็พุ่งเข้ามายังหน้าของกู้อ้าวเวย
แต่น่าเสียดาย ก่อนที่อาวุธพวกนั้นจะมาโดนตัวนาง นางก็เหาะหนีหลบไปไกลแล้ว อาวุธพวกนั้นมีสีแดง นักดนตรีพวกนั้นก็ตกใจหน้าซีด แล้วก็มองนาง ไม่กล้าลงมืออะไร
กู้อ้าวเวยนั่งบนเบาะ แล้วพิงตัวเล็กน้อย แล้วมองเหยียดหยามพวกนาง “อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าชอบแบบนี้ ข้ารู้ดีว่าใครฝึกวิชามา ก่อนหน้านี้จับคางเจ้าดู แล้วเห็นใส่เสื้อเจ้าข้าก็รู้แล้ว”
คำพูดนั้นทำให้พวกนางโกรธ ด้านล่างซ่านจินจื๋อก็บีบจอกเหล้าจนแปลกเป็นผง
เสียดายที่นางพวกนั้นกระอักเลือดมา แล้วถูกคนจับกดไว้ที่พื้น
ตอนนี้กู้อ้าวเวยไม่สงสารพวกนาง แล้วพูดกับพวกนางต่อว่า “พวกเจ้าต้องช่วยข้าส่งข่าว พอเรียบร้อยแล้วจะส่งพวกเจ้ากลับไป”
แม่นางคนนั้นไม่พอใจ สายตาอำมหิต “เจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนส่งข่าว แล้วยังจะ…………..”
“ชายที่ข้ารักก็อยู่ตรงหน้า แล้วยังจะใช้แผนสาวงาม ไม่เสียตัวเปล่าๆหรือ” กู้อ้าวเวยมองบน แล้วเบ้ปาก “มีอะไรก็พูด อย่าทำเป็นเล่นเหมือนเจ้านายเจ้า อยากจะเข้าใกล้ข้าเพื่อส่งข่าว แล้วฆ่าข้าเสีย ข้ารู้ดี”
แม่นางคนนั้นหน้าเสีย คิดสักพักก็พูดออกมา “ฮ่องเต้อยากให้เจ้าเว้นโทษของอ้ายซู่จือ แล้วช่วยเหลือเขา”
กู้อ้าวเวยหัวเราะ แล้วลุกขึ้นมองนาง “ด้วยตำพูดของเจ้านะหรือ อ้ายหยินอย่าหวังว่าชีวิตนี้จะชนะกู้เฉิง”
“เอาตัวนางไปส่งกลับแคว้นเจียงเยี่ยน แล้วฝากบอกคำของข้า”
“ว่าอ้ายหยินและกู้เฉิง สักวันก็ต้องลงนรกไปด้วยกัน ใครก็อย่าหวังว่าจะหนีพ้น”