บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 568
บทที่ 568 เบื้องหลังตำบลเหยสุ่ย
“ให้นางนอนที่นี่แหละ เดี๋ยวข้าใส่ยาให้นางเอง”
กู้อ้าวเวยป้อนน้ำให้นาง แล้วก็ลุกไปตำยาข้างๆ
เฉิงซานก็ไปจัดการเรื่องตนเอง ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ข้างประตู สายตามองไปยังมือของกู้อ้าวเวย พอกำลังจะเดินออกไป นางก็เรียกเขา
“ข้าคิดว่าเจ้าจะฆ่ามือสังหารย์คนนั้น”
“ไม่หรอก ข้าจะต้องรอนางไปส่งข่าว ให้เขาทั้งสองลืมเจ้าเสีย ” เขาหยุดฝีเท้า ซ่านจินจื๋อรู้ว่านางไม่พอใจที่ให้จื่อไปเสี่ยงอันตราย เขาก็พูดต่อว่า “หลังจากนี้ข้าจะทำตามวิธีของข้า”
“ทำอย่างไร?” กู้อ้าวเวยหันมามองนาง แล้วก็ตำยาไป
“ตีเอาแคว้นซินและแคว้นเจียงเยี่ยน แล้วก็แต่งตั้งกู่เซิง” ซ่านจินจื๋อเดินเข้าไป แล้วเห็นว่าแผลเป็นหลังมือมันดูไม่เข้าตา “ข้าจะไม่ให้เจ้าบาดเจ็บอีก”
กู้อ้าวเวยเปลี่ยนไปจับเสื้อของเขา แล้วผลักที่กำแพง สายตาแดงก่ำ “อยากจะเอาชีวิตคนแคว้นชางหลานไปแลกกับความสงบ มันไม่น่าจะใช่นะ”
“เจ้าน่าจะรู้ ชีวิตคนก็แค่ตัวเลข ทหารพวกนั้นเป็นอาวุธของข้า ตอนที่เข้าค่ายทหารของข้ามา พวกเขาก็รู้แล้วว่าต้องเป็นคนของข้า สักวันหนึ่งก็ต้องพลีชีพในสงคราม ” เขาเอามือมาจับมือของนางไว้ “ตอนแรกเจ้าก็น่าจะรู้ ข้าเป็นราชนิกุล ไม่เพียงทำเพื่อเจ้า แต่ทำเพื่อแคว้นชางหลาน”
“ทำไมรึ เจ้าอยากจะยอมรับผิดกับซูพ่านเอ๋อหรือ?”
กู้อ้าวเวยพยายามดึงมือออก แล้วรู้สึกว่าเขาแปลกๆ
ก็แค่มือสงหารย์ในระหว่างทางเดินเรือ ทำให้นางรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมาก
“แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยว นอกจากเจ้าจะสามารถทำให้กู่เซิงขึ้นครองราชย์ได้” ซ่านจินจื๋อมองนาง “ในเมื่อเราคิดเห็นไม่ตรงกัน เช่นนั้นก็ทำเช่นเดิม”
“ได้” กู้อ้าวเวยมองเขา “ในเมื่อเจ้าอยากจะพนันกับข้า เช่นนั้นก็มาดูกันว่าใครจะนำหน้า แต่เจ้าต้องรับปากข้า ก่อนที่จะออกรบจะต้องบอกข้าก่อน”
“อันนี้ได้แน่นอน” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าตอบรับ เห็นแววตาของนางสว่างขึ้น เขาก็ว่างใจลง
ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้ทั้งสองคนก็ไม่เบื่อ
ทั้งสองคนก็คิดถึงช่วงเวลาที่ไม่ถูกกัน แต่ตอนนี้กลับมาพนันกัน กู้อ้าวเวยก็กล้าตอบรับ แต่นางไม่ยอมให้เขาไปตายพร้อมกับซูพ่านเอ๋อ ซ่านจินจื๋อเองก็ไม่ยอมให้นางถูกคนอื่นบังคับ
สารท้ารบถูกส่งไปแล้ว ซ่านจินจื๋อนึกว่าวันนี้จะมีอะไรดีหน่อย แต่ได้รับคำพูดของนางว่า “ข้าจะนอนกับจื่อที่นี่ เจ้าไปนอนเองเถอะ……….”
“ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบทั้งหญิงทั้งชายนะ” ซ่านจินจื๋อโมโหดึงนางเข้ามาใกล้ แล้วก็อุ้มนางกลับห้องตนเองโดยไม่สนใจใคร ทะเลาะกันยกใหญ่จนเอานางนอนที่เตียงได้
สองวันผ่านไปไม่นาน มากพอที่จะให้กู้อ้าวเวยเย็บหมอนใบใหม่ได้ แต่เสียดายที่คนที่นี่ไม่มีใครเชื่อว่าสิ่งนิ่มๆนี้มันจะเป็นหมอนเอาไว้หนุน กลับไปเรียกมันว่าถุงผ้าลายดอกไม้
เรือจอดเทียบท่า กู้อ้าวเวยพอลงเรือมาก็เท้าเอว นางคิดว่าบนเรือมันโคลงเคลง ลงมาเหยียบพื้นดินสบายกว่า แล้วนางก็รู้สึกว่ามีคนมาตีที่เอว “เสียมารยาทน่า”
“เจ้านี่พูดมากยิ่งกว่ากุ่ยเม่ยอีกนะ” กู้อ้าวเวยเอามือลง พอคิดว่าตนเองก็หนีออกมาจากที่นี่ ในใจก็ไม่โกรธอะไร แล้วก็ใส่ผ้าปิดหน้าเดินเข้าไป
จื่อค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นี่ แล้วก็พานางไปยังโรงเตี๊ยม เฒ่าแก่เนี๊ยะกำลังสูบบุหรี่ พอเห็นจื่อเข้ามาก็รีบวางของลงมาต้อนรับ “นี่แม่นางจื่อนี่นา ทำไมขึ้นเรือมาหรือ?”
“เพื่อความสะดวกนั่นแหละ นายท่านล่ะ?” จื่อเดินเข้าไปข้างใน แล้วก็หยิบผลไม้มาให้กู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยเปิดผ้าปิดหน้าแล้วกัดกิน รสชาติก็ไม่เลว
เฒ่าแก่เนี๊ยะมองนางอย่างแปลกใจ แล้วก็ตบมือ “นี่ไม่ใช่เด็กคนที่เผาที่นี่ไหม้ไปกว่าครึ่งหรอกหรือ?”
“เจ้ารู้หรือ?” กู้อ้าวเวยแปลกใจ ตอนนั้นนางถูกมัดไว้ ไม่รู้เรื่องอื่นเกี่ยวกับตำบลเหยสุ่ย
“ใครบ้างไม่รู้ ตอนนี้คนของข้ายังตามเจ้าไม่ทัน ตอนนั้นพวกเรายังคิดว่าเจ้าเหมือนนายท่าน แล้วก็เตรียมคุยกับแม่เล้า ให้เตรียมควบคุมตัวพี่น้องตระกูลจูไว้ แล้วรับเจ้ากลับมา” เฒ่าแก่เนี๊ยะสีหน้าไม่ชอบ “ตอนนั้นเจ้าวิ่งไวมาก แล้วยังกระโดดน้ำไป คนของข้าตามหาเจ้าอยู่สองวันก็ยังไม่พบ นายท่านก็บ่นแม่เล้าไปยกใหญ่”
พอถึงจุดนี้ กู้อ้าวเวยก็ตะลึง แล้วมองจื่อ “นางรู้จักแม่ข้าได้อย่างไร?”
“คนที่ค้าขายที่ตำบลเหยสุ่ย ใครบ้างไม่รู้จักนายท่าน ” จื่อก็มองนาง “คุณหนูไปอยู่กับคนอื่น นายท่านอยากจะบอกท่านตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ครั้งก่อนท่านหนีออกไปจากตำบลเหยสุ่ย นายท่านกลัวท่านจะเสียใจที่พูดเรื่องเก่า วันนี้ที่มา ก็คงจะบอกความลับกับท่านแล้วล่ะ”
“ตำบลเหยสุ่ยมันคืออะไรกันแน่” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว
“ตระกูลหยุนแอบช่วยเหลือฮ่องเต้ เคยเป็นตระกูลที่ส่งทหารเดนตายให้ฮ่องเต้ ” มีเสียงส่งเข้ามา จื่อและเฒ่าแก่เนี๊ยะก้มหัวลง
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้น บนบันไดมีหยุนหว่านยืนอยู่
“ท่านแม่ ดังนั้นตอนนี้ฮ่องเต้ก็รู้ว่าทานยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นโลงศพที่เขาหยินซานก็คือเขาเป็นคนทำอะสิ ตำบลเหยสุ่ยไม่ใช่พื้นที่ต้องสังเกต แต่เป็นพื้นที่สำคัญสุดท้ายของฮ่องเต้ ” กู้อ้าวเวยไม่พุ่งเข้าไปหา แต่พูดออกมา
หยุนหว่านมองสีหน้านาง แล้วก็เดินลงมาต่อหน้านาง “เวยเอ๋อเจ้ายังฉลาดเหมือนเดิมนะ”
“ถึงว่าต้วนโฉงไม่อยากเป็นอมตะ แต่ไม่ใช่ไม่อยาก แต่เพราะเขารู้ว่าสิ่งนั้นมันไม่มีอยู่จริง เมื่อก่อนดีกับข้า ก็เพราะเห็นแก่หน้าเจ้า”
เช่นนั้นเรื่องทั้งหมดก็มีคำอธิบายที่ดีได้
นางคิดว่าต้วนโฉงจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี แต่พอมาคิดดู เขาก็แค่ลำเอียง ทำดีต่อนาง ไม่ใช่เพราะนางดีกว่าซูพ่านเอ๋อ แต่เป็นเพราะนางเป็นลูกสาวของหยุนหว่าน
ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนหยุนหว่านสงสัยในความฉลาดของกู้อ้าวเวย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
หลังจากรู้ว่าลูกสาวตนเองฉลาด แล้วก็เป็นห่วงแทน
“ถ้าเป็นไปได้ ก็หวังว่าเจ้าจะโง่ขึ้นมาหน่อย” หยุนหว่านถอนหายใจ แล้วมองซ่านจินจื๋อ “พี่ชายเจ้ายอมรับเจ้าแล้ว ในเมื่อเวยเอ๋อเป็นลูกของข้า เจ้าก็เป็นคนที่ฮ่องเต้บอกว่าเป็นคนที่จงรักภักดี ข้าก็จะเอาเรื่องทั้งหมดบอกแก่เจ้า”
กู้อ้าวเวยยังทำตัวไม่ถูก ซ่านจินจื๋อก็เข้ามาจับนางแล้ว พูดขึ้นเบาๆ “ไม่ต้องภักดีต่อข้า ให้เรื่องมันจบที่ท่าน อย่าให้เวยเอ๋อเข้าไปเกี่ยวข้อง”