บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 58
ตอนที่ 58 การโจมตีของเทียนเหยียน
หลังมือถูกพันไปด้วยผ้าลินินกลิ่นแรงของยาทำให้นางขมวดคิ้ว
เมี่ยวหารนำขวดยาเก็บเข้าใส่กล่องยา เห็นว่าซูพ่านเอ๋อจ้องแผลอย่างเหม่อลอยก็เอ่ยเตือนเสียงเบา “แผลห้ามโดนน้ำ แล้วก็อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ขอแค่ให้เจ้าตัวเกะกะองค์ชายสี่ออกไปได้และไม่มีใครช่วยกู้อ้าวเวยพูดอีกก็พอ” ซูพ่านเอ๋อดึงกระบอกแขนเสื้ออย่างหงุดหงิด
ในเวลาไม่กี่วันนี้ กู้อ้าวเวยกับซ่านเซียนหยวนก็สร้างปัญหาร่วมกัน ซ่านจินจื๋อก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ นางก็อยากที่จะกำจัดองค์ชายสี่โดยไว
ใครที่คอยช่วยกู้อ้าวเวยจะต้องตายทั้งหมด
“จิ่นชิ่ว ตอนที่อยู่ที่ลานล่าสัตว์ เจ้าเห็นกระเป๋าที่เอวของก็อ้าวเวยหรือไม่? แล้วให้ยาถอนพิษกว่างเสียนไปหรือยัง?” ซูพ่านเอ๋อมองไปทางจิ่นชิ่วทันทีทันใด
จิ่นชิ่วพยักหน้า วันนั้นที่ลานล่าสัตว์ ซูพ่านเอ๋อก็หาคนไปทำร้ายกระเป๋าของกู้อ้าวเวย จากนั้นก็ยังสั่งให้จิ่นชิ่วออกจากเกาไถไปนำยาถอนพิษข้างในกระเป๋าฝากเมียวหารไปส่งให้ถึงมือของกว่างเสียน
ถ้าหากสามารถถอนพิษให้กว่างเสียนได้ในอนาคตนางก็อาจใช้หู้ปู้เซ่อหลาง(นายสนองกระทรวงครัวเรือน)ในการได้ผลประโยชน์
ยิ่งไปกว่านั้น กู้อ้าวเวยยังสาบานอีด้วยว่าไม่มีใครสามารถถอนพิษได้ ถ้าหากว่ากว่างเสียนอาการดีขึ้น กู้อ้าวเวยก็จะกลายเป็นคนหลอกลวง!
“จิ่นชิ่วติดต่อคนของโหวเซ่อบอกไปว่าซ่านเซียนหยวนมีใจฝักใฝ่ไปทางกู้อ้าวเวย ถ้าหากกำจัดเขาไม่ได้ พวกคนของโหวเซ่อก็จะไม่มีโอกาสได้กระทำการใด ๆต่อกู้อ้าวเวยอีกต่อไป” ซูพ่านเอ๋อยืนขึ้นและหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
จิ่นชิ่วยิ้มและพยักหน้ารับไปเตรียมตัวโดยไว เหลือเพียงเมี่ยวหารที่รีบไปจับข้อมือของซูพ่านเอ๋อเอาไว้พลางพูดอย่างจริงจังว่า “เขาเป็นถึงองค์ชาย น่าจะเพียงแค่ใกล้ชิดพระชายานิดหน่อยก็เท่านั้น”
“นั่นก็เป็นเหตุผลพอที่จะทาให้เขาต้องตาย ยังไงก็ต้องการเพียงแค่ท่านพี่จื๋อ” แววตาของซูพ่านเอ๋อทอประกายความบ้าคลั่งออกมาอีกครั้ง นางสะบัดมือเมี่ยวหารออกและเดินมองออกไปด้านนอก
………..
ดวงอาทิตย์ทอแสง ภายในตำหนักอ๋องก็เงียบสงบเช่นกัน
หนังสือแพทย์กว่าครึ่งเล่มถูกอ่านไปแล้วเรียบร้อย ทักษะการแพทย์ของกู้อ้าวเวยก็เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน วันนี้อากาศแจ่มใสแล้วเครื่องปรุงยาที่ต้องใช้ก็เหลือไม่มากแล้วจึงสั่งให้คนไปเตรียมรถม้าไปยังจี่ซื่อถาง
ซ่านเซียนหยวนผู้ที่แสนจะว่างงานเหลือเกินก็ติดตามนางทุกวันเจ้าพุทราก็เป็นเขาที่ดูแล
“ได้ยินจากหยินเชี่ยว เจ้าให้ยาแก่ลูกชายของหู้ปู้เซ่อหลางมันคือยาถอนพิษหรือ?” ขณะที่อยู่บนรถม้าซ่านเซียนหยวนก็ถามออกมา
“ไม่ใช่ ประมาณเวลาแล้วก็อีกไม่นาน รอสักวันที่เขาจะมาด้วยตนเองและมาคุกเข่าร้องขอความเมตตา ให้ยาถอนพิษไปตอนนั้นก็ยังไม่สาย” กู้อ้าวเวยหาวออกมาอย่างขี้เกียจ
ซ่านเซียนหยวนปิดปากเงียบ ไม่แปลกใจเลยที่ฉีหลินไม่กล้าแต่งกับกู้อ้าวเวย ถ้าเป็นเขาเขาก็ไม่กล้า
“ปังงงงง”
มีบางอย่างมากระแทกรถม้า ซ่านเซียนหยวนที่มีฝีมือคล่องแคล่วแข็งแรงกดตัวกู้อ้าวเวยลงไป อีกมีหนึ่งก็เปิดม่านรถม้าออกดูเห็นเพียงแสงสีเงินผ่านตาไปมีอาวุธไม่น้อยแทงทะลุเข้ามาในรถม้า
“ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าหาญเช่นนี้ กู้อ้าวเวยไม่แม้แต่จะกลัวแถมยังกล้าที่หยิบจับอาวุธที่แทงทะลุดึงลงมา เฉิงยี เฉิงเอ้อที่อยู่ข้างรถม้าก็ชักดาบออกมาต่อสู้กับศัตรู
รถม้าจอดหยุดตรงละแวกย่านคนยากไร้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะออกมาช่วย
ซ่านเซียนหยวนที่เห็นที่ค้ำรถม้านั้นเอาไม่อยู่และม้าก็ยังร้องออกมา ก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรเพียงแค่รีบอุ้มกู้อ้าวเวยกลิ้งลงมาจากรถม้าตกลงมายังพื้น เขาหยิบมีดสั้นที่เอวออกมาและโจมตีศัตรูที่ใกล้ที่สุดพลางตะโกนใส่กู้อ้าวเวย “รีบไปซ่อนเร็ว! เป้าหมายคือเจ้า!”
ทำไมเป็นข้าอีกแล้ว” กู้อ้าวเวยร้องออกมาอย่างตกใจ รีบหลบดาบที่แทงมาฉับพลันจนกลิ้งไปกับพื้นจนมาหลบอยู่ตรงหลังต้นไม้ใหญ่และหยิบขวดยาตรงเอวออกมา และเตรียมตัวออกไป
ยามที่นางกำลังเปิดฝาขวดทันใดนั้นก็มีคนหล่นลงมาจากยอดไม้
“ตายสะเถอะ” เสียงทุ้มต่ำสบถออกมา ร่างกายของนางก็หลบไปอีกทางโดยไวแต่หลังมือก็ยังได้แผลมาอยู่ดี นางกัดฟันขวดของเหลวสักอย่างออกมาและถือโอกาสที่ซ่านเซียนหยวนไม่ได้สนใจพุ่งใส่ฝูงชนและโถมเข้าซ่านเซียนหยวนจนลงไปกับพื้น
ซ่านเซียนหยวนถูกกระแทกจนหล่นลงไปกับพื้นและก็ได้กลิ่นแปลกๆลอยเข้าโพรงจมูก
ทันใดนั้นเขาก็ถูกยัดเม็ดยาใส่เข้าไปในปากและได้ยินเสียงหอบหายใจของกู้อ้าวเวยจากบนตัว เห็นคนรอบ ๆที่โดนพิษตัวยืนตัวสั่นเทาอยู่กับที่ในชั่วพริบตาก็ตอบสนองกลับมา “พวกเขาไม่กลัวพิษไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนของโหวเซ่อ”
“พระชายา อยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้ว” เฉีงยีใช้แขนป้องกันและพาเดินไปทั้งตัวและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ทางด้านเฉิงเอ้อยังคงต่อสู้อยู่อย่างสุดแรงศัตรูก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มันเดินออกไปไม่ได้” สายตาของกู้อ้าวเวยเข้มงวดขึ้นและยังกล้าที่จะดึงเฉิงเอ้อที่กำลังต่อสู้ออกมา เฉิงเอ้อเองก็ไม่กล้าคัดค้านทำได้แต่เดินตามแรงดึงและล้มไปข้างกายของเฉิงยีนางหยิบขวดออกมาเทของเหลวออกจนหมด
กลุ่มชายชุดดำได้กลิ่นแปลก ๆก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดในทรวงอกจนยากที่จะเกินต้านทานพลางมองหน้ากันและพูดออกมา “ถอนกำลัง!”
“อย่าหนีนะ!” กู้อ้าวเวยคิดที่จะตามไปแต่กลับถูกเสียงด้านหลังลอยแว่วเข้ามารั้งนางไว้
พอหันหลังกลับไปดูก็เห็นซ่านเซียนหยวนกำลังหอบหายใจอย่างหนักพลางจับหน้าอกหายใจอย่างอย่างลำบาก
“จริงด้วย ข้าลืมไปเลยว่าแผลเก่าของเจ้ายังไม่หายดี” เพียงไม่กี่ก้าวนางก็เดินมาถึงข้างกายเขาและยื่นยาเม็ดสองสามเม็ดให้แก่เขาพลางยื่นยาถอนพิษให้แก่เฉิงยี เฉิงเอ้อที่อยู่ด้านหลังจากนั้นก็หยิบเข็มสำหรับฝังเข็มให้กับซ่านเซียนหยวนเพื่อให้เขาหายใจได้ดีขึ้น
ผ่านไปสักครู่นางถึงเพิ่งจะได้เห็นหลังมือของซ่านเซียนหยวนนั้นมีแผลที่ถูกไฟไหม้
“เฉิงยีเจ้าไปหารถม้ามา เฉิงเอ้อเข้าอยู่ที่นี่ดูองค์ชายสี่ เดี่ยวข้ากลับมา” กู้อ้าวเวยเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและปีนลงมาจากร่างของเขาพลางวิ่งเข้าซอยแคบไป
ถ้าเกิดว่านางจำไม่ผิด บ้านของฟางหวาอยู่แยกที่สามในนี้
ตลอดทางที่วิ่งมาในที่สุดก็เห็นบ้านของฟางหวา พอดีกับตอนนี้ฟางหวากำลังซักผ้าอยู่เมื่อเห็นนางรีบวิ่งเข้าไปพลางตะโกนบอกชื่อยาออกมาและรีบพานางเข้ามาหายาและนำเครื่องปรุงยาห่ออย่างดียัดใส่อ้อมอกของนาง
“ขอบคุณมากนะ!” กู้อ้าวเวยทิ้งเงินไว้ให้นางแล้วจากไปทันที
เพียงไม่นานก็กลับมายังที่ที่ซ่านเซียนหยวนคอยอยู่ ปากของเขานั้นมีสีคล้ำพร้อมกับเฉิงยีที่ลากรถม้าเข้ามาอย่างช้า ๆ ทางด้านของนางก็รีบนำสมุนไพรยายัดใส่เข้าปากให้เคี้ยวไม่หยุด เมื่อรถม้ามาถึงเฉิงยี เฉิงเอ้อ แบกซ่านเซียนหยวนขึ้นรถม้าวางอย่างดี
กู้อ้าวเวยเหงื่อหยดย้อยราวกับตากฝนมาเพิ่มความเร็วในการเคี้ยว เมื่อรถม้าเริ่มออกเดินทางนางก็นำสมุนไพรที่เคี้ยวออกมาบีบจนแห้งและวางลงบนแผลที่หลังมือของเขา ซ่านเซียนหยวนตกใจเบิกตากว้างพลางยกมือขึ้นมากำมือของนางไว้แน่น
ตำแหน่งตรงที่ถูกบีบก็เกิดรอยช้ำขึ้น
เฉิงเอ้อรีบหยุดยั้งซ่านเซียนหยวนในขณะที่กู้อ้าวเวยก็หยิบยาถอนพิษของตนเองออกมากัดฝาขวดและวางไว้จากนั้นก็นำผ้ายัดใส่ปากของซ่านเซียนหยวนหยาดเหงื่อบนใบหน้าไหลย้อยลงมา “กดเขานอนลงไปดี ๆ แน่น ๆ”