บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 585
บทที่ 585 ลานบ้านเดียวกัน
วันพิธีการล่าสัตว์ป่าในฤดูใบไม้ร่วง แสงแดดกำลังดี
พิธีการล่าสัตว์ป่าในฤดูใบไม้ร่วงในครั้งนี้ใช้เวลาภายในหนึ่งวันอยู่ในเขตภูเขาเทพม้า
ได้ยินมาว่าที่นี่มีม้าเหงื่อโลหิตเยอะ หลังเขาเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลหนึ่งผืน สามารถเป็นสนามม้าเอามาดูแลม้าศึกและพวกม้าปกติได้ ม้าที่ราคาแพงในวังไม่น้อยล้วนมาจากสถานที่แห่งนี้ และประตูทางเข้าของลานกว้าง ยังมีช่างฝีมือแกะสลักไม้ให้กลายเป็นรูปปั้นเทพม้า อยู่ที่นี่มาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว ตามตำราบอกว่าม้าตัวนี้เป็นเทพม้าที่ทำศึกสงครามในสนามรบของฮ่องเต้องค์แรก
แต่ลานกว้างแห่งนี้ก็ผ่านการซ่อมแซมปรับปรุงมาหลายสิบปีแล้ว ครานี้จึงได้ใช้เป็นพิธีการล่าสัตว์ป่าในฤดูใบไม้ร่วงในวันนี้ได้
อ้ายจื่อของแคว้นเจียงเยี่ยนเสียชีวิตไปแล้ว ขุนนางที่หลงเหลืออยู่ก็ปรากฏตัวแทนคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน บุคคลผู้นี้มีอายุอานามกว่าครึ่งร้อยปี แต่กลับมีผมที่ขาวไปทั้งหัว ได้แค่รู้เพียงถูกขนานนามว่าท่านซู เมื่อก่อนขุนนางหลายคนยังเกิดเรื่องเพราะปากของนาง ถูกผู้เฒ่าซวีสั่งสอนไปกันเป็นแถว แต่กลับไม่รู้ความเป็นมาของคนผู้นี้
กู้อ้าวเวยปล่อยม่านหน้าต่างรถลง ไม่ดูทิวเขาที่ซับซ้อนกันด้านนอก มองดูชิงจือที่ไม่รู้ว่าเอาตำราแพทย์ไปดูในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ โผเข้าไปถามว่า “มีตรงไหนที่ไม่เข้าใจไหม”
“ไม่เข้าใจหมดเลย” ชิงจือก็พลิกไปอีกสองสามหน้า อีกทั้งยังไม่รู้ว่าตัวอักษรที่ไม่เคยเห็นพวกนี้อ่านว่าอย่างไร
กู้อ้าวเวยหยิบข้ามมา มีตรงที่ตัวเองเป็นก็สอน ตรงที่ไม่เป็นก็กระโดดข้ามไปอย่างขอไปที ที่ตรงนี้ก็ไม่มีอาจารย์ที่แก่กล้าวิชาคนใดที่สามารถชี้แนะได้ ในวันปกติกู้อ้าวเวยก็สอบถามจากคนใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างกาย หรือไม่ก็ไม่อ่านชื่อ ได้แค่เอาชื่อนั้นจดลงมา บัดนี้ชี้แนะชิงจือขึ้นมา ก็เลยรู้สึกว่าพัวพันกันอุตลุด
ไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้ต่อสิ่งนี้ กู้อ้าวเวยก็เลยนำชิงจือวางกลับไปที่บนรถม้าของซ่านจินจื๋อ
“ท่านแม่มมาด้วยกันสิ” ชิงจือโอบแขนของนางไว้ไม่ปล่อยมือออก
กู้อ้าวเวยมองไปที่ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ในรถม้าอย่างลำบากใจชั่วครู่ ซ่านจินจื๋อยกมือลากนางขึ้นมา “ไม่เป็นไร”
รถม้าของอ๋องจิ้งจะขึ้นง่ายกว่ารถม้าของนางเยอะเลย
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ด้านหนึ่งอย่างสงบ มองดูซ่านจินจื๋อยังคงมีท่าทางที่เป็นพ่อเข้มงวด สั่งสอนชิงจืออย่างเคร่งขรึม แต่ชิงจือกลับไม่กลัวเขา ก็นั่งอยู่ในอ้อมอกของเขาที่ถูกอุ้มอยู่ มือเล็กๆ สองข้างพลิกตำราแพทย์ในมืออ่านอยู่ อีกทั้งยังดูน่าสนุกด้วย
อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นไปมา ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ด้านข้างก็คิดไม่ถึงว่าซ่านจินจื๋อจะยังมีมุมแบบนี้ด้วย แต่ในรูจมูกที่ปรากฏกลิ่นยาสมุนไพรที่เข้มข้นทำให้นางย่นจมูกไปมา มองไปทางกู้อ้าวเวย “กลิ่นยาช่างเหม็นนัก”
กู้อ้าวเวยมองไปทางซูพ่านเอ๋อด้วยสายตาเยือกเย็น อีกทั้งยังยกแขนเสื้อขึ้นมาดมไปหนึ่งที ก็หนักเอาการพอควร
“หากเหม็นนักก็ลงรถไปซะ” คำพูดของกู้อ้าวเวยเรียบเฉย มองซูพ่านเอ๋อที่ยังคงมีท่าทีที่สวยงาม พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “แต่อย่าลืมว่าเมื่อปีนั้นที่เจ้าไม่ได้ป่วยก็มีกลิ่นของยาเช่นนี้เหมือนกัน บัดนี้มาบอกว่าเหม็น ดูไปแล้วก็คงจะแอบฝืนทนอย่างลำบากพอสมควร”
สีหน้าของซูพ่านเอ๋อซีดไปเล็กน้อย ตอนที่กำลังหันหน้าไปเห็นซ่านจินจื๋อก็มองมาพอดี ส่วนชิงจือนั้นก็มองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างแปลกใจ “กลิ่นยาที่อยู่บนตัวของท่านแม่ที่จริงก็กลิ่นแรงมาก แต่ก็ไม่ได้เหม็นนะ”
“ชิงจือยังคงปากหวาน” กู้อ้าวเวยถูกชิงจือพูดจนหูแดงไปหมดแล้ว โค้งตัวลงไปหยิกปลายจมูกของเขา “อีกสักครู่พิธีการล่าสัตว์ป่าในฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นเลือด ชิงจือกลัวไหม”
“ไม่กลัว ทุกสิ่งที่เป็นตาย มีชีวิตก็เท่านั้นเอง” ชิงจือส่ายหน้าอย่างเชื่อฟัง
“เป็นชายอกสามศอก” ซ่านจินจื๋อรัดเด็กน้อยไว้แน่นขึ้น
ดูสามคนนี้ช่างเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน แม้แต่นิดก็ดูไม่ออกเลยว่าชิงจือเป็นลูกบุญธรรมของกู้อ้าวเวย
รอจนลงรถม้า ซ่านจินจื๋อก็อุ้มชิงจือไปที่สนามม้าที่อยู่ใต้เขาหนึ่งรอบ คนอื่นๆ พักอยู่ในหุบเขาข้างเขาเทพม้า ขุนนางไม่น้อยบัดนี้ล้วนเห็นกู้อ้าวเวยเดินทางมาด้วยรถม้าด้วยกันกับซ่านจินจื๋อ วันนี้ถอดผ้าคลุมหน้าออก ใบหน้าที่เคยขาวใสเดียงสา บัดนี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่เยอะขึ้นเลย ดวงตาดอกท้อหนึ่งคู่เผยให้เห็นถึงเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ขุนนางที่เคยเห็นครั้งแรกเดิมทีคิดว่านางเป็นวีรบุรุษ วันนี้พอเห็นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
“คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเอ่อตานหากเป็นดอกท้อ ช่างสวยงามจริงๆ” ยิ่งมีองค์ชายเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนที่ใจกล้าหัวเราะออกมาสองสามคำ พลิกตัวขึ้นม้าไป
“ขอบคุณ” กู้อ้าวเวยตอบกลับอย่างมีมารยาทเช่นกัน “หลายวันก่อนทราบข่าวว่าภรรยาขององค์ชายตั้งครรภ์ได้เพลาหนึ่งแล้ว สมุนไพรที่ชนเผ่าเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนมีน้อยนัก วันพรุ่งข้าจะส่งคนให้นำส่งไปให้จำนวนหนึ่งด้วยตัวเอง แล้วก็มอบหยกสองคู่ให้อีก หวังว่าองค์ชายและพระชายาจะอยู่กันจนแก่เฒ่า”
“ฮ่าฮ่า งั้นข้าก็ขอขอบใจเป็นอย่างมากไว้ ณ ตรงนี้เลย วันข้างหน้าหากมีเวลา ก็อยากจะขอเชิญองค์หญิงไปเที่ยวเล่นที่ชนเผ่าของพวกเราบ้าง ฮูหยินชอบที่สุดคือผู้หญิงเช่นท่านนี่แหละ” องค์ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ควบม้าจากไป
“เช่นนี้ถึงจะดี ครั้งหน้าหากไปแล้ว ก็อาจจะขอตำราแพทย์จากที่นั่นสักสองสามเล่มบ้าง” ดวงตาของกู้อ้าวเวยเป็นประกาย คิดขึ้นมาได้ว่าชนเผ่าเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนมีตำราแพทย์หลากหลายรูปแบบหลายหลายชนิดมากมาย แต่เสียดายที่หาได้ยากนัก แม้แต่พวกพ่อค้าบางทีก็ยังหาพวกเขาไม่เจอ
องค์ชายก็รับปากขึ้นทันที อีกทั้งยังพูดคุยกับกู้อ้าวเวยอย่างสนุกสนานด้วย
ในวันปกตินางรู้แค่ศึกษาตำรา กู้อ้าวเวยเองก็ศึกษาพวกประเพณีวัฒนธรรมในที่ต่างๆ ไม่น้อย เพียงแต่คิดแต่ว่าวันข้างหน้าจะพากุ่ยเม่ยไปตามสถานที่พวกนี้ ก็เลยพุ่งเข้าไปถามอยู่หลายคำถามด้วยตัวเอง องค์ชายผู้นี้ทั้งยังเป็นคนที่มีคนรักมาอยู่แล้วตั้งนาน เห็นกู้อ้าวเวยเป็นสตรี แต่กลับสอบถามเรื่องราวไม่น้อยอย่างตรงไปตรงมา ก็เลยตอบรับลงไปอย่างสง่าผ่าเผย
ขุนนางทั้งหลายล้วนถูกแบ่งไปที่นอกลาน พอถึงทีของกู้อ้าวเวยกลับปวดหัว
“แม่นางซู ท่านอ๋องบอกว่าจะไปนั่งที่ลานเดียวกันกับขุนนางแคว้นเอ่อตาน” พ่อบ้านสอบถามอย่างเบาๆ
“ทำไมนางถึงกล้าเปิดเผยเช่นนี้” ซูพ่านเอ๋อตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นอย่างโมโห สายตาสาดไปที่บนตัวของกู้อ้าวเวยซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก หายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งแล้วจึงพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ช่างเถอะ จำไว้ว่าเลือกที่พักที่ใหญ่หน่อย ข้าจะพักด้วยกันกับท่านอ๋อง เข้าใจแล้วใช่ไหม”
พ่อบ้านพยักหน้าอย่างรีบร้อน “อันนี้แน่นอน แม่นางซูไม่ต้องกังวลไป ท่านอ๋องก็แค่มีความรู้สึกดีๆ ผิวเผินกับผู้นั้นแค่นั้นเอง ท่านกับท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมานานหลายปี ที่ไหนจะให้ผู้หญิงมั่วซั่วพันนั้นปีนขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกันได้”
แววตาของซูพ่านเอ๋อดูพอใจ เอาเงินหนึ่งมัดส่งมอบให้ใส่มือของพ่อบ้านไป คนที่อยู่ด้านหลังก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
ฮูหยินหลายคนของตำหนักอ๋องจิ้งก็มีเพียงซูพ่านเอ๋อนี่แหละที่มือเติบ
แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสองคนนั้นได้ทำกันลงไปทั้งหมดถูกกู้อ้าวเวยคาดการณ์อย่างชัดเจนไว้นานแล้ว ยกปากขึ้นต่อองค์ชายที่อยู่ตรงหน้าครู่หนึ่ง เอาขวดหยกจำนวนหนึ่งมอบให้เขา “ได้ยินมาว่าพระชายาขององค์ชายเคยได้รับบาดเจ็บ ยังไม่ถึงฤดูหนาวมือก็เย็นแข็งไปหมด ค่ำคืนที่ปวดนั้นก็จะนอนไม่หลับ เพียงแค่เอาตัวยาอันนี้นวดทา วันข้างหน้าก็จะไม่ต้องเป็นเช่นนี้แล้ว”
แม้แต่ใบยาเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นก็มอบให้ไปด้วยกัน ได้เพียงทำให้เกิดความเอ็นดูอย่างน่าตกใจขึ้นจากองค์ชาย
คุยเล่นอย่างรีบร้อนสองสามประโยค กู้อ้าวเวยก็ตามติดคนมาถึงที่พัก ทหารของแคว้นเอ่อตานที่ตนเองนำมานั้นค่อนข้างเยอะ ตอนนี้สองฝั่งนอนด้วยกัน กลับคิดว่าน่าจะไม่พอ กู้อ้าวเวยก็เลยโบกมือ “พวกเจ้าเข้าไปนอนเบียดกันในห้องข้าเถอะ”
“เช่นนี้เป็นการเสียมารยาท” ทหารหวาดเกรง
“ข้าจะไปนอนด้วยกันกับชิงจือสักคืน จริงๆ แล้วก็ไม่ต้อง คืนเดียวเท่านั้นไม่ต้องกังวลไป” กู้อ้าวเวยมองดูพวกเขาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร ค่อยๆ ผลักไหล่ของหัวหน้าทหารไป “รีบไปสั่งการเร็วเข้า หากพักผ่อนไม่พอ วันรุ่งขึ้นเกิดมีอะไรผิดพลาดก็จะไม่ทันการ”
ทหารหลายคนก็รู้นิสัยลึกๆ ของกู้อ้าวเวย ได้แค่ต้องรับปากออกไป อีกทั้งยังขนย้ายเตียงหลายเตียงข้ามมา
ใต้ระเบียงยาว กู้อ้าวเวยเห็นซูพ่านเอ๋อสะบัดแขนเสื้อจากไปในที่ไม่ไกลนัก มุมปากเหยียดเบาๆ “ก็แค่อยู่ในห้องเดียวกันกับชิงจือ เจ้าก็เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่เช่นนี้แล้วหรือ”