บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 589
บทที่ 589 สิ่งมีชีวิตทั้งหมด
การก่อสร้างคอกสนาม ซ่านจินจื๋อถือว่าเป็นน้องชายที่ฮ่องเต้ไว้ใจมากที่สุด
และก็มีเพียงซ่านจินจื๋อกับคนใกล้ชิดที่สนิทกันสองสามคนที่รู้ว่าที่นี่มีทางเข้าออกที่ไม่ง่ายต่อการสังเกต
สถานที่แห่งนี้อยู่รอบนอกของคอก บนหน้าผา มีเถาวัลย์ที่แน่นหนาที่นี่ ยังมีรูปปั้นอยู่ที่นี่ เป็นรูปแกะสลักสัตว์มงคลสิบสองชนิด เพียงแค่สามสิบเจ็ดก้าวทางด้านซ้ายของสถานที่นี้มีทางออกเล็ก ๆ ซ่านจินจื๋อวางกู้อ้าวเวยไว้ข้างลำต้นของต้นไม้ เอาดาบยาวของตนมอบให้ใส่มือของนาง “หากเซียวไห่เคยมา จะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แน่นอน หากเป็นคนอื่นที่เคยมา แน่นอนว่าต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้าง”
“ดังนั้นจึงทำทางเข้าออกนี่ เพื่ออะไร” กู้อ้าวเวยแปลกใจ นี่ไม่ใช่จะให้คนอื่นเข้ามาทำเรื่องเลวๆ ตามอำเภอใจหรือ”
ซ่านจินจื๋อลูบหัวของนางไปมา “คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่เจ้าไม่รู้”
“มึนไปหมดแล้ว” กู้อ้าวเวยกดหน้าผากของตนเองด้วยหน้าที่ซีดขาว
“ไม่เพียงที่นี่ คอกสนามทุกที่ล้วนมีสถานที่เช่นนี้ ฮ่องเต้ทุกพระองค์จะบอกเรื่องนี้กับญาติที่สนิทของตนเอง รอจนตอนที่ล่าสัตว์ พวกเขาก็สามารถที่จะเข้าออกจากที่นี่ได้อย่างถูกต้อง ลอบสังหารขุนนางแต่ละคน หรือรอจนฟ้ามือแล้วค่อยลงมือ แต่มีขุนนางที่เขียนประวัติศาสตร์พยายามประจบประแจงฮ่องเต้ ก็จะบอกว่าขุนนางได้รับความตกใจจึงเสียชีวิตหรือว่าบาดเจ็บจนหาทางรักษาไม่ได้……” ซ่านจินจื๋อได้แค่โค้งตัวลงแล้วนวดหัวของนางไปมา เห็นกู้อ้าวเวยแสดงความรังเกียจ แต่ก้ไม่รู้จะทำเช่นไร “มีขุนนางใหญ่บางพวกเป็นใหญ่กว่านายจริงๆ ฮ่องเต้ถูกขังอยู่ในวัง ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่ การเผชิญหน้ากับขุนนางบางพวกที่ใช้ปากในการแก้ปัญหา ช่างเป็นเรื่องยากและใช้เวลานานจริงๆ”
ฟังคำอธิบายของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยปัดมือของเขาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร “รีบไปตรวจดูหน่อย ข้ารู้ว่าสิ่งนี้จำเป็นเช่นกัน แต่ในใจของข้ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย”
“หากมีคนมา ฆ่าแล้วก็บอกว่าข้าเป็นคนทำ” ซ่านจินจื๋อเห็นท่าทางของกู้อ้าวเวยที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ คราวนี้ก็เลยวางใจที่จะมุดเข้าไปในช่องเล็กแคบๆ นั้น ได้ยินเพียงเสียงกลไกกุกกักทำงานดังขึ้น สถานที่นั้นได้กลับฟื้นคืนเป็นเหมือนสภาพเดิมแล้ว”
รอจนสงบลง กู้อ้าวเวยจึงกล้าที่จะเอายาที่พกติดตัวมานั้นออกมา กินติดต่อกันหลายเม็ดจึงค่อยรู้สึกดึงสติกลับมาได้ ได้ยินเสียงใบไม้เสียดสีกันดังเข้ามาที่ข้างหู นางก็ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา “ไม่ทราบว่าเป็นขุนนางท่านใด ก็คิดอยากได้ยาอายุวัฒนะนี้ด้วยหรือ”
“ฝ่าบาทช่างปราดเปรื่องโดยแท้” ขุนนางแคว้นเจียงเยี่ยนผู้หนึ่งเดินออกมาจากในป่า
กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากันบุคคลผู้นี้นัก คนผู้นี้เมื่อก่อนอยู่ข้างกายอ้ายจื่อช่างธรรมดาสามัญนัก พอพักหลังก็ไม่ได้ปรากฏตัวเท่าไหร่แล้ว แต่วันนี้ตอนที่เข้ามาในสนามแข่งล่าสัตว์ ก็มีเขาที่เข้ามาเป็นเพื่อนรวมกับพวกขุนนางของแคว้นเจียงเยี่ยน โดยเฉพาะมือคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผล ก็เลยให้กู้อ้าวเวยก่อนหน้านั้นมองดูเขานานหน่อย
“ข้าจำเจ้าได้ ดูเหมือนว่าจะชื่อว่าฟ่านเฟิง” กู้อ้าวเวยคิ้วขมวดไปมา ดาบยาวที่อยู่ในมือค่อยๆ ชี้ขึ้น ยังคงยกขึ้นมาชี้ไปทางเขา “ความหมายของคนรักข้าคือเข้าใกล้ฆ่าได้เลย”
ฟ่านเฟิงตัวเล็กๆ ก็ได้เพียงถอยหลังไปหนึ่งก้าว คุกเข่าลงด้วยเข่าหนึ่งข้าง มืออีกข้างกำหมัดกดอยู่ที่พื้น “ฝ่าบาท เมื่อครู่ไม่สามารถเข้าใกล้ร่างกายได้จึงเกิดเป็นแผนนี้ขึ้น การมาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อยาลับอายุวัฒนะอะไรนั่น แต่อยากได้ยาลับที่สามารถช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต
“พูดออกมาฟังดูหน่อย” กู้อ้าวเวยยังคงยกมือไว้อยู่ ในใจกลับคิดว่าคนผู้นี้หลบซ่านจินจื๋อเข้ามาได้อย่างไรกัน
“งั้นข้าก็จะพูดอย่างเปิดอกเลย” คราวนี้ฟ่านเฟิงจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างยินดี “ข้าเป็นคนของท่านซู คุณหนูอ้ายจือเป็นหลานนอกไส้ของเขา แต่ข้าโตมาด้วยกันกับคุณหนูอ้ายจือ แต่บัดนี้คุณหนูอ้ายจือถูกคนใส่ร้าย ถูกขังคุกอยู่ อีกทั้งยังถูกชายผู้หนึ่งชื่อว่าเมี่ยวหารวางยาพาอีก เวลาไม่มากนัก ก่อนที่จะหมดสติไปยังจงใจบอกกับท่านซูโดยเฉพาะว่า หวังว่าจะสามารถหาท่านมาช่วยชีวิตได้
เมี่ยวหาร……
จู่ๆ กู้อ้าวเวยก็คิดถึงซูพ่านเอ๋อขึ้นมา
ตอนนี้เวลานี้ นางยังแยกไม่ค่อยออกนักว่าที่แท้แล้วเมี่ยวหารโหดเหี้ยมแน่ๆ หรือ ยังไงอ้ายจือก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับเมี่ยวหารเลย เมี่ยวหารก็วางยาพิษให้อ้ายจือแล้ว มันจะมากเกินไปแล้ว
“งั้นที่นางถูกขังคุกนั้นเป็นเพราะสาเหตุใดอีก” กู้อ้าวเวยแปลกใจ
“เมี่ยวหารนั้นพกแผนที่แคว้นเจียงเยี่ยนจากไป อ้ายหยินโมโหมากจนอยากจะฆ่านางให้ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะท่านซูยังอยู่ในที่ที่น่าเกรงขามในราชสำนัก และเขาต้องการเอาชนะใจผู้คน ตอนนี้เกรงว่าคุณหนูอ้ายจือจะตายไปนานแล้ว” ฟ่านเฟิงผู้นั้นพูดอย่างต่อเนื่อง คิดไม่ถึงว่ายังจะร้องไห้ออกมา “ข้าเห็นคุณหนูอ้ายจือโตมาตั้งแต่ยังเล็กอยู่ ก็รู้ด้วยว่าท่านซูไม่ยอมพบอ้ายจือเด็ดขาด ก็กลัวว่าอ้ายหยินจะอิจฉาภมิหลังของอ้ายจือ ดังนั้นจึงไม่ได้ติดต่อมานานหลายปี แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ที่สิ้นหวังของคุณหนูอ้ายจือในตอนนี้ ท่านซูจะไม่มีวันจำหลานสาวนอกไส้ที่ไม่ได้พบกันมานานไม่ได้
กู้อ้าวเวยไม่รู้ว่าเหตุใดจึงนึกถึงท่านปู่ของตนเองขึ้นมา
หยุนชิงหยางตอนนั้นก็กลัวนางจะถูกรังแกไปด้วย จึงอยู่ที่จวนเฉิงเสี้ยง (เฉิงเสี้ยงเป็นตำแหน่ง) มาหลายปี จวบจนนางเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ออกเรือนเป็นภรรยาคนอื่นจึงค่อยๆ จากไปจัดการกับเรื่องของตระกูลหยุน
ยกมุมปากขึ้นไปมา นางหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านี่ใช่หรือไม่ใช่กับดัก”
“ท่านซูก็สืบท่านมาก่อน รู้ว่าท่านมากฝีมือนัก ต้องสืบอย่างละเอียดจึงรู้เรื่องความลับบางอย่าง และที่มาในวันนี้ หนึ่งก็เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน สองก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ของแคว้นชางหลาน เพื่อเสริมสร้างกำลังในตำแหน่งของท่านซู” คำพูดของฟ่านเฟิงเร็วมาก สุดท้ายยังกลัวว่ากู้อ้าวเวยไม่เชื่อ พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “หากท่านไม่เชื่อ ของชิ้นนี้มองให้ท่าน มีประโยชน์ต่อการทำการใหญ่แน่นอน”
ขณะที่พูดอยู่ เขาเอาม้วนแผนที่หนึ่งม้วนส่งมอบให้กับมือของนาง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก จากไปอย่างรวดเร็ว
รอจนตอนที่ซ่านจินจื๋อออกมาจากในทางเข้าออก กำลังเห็นกู้อ้าวเวยดูแผนที่ม้วนหนึ่งเสร็จพอดี เงยหน้าขึ้นมายิ้มด้วยรอยยิ้มที่ภูมิใจกับเขา “พื้นที่แห่งนี้ช่างเป็นที่ที่ดีจริงๆ แม้ว่าจะไม่มีข้าแล้ว แคว้นเจียงเยี่ยนนี้ก็ยังถูกกำหนดไม่ให้แยกจากได้”
ซ่านจินจื๋อไม่เข้าใจ ได้เพียงโค้งตัวลงฟังกู้อ้าวเวยพูดเรื่องเมื่อครู่อีกหนึ่งรอบ อีกทั้งยังเอแผนที่นี้มอบให้เขา ถามเขาว่า “อ้ายหยินและกู้เฉิงที่คิดว่าตัวเองร้ายกาจแล้ว ที่จริงเจตนาร่วมของประชาชนและกลอุบาย แม้แต่คนเดียวก็เทียบไม่ได้กับท่านชายชราคนนั้นเลย”
“ผู้เฒ่าซวีนี้อาจจะได้ยินมาจากอ้ายจือที่นั่น อาจจะเพื่อให้เจ้าพาล่ายเสวียนไปบุกโจมตี” ซ่านจินจื๋อมองไปอย่างละเอียดบนแผนที่นี้ด้วยความตะลึงอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามตอนนี้จะปรับแก้ไขแผนที่ป้องกันแล้ว แต่แค่พวกเจ้าเคลื่อนไหวเร็วพอ การป้องกันกฌไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงได้เยอะ อีกทั้งนี่ก็ไม่ได้เป็นแค่การจัดวางกำลังป้องกันของเมืองเมืองหนึ่งแค่นั้น
“เจ้าคิดว่าน่าเชื่อหรือไม่” ซ่านจินจื๋อถามกลับอย่างไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร “ถึงเวลาข้าจะเลือกที่จะโจมตีอย่างเต็มกำลัง”
ข้าก็อยากจะลองความรู้สึกที่เจ้าพูดดูบ้าง” กู้อ้าวเวยคล้องไปที่แขนของเขาอย่างไม่รู้จะพูดอะไร มองเขาด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อว่าท่านปู่จะไม่ทำร้ายหลานสาวของตัวเองเด็ดขาด อีกทั้งไม่มีอ้ายจื่อแล้ว ฟ่านเฟิงยังหาวิธีการที่จะออกจากกองพลมาส่งข่าวในคอกสนาม นี่นับว่าเป็นความบริสุทธิ์ใจหรือไม่”
หากตอนนั้นอ้ายจื่อไม่ได้เสียชีวิตที่สถานที่พัก แน่นอนว่าฟ่านเฟิงก็ต้องติดตามอยู่ด้านหลังของอ้ายจื่อ
แต่วันนี้ คนที่ส่งมาคือขุนพลของแคว้นเจียงเยี่ยน หากขุนพลผู้นี้เดิมทีก็เป็นคนของผู้เฒ่าซวีอยู่แล้ว ถ้างั้นฟ่านเฟิงอยากจะแยกออกกลางทางเพื่อมาหาตนเอง แน่นอนว่ามันมีเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว
“คนที่ลงมือตอนนั้น ไม่ใช่แค่เพียงกู่เซิงคนเดียว” กู้อ้าวเวยมองดูซ่านจินจื๋อด้วยใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่เพียงเช่นนี้ เจ้าลองเดาดูว่าแคว้นเจียงเยี่ยนกับแคว้นซิน ยังมีคนอีกเท่าไหร่ที่คอยจับตามองแคว้นอื่นหรือคนอื่นเป็นคนที่บุกโจมตี”