บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 628
บทที่ 628 เวลาแห่งสงครามกำลังจะมาถึง
น้อยมากที่กุ่ยเม่ยจะจับข้อมือของนางไว้แน่น ในเมื่อจับแน่นแล้ว ก็จะไม่ออกแรงขนาดนี้
“ตอนที่ชิงจือกลัวก็จะจับข้าเช่นนี้แหละ” กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ข้างกายเขาด้วยรอยยิ้ม กุ่ยเม่ยสูงกว่านางเยอะเลย ในขณะที่เขาหันศีรษะและมองลงมาที่นางเล็กน้อยที่แฝงไว้ด้วยร่องรอยของแรงกดดันที่มองไม่เห็น “อย่าเอาแต่ใจอีกเลย”
“ข้ารู้แล้ว” กู้อ้าวเวยลูบจมูกไปมาอย่างถ่อมตัว เมื่อวานนางหนีไปเร็วเกินไปจริงๆ แต่ตอนกลางคืนไม่ได้มีคนที่รู้จักมาอยู่เพื่อนเพื่อนข้างกาย ก็เลยจิตใจหงุดหงิด สงบลงมาไม่ได้
“หลายวันก่อน ข้าพบว่าคนที่ชื่อว่าฟ่านเฟิงพักอยู่ที่โรงเตี้ยมปาฟาง” กุ่ยเม่ยปล่อยนางออกเล็กน้อย
“น่าจะเป็นล่ายเสวียนส่งมาแจ้งให้ข้าทราบ ข้ากลัวว่าจะจัดการสถานการณ์ของแคว้นชางหลานด้านนี้ไม่ได้” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วขึ้นมา สำหรับล่ายเสวียนแล้วฟ่านเฟิงพูดได้ว่ามีความสำคัญ ในเมื่อมาถึงที่นี่ แต่หลายวันนี้นางก็อาจจะออกเดินทาง แต่ชายแดนด้านนี้……
“ก่อนหน้านี้ที่เขียนจดหมายให้ท่านอ๋อง ข้าก็เอาความสงสัยและความกังวลของเจ้าเขียนใส่เข้าไปด้วย ท่านอ๋องควรจะต้องระแวดระวังที่นี่ ส่งคนมาแก้ไขปัญหา” กุ่ยเม่ยก็เลยปัดมือไปมา
ครั้งนี้กู้อ้าวเวยกลับไม่ได้พูดอะไร ได้แค่พยักหน้าไม่มีคำพูดใดอีก
กลับถึงในลานบ้านของจางเหยียงซาน ทั้งหมดล้วนเหมือนกับเมื่อก่อนไม่ปาน นางและจางเหยียงซานก็ลองวิธีการที่น่าจะได้ผลอีก ดูๆ ไปแล้วผลข้างเคียงไม่เยอะ ที่สำคัญคือมีผลดีต่อการถอนพิษ
“พวกนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลหยุนสอนให้เจ้าหรือ ของบางอย่างข้าแทบไม่เคยได้ยินและไม่เคยเห็นมาก่อน” จางเหยียงซานถามด้วยความลังเล
“ยังมีการพูดคุยเชิงประจักษ์ที่รวบรวมโดยอาวุโสไว้บางส่วนออกมา ข้าก็แค่ยืมมาใช้บางส่วนก็พอแล้ว” กู้อ้าวเวยทำความสะอาดโต๊ะที่รกอย่างเร่งรีบ คนก็ดูเหมือนว่าจะกลมขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
จางเหยียงซานเคยถามนางหลายครั้งแล้วว่าอ่านตำราอะไร นางก็บอกว่าเป็นตำราที่ไม่ได้ปรากฏขึ้น ณ ที่นี้อย่างเปิดเผย แต่กลับเห็นจางเหยียงซานขมวดคิ้วหนักขึ้นอีก หลังจากนั้นนางก็เลยทำเป็นข้ามผ่านเรื่องนั้นไป
ทำไมไม่มีใครพบเห็นความแตกต่างของนางอีกต่อไปล่ะ
“พรสวรรค์กับคนธรรมดามีความแตกต่างกันจริงๆ” จางเหยียงซานก็ช่วยเก็บกวาดโต๊ะเช่นกัน มองนางอย่างเหยียดหยามอยู่ครู่หนึ่ง “พรสวรรค์ของเจ้าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องมีคนโกรธเจ้าตายสักกี่คน”
ข้าเพียงแค่ค่อนข้างตั้งใจในการเรียนตอนนั้นเท่านั้น
หากเป็นเช่นนี้ กู้อ้าวเวยก็ไม่กล้าจะพูดต่อหน้าจางเหยียงซาน กลัวว่าเขาจะโกรธจริงๆ
เอาวิธีการแต่ละอย่างจัดการให้เป็นระเบียบ โย่วหลีที่อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าเดินเข้ามา “มีคนที่ชื่อว่าฟ่านเฟิงต้องการมาพบเจ้า”
“ให้เขาเข้ามาเถอะ” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ให้จางเหยียงซานออกไปก่อน
ตอนที่ฟ่านเฟิงเดินเข้ามาทั้งตัวแต่งกายเหมือนคนเดินทาง ข้างเอวเหน็บดาบยาวไว้ ดูไปแล้วเหมือนคนต่างแคว้น รูปแบบของคิ้วก็ดูจะโหดเหี้ยมไปหน่อย แต่กู้อ้าวเวยค่อยๆ สังเกตออกมาได้ ยังสามารถดูออกถึงหน้าตาดั้งเดิมด้วย “เจ้าแต่งตัวเช่นนี้มาที่นี่ อีกทั้งหลังจากหลายวันแล้วจึงมาหาข้า กำลังรออะไรหรือ”
แม่ทัพล่ายเสวียนไร้ประสิทธิภาพในการสั่งการ ดุเหมือนว่ามีคนปล่อยข่าวว่าท่านยังอยู่ที่ชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด ข้าจึงสืบหาไปทุกหนแห่ง ได้แค่จัดการสายลับที่วุนวายเหล่านั้นทิ้งซะสะอาดหมดจดแล้ว จึงกล้าที่จะมาพบท่าน” ฟ่านเฟิงโค้งมือของเขาเล็กน้อยและพูดต่อว่า “องครักษ์ของแคว้นชางหลานหลายวันก่อนก็ถูกองค์ชายเก้าออกคำสั่งให้ถอนกำลังออกไป ทางอ้ายหยินด้านนั้นไปเคลื่อนกำลังพลทหารแล้ว หากท่านอยากจะไปช่วยจริงๆ ก็มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่สามารถไปก่อนได้”
สงครามกำลังใกล้เข้ามาแล้ว……
กู้อ้าวเวยมีการเตรียมการต่อเรื่องนี้นานแล้ว บัดนี้ได้ยินฟ่านเฟิงพูดเช่นนี้ ก็ได้แค่หัวเราะขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้พวกเราก็ออกจากเมืองระหว่างค่ำคืน ตอนที่ใกล้จะไป ข้ายังต้องหาคนให้ออกหนังสือออกจากด่าน เจ้าค่อยๆ ไปสืบดู แล้วค่อยพิราบสื่อสารไปบอกล่ายเสวียน ข้ายังต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของท่านซูและอ้ายจือ”
“รับทราบ” ฟ่านเฟิงรีบเร่งดำเนินการ
กู้อ้าวเวยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรียบง่ายหนึ่งชุดอยู่ในห้อง พากุ่ยเม่ยมาที่ที่องค์ชายสามพักอยู่
เฟิงเยว่เปิดประตูให้พวกเขาและโค้งคำนับ อีกทั้งยังต้อนรับพวกเขามาที่ห้องโถง เอาขนมและน้ำชามาให้ ปฏิบัติต่อกู้อ้าวเวยด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งยังให้ความเคารพด้วย “ฝ่าบาทรอสักครู่ องค์ชายสามกำลังหารือกับญาติสนิทอยู่ เกรงว่าอาจจะต้องกินเวลาถึงหนึ่งก้านธูปได้”
“อืม” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย กู้อ้าวเวยมองดูน้ำผึ้งที่อยู่ในแก้ว อีกทั้งยังมองไปที่ชาเข้มๆ ที่อยู่ในถ้วยชาของกุ่ยเม่ย พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนที่อยู่ข้างกายองค์ชายสามช่างเป็นคนละเอียดอ่อนนัก”
มุมปากของกุ่ยเม่ยกระตุกขึ้น ก็มีแค่คนที่อยู่ในเกมที่จะหลงใหล ซ่านเซิ่งหานเป็นคนละเอียดอ่อนราวกับเส้นผมเช่นนี้ นางยังคิดว่าสามรับใช้เป็นคนละเอียดอ่อน แล้วก็ไม่คิดว่าที่ชายแดนเช่นนี้จะไปหาน้ำผึ้งได้จากไหนกัน จึงได้แค่เหลือบตาขึ้นมองด้วยตาขาว แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
เฟิงเยว่ก็ได้แค่หัวเราะเบาๆ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ชม”
พูดอยู่ นางก็จากไปด้วยการคำนับอย่างนอบน้อม อ้อมไปถึงมุมโค้งหนึ่ง ซ่านเซิ่งหานก็รอมานานแล้ว จากตรงนี้สามารถมองดูการเคลื่อนไหวทุกอย่างของกู้อ้าวเวยได้ รวมทั้งเรื่องที่กู้อ้าวเวยกำลังพูดด้วยรอยยิ้มอยู่กับกุ่ยเม่ย
“เฟิงเยว่เห็นฝ่าบาทผู้นั้นแม้ว่าจะดูสนิทกับกุ่ยเม่ย แต่ดุไปแล้วจะเหมือนกับพี่น้องกันเสียมากกว่า” เฟิงเยว่เก็บความเคารพในสายตา แล้วก้าวถอยไปที่ด้านหลังของซ่านเซิ่งหาน
“อืม” ความเศร้าหมองบนใบหน้าของเขาหายไปเล็กน้อย ซ่านเซิ่งหานยืนอยู่นาน มองกู้อ้าวเวยที่กำลังกินขนมอยู่โดยตลอด จึงพูดถามเฟิงเยว่ด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ครั้งที่แล้วในซุปยาของนางมีรสชาติของเช่ออี้จื่อ หากหาเจอแล้วก็เอาส่งมอบให้นางไป หาไม่เจอก็ใช้เงินไปเป็นรางวัลล่อมา”
“หาเจอแล้ว เฟิงเยว่จะไปจัดเตรียมมาเดี๋ยวนี้แหละ” เฟิงเยว่หลบหายเข้าไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย
และกุ่ยเม่ยที่อยู่ในห้องโถงก็ขมวดคิ้วขึ้น หันไปมองตามสัญชาตญาณของตัวเอง กลับเห็นแค่ซ่านเซิ่งหานที่กำลังเดินออกมาจากมุมหนึ่งอย่างตามสบาย ค่อนข้างแปลกใจในทันที
เมื่อครู่ ดูเหมือนว่ามีคนออกไปจากตรงนั้น
วันนี้ซ่านเซิ่งหานสวมชุดสีขาวขอบทอง มีหยกแดงเหน็บอยู่ตรงเอว ในหยกชิ้นนั้นมีป้ายหยกหนึ่งอันอยู่ ในเวลานี้เขานั่งลงอย่างเปิดเผย มองไปที่เสื้อผ้าที่ธรรมดาสามัญของกู้อ้าวเวย “ครั้งนี้มาก็เพื่ออยากจะออกจากเมืองหรือ”
“ใช่ จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าไม่ก็ซ่านต้วนเฟิง เรื่องของซ่านต้วนเฟิงข้าสามารถใช้แคว้นเอ่อตานที่อยู่บนบ่าของข้าเป็นที่พึ่ง การแย่งชิงลำดับต่อมาก็จำเป็นต้องลำบากเจ้าจัดการเอง” กู้อ้าวเวยพยักหน้า แค่รู้สึกว่าน้ำผึ้งนี้กินคู่กับขนมพวกนี้รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ก็เลยกินไปเยอะหน่อย
ซ่านเซิ่งหานมองดูนางแล้วก็มีความสุข ใบหน้าแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม “ตอนกลางคืนเฟิงเยว่จะส่งพวกเจ้าออกจากเมืองไป รอบนี้ออกไปอันตรายมาก เอาเฟิงเยว่ไว้ข้างกายเจ้าก็สามารถปกป้องคุ้มครองได้”
“มีข้าก็เพียงพอแล้ว” กุ่ยเม่ยพูดตัดบท ถ้วยน้ำชากระทบหนึ่งเสียงเพ้งแตกลงบนโต๊ะ “แม้ว่าเฟิงเยว่จะเป็นคนสนิทของฝ่าบาท แต่กลับไม่รู้ว่าโดยปกติแล้วเวยเอ๋อเคยชินกับสิ่งไหน”
“ยังไงชายหญิงก็แตกต่างกัน อีกทั้งเพิ่มขึ้นหนึ่งคนก็เท่ากับว่ามีคนคอยช่วยเหลืออีกหนึ่งคน หากพวกเจ้ายังไม่วางใจ ข้าสามารถตัดความสัมพันธ์กับเฟิงเยว่ได้ ให้นางไปให้พวกเจ้าใช้สอย” สายตาของซ่านเซิ่งหานแม้แต่นิดก็ไม่ยอมวางตาจากกู้อ้าวเวยเลย
ถูกจ้องอยู่เช่นนี้ ทำให้กู้อ้าวเวยก็รู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อย ได้แค่ยิ้ม “ที่จริงก็ไม่ต้อง เมื่อก่อนข้าไปไหนมาไหนทั่วไปหมดก็มีเพียงกุ่ยเม่ยที่ติดตามข้า หากเพิ่มมาอีกคน เกรงว่าจะเป็นภาระยุ่งยาก”
“ในเมื่อเจ้าต่างก็พูดเช่นนี้ งั้นก็ช่างเถอะ ตอนที่สามเกิง(น.24:00) ข้าจะให้เฟิงเยว่พกป้ายหยกของข้าไปหาพวกเจ้า” ซ่านเซิ่งหานทอดถอนใจด้วยความผิดหวัง ก้มหน้าลงชั่วครู่ ปรายตากลับแฝงไว้ด้วยความอาฆาต
กุ่ยเม่ยผู้นี้ช่างขวางหูขวางตานัก