บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 629
บทที่ 629 รับประกันความปลอดภัยของนาง
สามเกิงกำลังเป็นช่วงเวลาที่ทหารออกลาดตระเวน
กู้อ้าวเวยพากุ่ยเม่ยและฟ่านเฟิงหาที่ยืนอยู่แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครสังเกตได้โดยง่าย โย่วหลีก็ช่วยพวกเขาล่อพวกทหารที่ลาดตระเวนไป เพียงแค่รอการมาของเฟิงเยว่เท่านั้น
ผ่านไปได้เพียงชั่วครู่ จึงเห็นเฟิงเยว่ในชุดนอนรีบร้อนเดินมา พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ดูเหมือนว่าองค์ชายเก้าจะให้คนมาสืบ ฝ่าบาทรีบจากไปซะดีที่สุด ข้าจะพาท่านไปหาองครักษ์ที่รักษาประตูเมือง เรื่องนี้ล่าช้าไม่ได้
“อืม” กู้อ้าวเวยตามติดขึ้นไป แต่ก็ไม่กล้าที่จะก้าวเร็วนัก
องครักษ์รักษาประตูเมืองเปิดประตูออกเล็กน้อย หลังจากปล่อยคนออกไปแล้วก็รีบปิดทันที
ตอนที่ใกล้จะไป เฟิงเยว่เอาสัมภาระห่อหนึ่งยัดเข้าไปในอกของกู้อ้าวเวย อีกทั้งยังมีรถม้าหนึ่งคันจอดรออยู่ที่นอกประตูด้วย อาหารแห้งและน้ำดื่ม เบาะรองนั่งและเสื้อผ้าจัดเตรียมให้อย่างครบถ้วน
ฟ่านเฟิงควบรถม้า กุ่ยเม่ยและกู้อ้าวเวยสองคนก็อยู่ในรถม้า
เปิดสัมภาระที่เฟิงเยว่พกมาให้ออกดู ในนั้นมีกล่องที่มีกลไกวางอยู่ ยังมีกระดาษรูปวาดแผ่นหนึ่งว่าจะเปิดปิดกล่องได้อย่างไร กู้อ้าวเวยได้แค่จดจำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้ให้ดีๆ ใช้น้ำทำกระดาษรูปวาดแผ่นนั้นให้เปียกชื้นแล้วทิ้งไปนอกป่า แล้วก็ค่อยเปิดกล่องไม้ออก
โคมไฟสั่นไหวไปมาอยู่ในรถม้า กู้อ้าวเวยก็มองของในกล่องไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก มีบางอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อด้วยสายตาตัวเอง
เช่ออี้จื่อ หนึ่งลูกวางอยู่ตรงกลางในนั้น
กู้อ้าวเวยรู้สึกดีใจแต่ก็แปลกใจอยู่มาก อีกทัง้ยังอึ้งไปชั่วครู่ “เช่ออี้จื่อ ที่แท้แล้วหาได้ง่ายขนาดนี้เลยหรือ”
“ดูไปแล้วเขาตามหามานานมากแล้ว” กุ่ยเม่ยรู้สึกแปลกใจ
หากซ่านเซิ่งหานหากมีใจให้กับกู้อ้าวเวยจริงๆ ไม่ใช่ว่าต้องมามอบให้ด้วยตัวเองหรือ
แต่เช่ออี้จื่อ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะพบเห็นได้โดยทั่วไป เขาหามามอบให้เช่นนี้ หรือว่าก็มีความหวังต่อลูกของอ๋องจิ้งที่กู้อ้าวเวยจะคลอดออกมา ช่างเข้าใจได้ยากจริงๆ
“ใจคนหยั่งยาก ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่มีสองชิ้นนี้ ข้าก็ยังจะมีความหวังได้ทดลองยา” ดวงตาของกู้อ้าวเวยสว่างสุกใส ปิดกลไกของกล่องลงใหม่อีกครั้ง กำลังเตรียมที่จะพูดอะไรบางอย่าง กลับได้ยินฟ่านเฟิงที่อยู่นอกม่านรถพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า “หลายวันก่อน แม่ทัพล่ายเสวียนสืบข่าวของเช่ออี้จื่อ มาได้ในตลาดมืด เม็ดนี้ก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่”
ตลาดมืด……
เลิกคิ้วไปมา กู้อ้าวเวยกอดกล่องที่มีกลไกไว้ครุ่นคิดอยู่นานมาก แปลกใจ “เมื่อครู่เฟิงเยว่บอกว่าซ่านต้วนเฟิงพบเบาะแส”
“เจ้าคิดว่าในนี้มีปัญหา” กุ่ยเม่ยหันหน้าไป เอากล่องที่มีกลไกหยิบข้ามา ยัดใส่เข้าไปในห่อสัมภาระอย่างตามใจ อยู่กับเช่ออี้จื่อ อีกเม็ดหนึ่งที่ใช้ไปแค่บางส่วนวางไว้ด้วยกัน
ปลายนิ้วเท้าคางเอาไว้ กู้อ้าวเวยเอนหัวไปมา “เสียงเปิดประตูก็ดังไม่น้อย หากซ่านต้วนเฟิงจับตามองดูข้าอยู่ พวกเราควรจะย้อนกลับไป อย่างน้อยที่สุดการแอบหนีออกมาน่าจะเร็วกว่าการออกมาทางเปิดประตูเมืองอย่างโจ่งแจ้ง
ไม่เพียงเท่านี้ สร้างสถานการณ์เร่งด่วนขึ้น แล้วค่อยยัดเช่ออี้จื่อ นี้มา ดูๆ ไปแล้วที่จริงก็สามารถทำให้นางมีความสุขได้ และยังทำให้นางสามารถจดจำบุญคุณได้อีกด้วย
แต่หาก…… ซ่านเซิ่งหานก็คาดเดานิสัยของนางถูก รู้ว่านางจะต้องจดจำบุญคุณน้ำใจที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนได้งั้นหรือ
“แม้ว่าจะรักเขาข้างเดียว แต่ข้าคิดว่า เขายังชอบข้าอยู่ใช่หรือไม่ อยากจะทำดีกับข้าน่ะ” กู้อ้าวเวยเกาหน้าของนางด้วยความรู้สึกผิด อีกทั้งยังมองไปทางกุ่ยเม่ย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสื้อผ้าที่เจ้าใส่ตอนนั้นต้องใช้เงินเท่าไหร่ อีกทั้งที่ชายแดนจะไปหาน้ำผึ้งแล้วก็ขนมที่ประณีตขนาดนั้นได้จากที่ไหนกัน” กุ่ยเม่ยส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร “แต่เมื่อเทียบกับท่านอ๋อง ข้ารู้สึกว่าองค์ชายสาม หากปฏิบัติได้ไม่เลวต่อเจ้า เจ้าก็สามารถพิจารณาได้”
อ้าปากค้างกว้าง กู้อ้าวเวยดึงชายเสื้อของกุ่ยเม่ยไว้แน่นอย่างกับไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าดูออกตั้งแต่แรกแล้วทำไมไม่บอกข้า”
“เพราะว่าข้ารู้สึกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีต่อเจ้า นอกจากเรื่องที่อยากจะยัดเยียดคนเข้ามา เขาก็ไม่ได้ล้ำเส้น” กุ่ยเม่ยจับข้อมือของนางไว้ ยังดีที่ดึงคนที่กำลังจะโมโหออกไปเล็กน้อย “ตามความคิดของข้า เขาไม่ได้แย่ไปกว่าท่านอ๋องมากนัก อีกทั้งเจ้าก็เชื่อเขาด้วย
ไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
“คนที่ยุ่งเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้หญิงถึงจะยุ่งยาก เจ้าปฏิบัติต่อองค์ชายหกอย่างไร อีกทั้งยังสงสัยในตัวของอ๋องจิ้งยังไง บัดนี้องค์ชายสามดีต่อเจ้า เจ้าก็ไม่ยินดีอีก” กุ่ยเม่ยลูบที่ด้านหลังศีรษะของนาง “อีกทั้งพวกเขาล้วนยินดีที่จะเผยความลับให้เจ้า ดังนั้น้จ้าสามารถเลือกได้แน่นอน”
“ข้าตั้งครรภ์แล้ว เป็นลูกของซ่านจินจื๋อ ตอนนี้เจ้ายังจะให้ข้าไปเลือกหนึ่งคนในนั้นอีก” หมัดที่อ่อนแรงของกู้อ้าวเวยกระแทกเข้ากับแก้มของกุ่ยเม่ย ข้าเคยลองที่จะไปชอบซ่านจวนฮ่าวแล้ว แต่ตอนนี้ข้าคิดว่า ตอนนั้นข้าแค่คิดแต่เพียงว่าเขาสามารถพาข้าหนีออกไปจากตำหนักอ๋องจิ้งได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ข้าเต็มใจที่จะคลอดลูกซ่านจินจื๋อออกมาให้เขา นอกเสียจากว่าเขาจะหักหลังทรยศข้าอีกครั้ง มิเช่นนั้นอย่าคิดจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากข้าอีก แม้ว่าข้าจะทำตัวสบายๆ แต่ความรู้สึกของข้าแม้แต่นิดก็ไม่ตามสบาย”
มือข้างหนึ่งจับไปที่กำปั้นของกู้อ้าวเวยแน่น กุ่ยเม่ยก็โมโหบ้างเล็กน้อย “งั้นเจ้าก็ควรขีดเส้นแบ่งระหว่างผู้ชายคนอื่น อย่าอาศัยที่ทุกคนชอบเจ้าแล้วก็หน้าไม่อายสิ”
“ข้าช่วยเขาวางแผนอะไรไม่น้อยเลย บัดนี้แค่ขอดื่มด่ำกับสิ่งที่ควรจะได้มีตรงไหนที่ผิดหรือ หากจะผิดก็ผิดที่เขาชอบข้า ยังมีความผิดของเจ้า ทำไมไม่บอกข้าแต่แรก เจ้าสารเลว ข้าจะไม่ให้ท่านแม่นับเจ้าเป็นลูกบุญธรรมเด็ดขาด แล้วก็อย่าคิดจะเป็นพ่อบุญธรรมของลูกข้า” กู้อ้าวเวยโผเข้าไปด้วยความโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ อีกทั้งยังจับผมของกุ่ยเม่ยอย่างแน่นหนาไว้ด้วย
“อย่าจับผมข้า” เสียงกรีดร้องของกุ่ยเม่ยจะดังเป็นพิเศษนอกชายแดน
เขาชื่นชมท่านอ๋องอย่างจริงใจ ผู้หญิงเช่นนี้จะเอาไปนอนด้วยข้างๆ หมอนได้อย่างไรกัน
……
“พูดอีกครั้งหนึ่ง”
จดหมายในมือของซ่านจินจื๋อถูกฉีกขาดออกเป็นสองท่อน สีหน้าหนักใจ
ทั้งเนื้อทั้งตัวของเอ้อโก่วเปอะขี้ฝุ่นไปหมด ตอนนี้มีเพียงอาการที่สั่นเทาเหมือนแกลบที่โดนร่อนอยู่ใต้สายตาที่เย็นชาของซ่านจินจื๋อ แววตาเอาแน่เอานอนไม่ได้ พยายามที่จะบีบเอาคำพูดสองสามคำออกมาอย่างหนัก “คุณหนูตั้งครรภ์ ให้หมอผู้หนึ่งที่แซ่จางดูแลตนเองอยู่ ใต้เท้ากุ่ยเม่ยให้ข้ามาแจ้งให้ท่านทราบ คุณหนูก็จะไปที่ในเมืองล่ายเสวียนเร็วๆ นี้……”
“เพ้ง……”
โต๊ะตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้าถูกแยกออกจากกันอย่างรุนแรง ซ่านจินจื๋อที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดว่าราชการออกจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน “ความกล้าของนางช่างไม่น้อยเลยทีเดียว เดิมทีกุ่ยเม่ยก็ไม่สามารถเอานางอยู่ได้แม้แต่นิดเลย”
แม้แต่ภูเขาไท่ซานจะถล่มลงต่อหน้าก็ยังเทียบไม่ได้กับเฉิงซานที่เต็มไปด้วยเหงื่อไปหมดทั้งหน้าผากในเวลานี้ เสียโขกหัวของเอ้อโก่วดังไปทั้งห้อง สาวใช้ที่อยู่นอกประตูต่างพากันคุกเข่าลงเป็นทิวแถว หัวก็ไม่กล้าเงยขึ้น
ท่านอ๋องไม่ได้มีอารมณ์รุนแรงฉุนเฉียวเช่นนี้มานานแล้ว
“ป่าวประกาศสิ่งที่ฮองเฮาและซ่านต้วนเฟิงทำทุกสิ่งทุกอย่างออกไปให้ประชาชนทราบกันถ้วนหน้า มอบกองทัพให้ทุ้งโจวและองค์ชายหกเป็นผู้บัญชาการ ปิดล้อมเมืองเทียนเหยียน ปราบปรามฝ่ายที่ต่อต้าน เอาข้อหาที่ฮองเฮาวางยาพาฮ่องเต้จับนางขังคุก” ซ่านจินจื๋อโยนตำราพิชัยสงครามใส่มือของเฉิงซาน “แล้วก็เตรียมม้าให้ข้า ข้าจะไปชายแดนสักรอบหนึ่ง จับตัวโจรก่อกบฏอย่างซ่านต้วนเฟิงผู้นี้กลับมา”
“แต่ทางด้านราชสำนัก……”
“ฝากทุกอย่างให้เมิ่งซู่และกลุ่มขุนนางเก่าจัดการดูแล หากแม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังรักษาดูแลไว้ไม่ได้ รอจนข้ากลับมา ก็เรียกพวกเขามารับโทษทีละคน” ซ่านจินจื๋อพุดอย่างง่ายดายราวกับบรรยายเรื่อง ความโกรธที่อยู่ใต้ดวงตายังไม่หายไปไหนแม้แต่นิดเลย “ยังมีอีก อพยพผู้คนนับพันจากเมืองเยว่ซานไปเมืองล่ายเสวียน คำสั่งทางทหารมีเพียงอย่างเดียว”
“รับประกันความปลอดภัยของนาง