บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 649
บทที่ 649 เตรียมตัวไว้นานแล้ว
“สองพันคนหรือ!”
องครักษ์อุทานออกมา
คนเพียงสองพันคนไปต่อสู้กับกองทหารแปดพันคน แบบนี้ไม่ใช่ส่งคนไปตายหรือ!
“แค่สองพันคน ส่วนที่เหลืออีกสองพันคนให้ส่งมอบไปยังผู้บัญชาการแต่ละคน เรื่องหลังจากนั้นไม่ต้องถามข้า เรื่องทั้งหมดให้ใต้เท้าท่านอื่นเป็นผู้ตัดสินใจ” กู้อ้าวเวยพูดอย่างสบาย
แม้ว่าองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกประตูจะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องแปลก แต่ก็ทำได้เพียงแจ้งคำพูดนี้ออกไปให้กับเหล่าแม่ทัพคนอื่นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สนามนั้นเงียบสนิทลง กู้อ้าวเวยก็ได้นั่งลงอย่างไม่สบายใจ วางมือข้างหนึ่งไว้ที่ท้องน้อย มืออีกข้างหนึ่งบิดเอากล่องยาสองกล่องออกมาจากหีบยา กล่องหนึ่งมอบให้ซ่านจินจื๋อ อีกกล่องได้ถูกนางเปิดออกแล้ว หลังจากเติมผงสีแปลกๆเหล่านี้ลงในแก้วน้ำอุ่น แล้วคนให้เข้ากัน ดื่มทีเดียวจนหมด
เพราะความขมนี้ทำให้นางถึงกับขมวดคิ้ว กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วแล้วผลักถ้วยเปล่าออกไป “นี่เป็นยาป้องกันครรภ์ เมื่อถึงเวลาอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับข้า เจ้าค่อยเอายาในกล่องที่อยู่กับเจ้ามาละลายน้ำแล้วป้อนให้ข้า”
“เจ้าต้องการจะทำเรื่องอันตรายอะไรงั้นเหรอ” ซ่านจินจื๋อจับกล่องไม้แน่น
“ข้ากลัวว่าขณะวิ่งกลุ่มพลังงานในครรภ์อาจจะไม่เสถียร เป็นเรื่องในกรณีนี้” กู้อ้าวเวยเอื้อมมือออกไปจับมือของซ่านจินจื๋อเพื่อปลอบใจ “อย่างไรก็ตามเจ้าก็อยู่ข้างกาย หากว่าเจ้ายังไม่กลับมา ยานี้ข้าจะมอบมันไว้ในมือของกุ่ยเม่ย”
ซ่านจินจื๋อหายใจลึกๆอยู่สักพัก แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครทำให้โกรธครั้งแล้วครั้งเล่าได้
“เจ้ามักจะชอบทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ยังไม่สามารถจะเรียนรู้การดูแลตัวเองให้ดีได้ รอให้ถึงเวลาที่ต้องไป ข้าก็จะพาเจ้ากลับไปชายแดน” ซ่านจินจื๋อพลิกมือคว้าข้อมือของนาง หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง “อย่ามาบังคับข้าเลย”
กู้อ้าวเวยยังคงหดตัวลง ซ่านจินจื๋อต้องหาวิธีระงับความโกรธบนใบหน้าของเขา พูดด้วยจังหวะที่ช้าลง “ข้ายังควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก ดังนั้นอย่าพยายามทำให้ข้าโกรธ เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง!”
ดังนั้นนี่เป็นเหตุผลที่นางไม่ต้องการให้ซ่านจินจื๋อมาอยู่ข้างกาย
“ข้า…. พยายามอย่างเต็มที่แล้ว” กู้อ้าวเวยใช้แรงดึงมือตัวเองออกมา ลูบข้อเท้าที่ปวดของตนเอง
“เจ้า!” ซ่านจินจื๋อกระแทกโต๊ะเสียงดัง เส้นเลือดดำที่หน้าผากก็ปรากฏขึ้นทันที
ผู้หญิงคนนี้ตายก็ไม่สำนึกผิด!
“ที่ข้าพูดนี้คือความจริง และอย่าคิดว่าข้าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าได้จริง ๆ ข้าสามารถจะทำทุกอย่างออกมาให้ได้! ยุทธการครั้งนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสู้ต่อไป เรื่องขอร้องเล็กน้อยเท่านี้เจ้ายังทำไม่ได้ แล้วยังจะมาอยู่ตรงนี้ให้ข้าโกรธอีก!” กู้อ้าวเวยก็ตบโต๊ะด้วยความโกรธเช่นกัน “ข้าไม่ใช่คนที่จะถูกใครจูงจมูกได้!”
“แต่เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยชาวแคว้นเจียงเยี่ยนทำสงคราม นอกจากจะหลบข้าแล้วยังจะมีเป้าหมายอะไรอีก!” ซ่านจินจื๋อทุบโต๊ะขึ้นทันที จ้องมองด้วยความโกรธ เสียงเหมือนแทบจะบีบคอพูดออกมา “อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งให้มันมากนัก อยู่เฉยๆไม่ได้หรือไง!”
“ไม่ได้” กู้อ้าวเวยมองไปอย่างหงุดหงิดเช่นกัน “ข้ามีความสามารถที่จะช่วยเหลือคนพวกนี้ แต่เจ้ากลับจะให้ข้าอยู่เฉยไม่ทำอะไรงั้นหรือ ข้าทำไม่ได้หรอก”
“เจ้าคุ้นเคยกับกันยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นแนบหน้าผาก ภายในใจเตือนตนเองไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าในยามวิกฤติแบบนี้จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางไม่ได้
“ทำไมข้าจะไปยุ่งไม่ได้! ข้าต้องการจะเป็นกบฏพร้อมกับล่ายเสวียน ส่งกู้เฉิงไปอยู่ในมือแม่ด้วยตนเอง ข้าต้องการล้มล้างอ้ายหยินและระบบเก่าคร่ำครึของแคว้นเจียงเยี่ยน ข้าอยากจะเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสารเกิดออกมาโดยไม่ต้องเป็นทาส!” กู้อ้าวเวยก็ลุกขึ้นยืนตามมาด้วย มือข้างหนึ่งค้ำไว้บนโต๊ะ อีกข้างชี้ไปยังจมูกของซ่านจินจื๋อแล้วพูดว่า “ข้าทำสิ่งเหล่านี้ มันก็เหมือนกับที่เจ้าออกไปยืดอกสู้เพื่อปกป้องดินแดนบ้านเกิดของตนเอง!”
“พวกเราก็ต่างเป็นคนประเภทเดียวกัน เช่นเดียวกับที่เจ้าก็ยังสามารถพาคนมาคุกคามเพื่อเอาชนะแคว้นเจียงเยี่ยนได้ พวกเราก็ล้วนแต่ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง เพื่อจะทำในเรื่องที่เราคิดว่ามันถูกต้อง แบบนี้มีอะไรผิดหรือ!” กู้อ้าวเวยตบมืออีกข้างลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกหอบคำโต
ซ่านจินจื๋ออ้าปาก เดิมทีคิดจะบอกว่านี่เป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะท่านอ๋อง
แต่อันที่จริง ไม่มีใครขอให้เข้าต่อสู้เพื่ออาณาเขต ป้องกันข้าศึกต่างชาติ ไม่มีใครขอให้เขาวางแผนอย่างละเอียดให้กับซ่านเชียนหยวน เพื่อให้พี่ชายของเขาได้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้”
ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไร ทั้งหมดก็เพียงเพราะ เขาคิดว่าจะทำมัน
มองไปยังกู้อ้าวเวยที่กำลังลูบหน้าอกและหายใจหอบด้วยความงุนงง ความโกรธในใจเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เดินไปข้างหน้าแล้วประคองนางให้นั่งลง “หากว่าเจ้าไม่ได้ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง เจ้าก็ควรจะใส่ใจตัวเองหน่อยเถอะ”
“งั้นตอนนี้เจ้าก็ยังจะทะเลาะกับข้าอีกหรือ?” กู้อ้าวเวยดึงคอเสื้อเขา ไม่รู้ว่าดวงตาทั้งดวงแดงขึ้นเมื่อไร “ในตอนนี้ ทำเรื่องที่อยู่ในมือให้เสร็จสิ้นแล้วข้าจะตามไปกับเจ้า!”
คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นฝ่ายยอมก่อน
ตอนนี้ความโกรธในใจของซ่านจินจื๋อได้หายไปในที่สุด เขากอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ข้าไม่ดีเอง”
“อย่างนั้นข้าอยากอยู่ช่วยด้วย…”
“ข้าจะให้มัดเจ้ากลับไป ปากก็จะให้เจ้าปิดไว้ เสื้อผ้านี้ก็ไว้รองรับยามเจ้าร้องไห้ ร่างกายนี้ก็ยอมให้ต่อยเตะได้” ซ่านจินจื๋อกระชับนางเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอย่างแรง มืออีกข้างหนึ่งลูบไปที่หลังของนางเบาๆ สบายเหลือเกิน
โอบกอดอยู่เป็นเวลานาน กู้อ้าวเวยจึงค่อยๆผลักเขาออกไป “ข้าก็ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกับเจ้า”
“คำหวานก็ไม่เอ่ยกับข้า ทะเลาะก็จะไม่ทะเลาะกับข้าอีกงั้นหรือ” ซ่านจินจื๋อแตะศีรษะนางเบาๆ
“ทะเลาะกับเจ้าแล้วข้าก็ต้องโมโหมาก ข้าจะต้องดูแลทารกในครรภ์” กู้อ้าวเวยจิ้มหัวเขาผลักออกไป ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ “เจ้าหุบปากไว้ก่อน แล้วฟังข้า เมื่อหลังจากต้องจากไปขอเพียงเจ้าไม่ทำลายลูกของข้า ข้าก็จะไปทุกที่ที่เจ้าต้องการ”
ซ่านจินจื๋อโกรธจนหัวเราะ
“เจ้าปล่อยให้คนสองพันคนไปเผชิญกับข้าศึก ซึ่งมีจำนวนมากกว่าเพื่ออะไรกัน” ต้องเปลี่ยนเรื่องการสนทนา ในหูของซ่านจินจื๋อยังคงได้ยินเสียงโวยวายจากในตลาด คิดว่าจะต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในเมือง
ควันและฝุ่นเต็มท้องฟ้า แม้จะไม่มีทหารแปดพันนาย เพียงภูเขาเพลิงนี้ก็สามารถจะทำลายเมืองได้
“ไม่กี่วันนี้ ช่างฝีมือของเมืองไปรวมตัวกันที่ทางตะวันตกของเมือง” กู้อ้าวเวยหยุดพักและนับสิ่งของในกระเป๋า แล้วพูดต่อไป “ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะออกไปหรืออยู่ต่อที่เมืองนี้ ข้าก็ถกเถียงกับล่ายเสวียน ตอนนี้ก็ได้แต่วิธีการถอยหลังไปก้าวหนึ่ง”
พูดออกมาจบ สีหน้าของซ่านจินจื๋อแสดงให้เห็นถึงความตกตะลึง ดูเหมือนจะรู้สึกว่าการกระทำของกู้อ้าวเวยจะแปลกออกไป “เจ้าหมายถึง….”
“กำแพงเมืองนี้มีสภาพทรุดโทรมมานาน และเนื่องจากสภาวะสงครามจากทั้งสองด้านจึงไม่สามารถจะซ่อมแซมได้เพียงพอ ช่างฝีมือจึงทำได้เร็วที่สุดแค่เพียงนำช่องที่กลวงไว้ด้านนอก หากจะเอาลงมาก็คงได้แต่จุดไฟสุม หากไม่มีการโจมตี กำแพงนี้ก็คงจะพังลงในเวลาไม่กี่เดือน” กู้อ้าวเวยมองไปยังซ่านจินจื๋ออย่างสงบ “เพราะมีช่องแตกกลวงในกำแพงนี้แล้ว สิ่งของในเมืองจึงถูกส่งออกไปอย่างต่อเนื่องเมื่อไม่กี่วันมานี้”