บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 691
บทที่ 691 ล้วนผิดมาตลอด
ตอนที่เอาคนส่งขึ้นไปบนเตียง กู้อ้าวเวยหลับอย่างไม่รู้สึกตัวไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นพิษเป็นภัยเลยแม้แต่น้อย
ซ่านจินจื๋อปรับท่าทางของนางอย่างระมัดระวังตามคำสั่งของหยุนหว่าน จนกระทั่งคิ้วทั้งสองข้างของกู้อ้าวเวยยืดออกจากกันจนหมด ซ่านจินจื๋อก็ดึงมือกลับด้วยเหงื่อที่เต็มไปทั้งตัว ค่อยๆ คลุมตัวนางด้วยผ้านวมบางๆ ออกมาจากในห้อง
หยุนหว่านที่อยู่นอกประตูได้เพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ พาซ่านจินจื๋อเข้าไปในห้องหนังสือ กุ่ยเม่ยที่กำลังพักฟื้นบาดแผลกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาก็รีบพูดขึ้นว่า “นางยังสบายดีอยู่ไหม”
“ดูเหมือนว่านางจะเคยทำอะไรที่อันตรายมาก่อน และตอนนี้ร่างกายก็อ่อนแอ” หยุนหว่านนั่งลงข้างๆ ถอดผ้าคลุมหน้าสีดำออกจากศีรษะ และตบไปที่โต๊ะเสียงดังหนึ่งที จ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋อและกุ่ยเม่ยด้วยความโกรธ “นางบอกว่านางทำข้อตกลงอะไรไว้กับซ่านเซิ่งหาน”
“อะไรนะ” กุ่ยเม่ยเลิกคิ้ว
“ข้าก็ไม่รู้ว่าข้อตกลงบ้าบออะไร แต่บัดนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางไม่มีทางเลือกที่สอง ได้เพียงแค่คลอดเด็กคนนี้ออกมา แต่จางเหยียงซานบอกว่าทั้งหมดทั้งมวลก็รับประกันไม่ได้ว่านางจะสามารถมีชีวิตรอดมาได้” หยุนหว่านหน้าดำคร่ำเครียดมองไปที่ร่างของซ่านจินจื๋อ “ถึงเวลา เจ้าจะเลือก…..”
“แน่นอนว่าต้องเป็นเวยเอ๋อ เด็กคนนี้ไม่ได้สำคัญกับข้าขนาดนั้น” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างทันที ยืนตัวตรงอยู่ข้างประตู กระแทกกำปั้นหนักๆ ไปบนวงกบประตู ทิ้งไว้เพียงรอยลึกหนึ่งรอย และคำรามเสียงต่ำออกมาจากลำคอว่า “ซ่านเซิ่งหานต้องบอกอะไรกับนางแน่ ทำไมนางยังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นอีก”
หงเซียวที่อารักขาอยู่ตรงระเบียงยาวถึงกับผงะไป แม้กระทั่งหยุนหว่านก็ยังหดไหล่ไปชั่วครู่ มองไปที่ท่าทางของซ่านจินจื๋ออย่างไม่พอใจ “ถ้าซ่านเซิ่งหานบอกอะไรกับนาง เจ้าจะทำอะไรได้อีกล่ะ”
กำปั้นของซ่านจินจื๋ออัดเข้าไปในวงกบไม้อย่างหนักๆ อีกหลายเท่า ใบหน้าของเขาตึงเครียด แต่กลับไม่สามารถให้คำตอบได้
ไม่ว่าอย่างไร เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่เขาเคยกระทำมาหมดทั้งสิ้น
“แต่ข้าเชื่อในความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเวยเอ๋อ” หยุนหว่านเปิดปากพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ ลุกขึ้นยืน “ข้าจะพาจางเหยียงซานไปหายาสมุนไพรอย่างอื่นอีกสักหน่อย แต่หลายวันนี้ เจ้าไม่เพียงแต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนนางไม่ห่างไปไหน ยังต้องจัดการธุระของเจ้าด้านนั้นให้ดีๆ ด้วย ข้าไม่อยากให้ลูกสาวของข้าต้องอยู่กับผู้ชายฉาวโฉ่ในวันข้างหน้า”
พูดจบ หยุนหว่านจากสถานที่นั้นไปอย่างไม่ลังเล
แทนที่จะนั่งอยู่ที่เดิมและกล่าวโทษซึ่งกันและกัน นางก็เหมือนเช่นดังกู้อ้าวเวย เลือกที่จะพึ่งพาการดำเนินการและแผนการการแก้ไขปัญหามากกว่า
มีเพียงกุ่ยเม่ยและซ่านจินจื๋อสองคนที่ยังคงอยู่ในห้องหนังสือขนาดใหญ่ หงเซียวที่อยู่ตรงระเบียงทางเดินยาวหลังจากได้ทำความเคารพแล้วก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือ พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านอ๋อง คนของซ่านเซิ่งหานไปกันเกือบหมดแล้ว ไม่มีใครหลงเหลือสักคน”
“ป้อมปราการเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” ซ่านจินจื๋อดึงมือกลับ
บัดนี้ข่าวที่ซ่านต้วนเฟิงกำลังจะกลับมาควบคุมชายแดนใหม่อีกครั้ง กองทัพของพวกเรายังไม่พร้อมที่จะโจมตีในขณะนี้ บัดนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกัน นอกจากนี้ดุเหมือนว่าซ่านเซิ่งหานจะเตรียมตัวที่จะกลับเมืองเทียนเหยียนแล้วจริงๆ เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะควบคุมการเคลื่อนไหวของชายแดน ดังนั้นเขาก็เลยคืนฝ่าบาทกลับมา บางทีอาจจะเป็นเพียงวิธีการที่ทำอะไรไม่ถูก” หงเซียวพูดถึงช่วงท้าย เสียงกลับแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
เพราะว่าใบหน้าของซ่านจินจื๋อดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น
กุ่ยเม่ยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขา แต่กลับจ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋ออย่างเย็นชา “ท่านอ๋อง องค์ชายสามผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน สายตาที่เขามองเวยเอ๋อตั้งแต่ครั้งแรกก็แตกต่างจากที่เคยเป็น
“ข้ารู้” ซ่านจินจื๋อหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง เมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่กู้อ้าวเวยอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดคำเหล่านั้น เขาก็รู้สึกละอายใจ อดไม่ได้ที่จะฆ่าตัวตนเดิมในตอนนั้นทิ้ง แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำได้ ได้เพียงแค่เป็นเปลวไฟและเผาไหม้ไปทั่วแขนขาของเขาด้วยความเจ็บปวด “ในเมื่อเป็นซ่านต้วนเฟิงที่ควบคุมชายแดน งั้นข้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องโจมตี ปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากันต่อไป และจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะได้รับข่าวจากทางเมืองเทียนเหยียน”
“ข้าอยากไปดูเวยเอ๋อ……”
“หุบปาก” สายตาที่เย็นชาของซ่านจินจื๋อกวาดไปทั่วร่างของกุ่ยเม่ย “เจ้าทรยศหักหลังข้า”
“หักหลังมาตั้งนานแล้ว” กุ่ยเม่ยหัวเราะก้วยเสสียงเย็นชา “อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าเวยเอ๋อไว้ใจได้มากกว่าท่าน ฮูหยินเกือบจะถือว่าข้าเป็นลูกชายของตัวเอง บัดนี้พูดไปเวยเอ๋อก็นับว่าเป็นน้องสาวของข้า”
ดวงตาของหงเซียวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อไม่นานมานี้เขาคิดว่ากุ่ยเม่ยเชื่อฟังคำสั่งของท่านอ๋องมาตลอด
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เลยตามใจนางให้ไปทำสิ่งที่อันตราย ตอนนั้นทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าเรื่องที่เขาอาจจะตายได้” ซ่านจินจื๋อพุ่งขึ้นมาด้านหน้า กำเสื้อของกุ่ยเม่ยแล้วยกเขาขึ้นมาจากบนเก้าอี้ ใต้ตาเต็มไปด้วยสีแดงเข้ม “หากข้ารู้ ตอนนั้นก็ไม่มีวันจากไปง่ายๆ เช่นนั้นแน่นอน”
กุ่ยเม่ยส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดเล็กน้อย มีเพียงคำขอโทษที่บีบออกมาจากช่องว่างระหว่างฟันหนึ่งคำ
คนทั้งคนถูกทุบกลับไปบนเก้าอี้ กุ่ยเม่ยลูบลำคอไออยู่สองสามคำ ก้มศีรษะลง เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะทำตามใจของกู้อ้าวเวยไปชั่วขณะ เพื่อรักษาความปลอดภัยของนาง แต่กลับส่งนางไปอยู่ในมือของคนอื่น
ซ่านจินจื๋อมองไปบนฝ่ามือที่ว่างเปล่าของเขา ได้แต่หายใจเข้าลึกๆ สองเฮือก มองไปที่หงเซียว “หากไม่มีเรื่องสำคัญอะไร อย่ามารบกวนข้า”
“รับทราบ ท่าอ๋อง” หงเซียวรีบก้มศีรษะลงมา รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของซ่านจินจื๋อหายไปอย่างสมบูรณ์จากข้างหู เขาจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง มองไปที่กุ่ยเม่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าสำนึกผิด อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เจ้าทรยศท่านอ๋องได้อย่างไร”
“หากไม่ใช้เขา ตอนนี้เวยเอ๋อก็คงไม่ต้องเผชิญกับอันตรายเช่นนี้ เพราะข้าทิ้งนางไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หากข้าอยู่ข้างกายเวยเอ๋อ คงรู้แน่นอนว่าในยาตายปลอมนั้นมีเหง้าของถุงน้ำดีหงส์ (ต้นหญ้า) อยู่” กุ่ยเม่ยตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโกรธและบาดแผลที่ข้อมือของเขาที่ไม่ยอมหายเสียทีก็มีเลือดออกมาซ้ำๆ เขาไม่สนใจ ได้เพียงแค่ปิดหน้าปิดตามิดชิดไว้ด้วยความเจ็บปวด แทบจะร้องไห้ออกมา “ข้าตัดสินใจผิดทุกครั้ง ไม่ว่าจะจากไปตามคำสั่งของนางก็ดี หรือเอานางไปปล่อยไว้ที่สนามรบคนเดียวเพื่อความเสี่ยงก็ดี หรือแม้แต่ตอนนี้……ข้ากลัวเพียงว่านางจะไม่มีความสุข……ล้วนผิดมาตลอด”
เมื่อคำพูดสุดท้ายหลุดออกไป เสียงร้องไห้ก็ขยายออกไปอีกนับไม่ถ้วน
หงเซียวยืนงุนงงอยู่ที่เดิมทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงหันหลังไปเงียบๆ เขายังไม่เคยเห็นกุ่ยเม่ยร้องไห้มาก่อน
แต่ซ่านจินจื๋อได้เดินเข้าไปในห้องของกู้อ้าวเวยอีกครั้ง ณ ตอนนั้น จับข้อมือที่ผอมบางเกินไปของนางเบาๆ ลูบรอยคล้ำใต้ตาของนาง จนกระทั่งดวงตาคู่นั้นค่อยๆ ลืมขึ้น ซ่านจินจื๋อจึงหดมือกลับมาอย่างไม่เต็มใจ ได้แค่กระแอมในลำคอ แล้วถามนางอย่างนุ่มนวลว่า “อยากกินอะไรหน่อยไหม”
กู้อ้าวเวยกระพริบตาด้วยความงุนงง ได้แต่เพียงยกมือขึ้นจับนิ้วมือของซ่านจินจื๋อแน่น และเขย่านิ้วด้วยความแรงอย่างไม่มีแรง “เมื่อไหร่พวกเราจะเชื่อใจกันอย่างสิ้นเชิง”
ดวงตาที่แฝงไว้ด้วยน้ำคู่นั้นมองไปที่ซ่านจินจื๋อด้วยความคาดหวังเล็กน้อย
ซ่านจินจื๋อเพียงแค่ก้มลงและจูบเบา ๆ ที่ขมับของนาง “ข้าเชื่อเจ้า เจ้ายอมบอกข้าได้ไหมว่าระหว่างเจ้ากับซ่านเซิ่งหานทำข้อตกลงอะไรกัน”
คำตอบที่ผิดพลาด
กู้อ้าวเวยดึงมือของตนกลับ น้ำใสๆ ที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นร่วงหล่นเป็นประกายน้ำเล็กน้อย “กุ่ยเม่ยเป็นดวงตาที่เจ้าสอดส่องอยู่ข้างกายใช่ไหม”