บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 715
บทที่ 715 ซื้อขาย
เสื้อผ้าหน้าผมเรียบร้อย ผมเพร้าต่างหูเลือกตามความหรูหราและการแต่งตัวของราชวงศ์เอ่อตัน
แต่เสียดายกู้อ้าวเวยไม่รู้ถึงความคิดเล็กน้อยนี้ของซ่านเซิ่งหาน นอกจากกำไลเงินบนข้อมือ นางไม่รู้เลยว่าการแต่งตัวปกติของราชวงศ์เอ่อตันและวัฒนธรรมเป็นอย่างไร และผ้าคลุมบนไหล่ก็มีคลื่นขาวปักไว้รอบๆ เสื้อด้านในยังใส่รอบตัวกู้อ้าวเวย แม้จะจับลูบสัมผัสอยู่นานก็ไม่รู้ว่ามันคือลายอะไร
จับมือเฟิงฉีนเดินออกไป ถึงได้รู้ว่าซ่านจินจื๋อพาคนเข้ามาในจวนแล้ว
“เขามาทำอะไรกัน?” กู้อ้าวเวยถาม
“วันก่อน อ๋องจิ้งสั่งคนมานำตัวท่านไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ถูกพวกเราขวางไว้ได้ก่อน วันนี้อ๋องจิ้งกลับใช้ข้ออ้างมีงานธุรกิจถึงเข้ามาในจวนได้ ขนาดองค์ชายสามขวางก็ยังไม่ได้เลย” เฟิงฉีนพูดเสียงเบา แต่เคาะกระบาลตัวเองเบาๆ นางเป็นลูกน้อง นางเรียนรู้จากพี่สาวเฟิงเยว่มามาก ในนั้นก็คือห้ามตีเสมอและใหญ่กว่านาย
แม้ร่างกายกู้อ้าวเวยไม่นับว่าตัวเล็ก แต่เทียบกับคนข้างๆแล้วก็ผอมและตัวเล็กมาก ยิ่งมองได้ยากว่านางเคยมีลูกมาแล้ว
เข้าไปในห้องโถง กู้อ้าวเวยก็รู้สึกสายตาที่ร้อนแรงทาบหน้านางไว้
นางยิ้มอ่อนๆ กู้อ้าวเวยตบมือเฟิงฉีนเบาๆ และพูดว่า: “เจ้าไม่ต้องเคารพแล้วล่ะ พาข้าหาที่นั่งก่อน”
เฟิงฉีนอึ้งหน่อยๆ มองไปที่ซ่านเซิ่งหานเพื่อขออนุญาตก่อน เห็นว่าเขาพยักหน้าแล้วจึงค่อยพากู้อ้าวเวยไปนั่ง และกู้อ้าวเวยที่นั่งแล้วก็พูดขึ้นทันทีว่า: “ไม่ทราบว่าอ๋องจิ้งมาถึงที่นี่มีเรื่องอันใดกันหรือ?”
“ข้าจัดเตรียมที่ให้ชิงจือเรียบร้อยแล้ว เจ้าก็ควรกลับไปกับข้าได้แล้วล่ะ” ซ่านจินจื๋อพูดตามตรง พอเห็นการแต่งตัวแบบนี้ของกู้อ้าวเวยก็รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าไปเลย
กู้อ้าวเวยกลับจับมือเฟิงฉีนไว้แน่น หัวเราะเบาๆพร้อมพูดว่า: “ข้าคิดว่าพวกเราจะทำตามแผนเสียอีก”
“ตั้งแต่ที่ตัวปลอมนั่นออกมา แผนของพวกเราก็เปลี่ยนไปแล้ว เจ้าไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป” ซ่านจินจื๋อกวาดสายตาแหลมคมมองไปที่ซ่านเซิ่งหานที่นั่งด้านบน: “เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด”
“ข้าก็ไม่เคยทรยศเจ้า ถ้าความเชื่อใจแค่นี้ยังให้กันไม่ได้ สิ่งที่เจ้าเคยพูดก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนคนเพ้อฝันไปหน่อยนะ” กู้อ้าวเวยให้เฟิงฉีนเทชาให้ตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย และถามเขาว่า: “หรือว่า เจ้าแค่พาซูพ่านเอ๋อกับเมี่ยวหารมาตรงหน้าข้า เพื่อให้ข้าตัดสิน ข้าก็จะกลับไปกับเจ้า”
สีหน้าของเฟิงฉีนไม่เปลี่ยนไปเลยและสบตากับซ่านเซิ่งหาน ทุกอย่างนี้ซ่านจินจื๋อมองเห็นหมด
ซ่านจินจื๋อไม่สงสัยเลยว่าในนี้ซ่านซ่งหานต้องทำอะไรไว้แน่ แต่ถ้าตอนนี้พูดไปตรงๆ กู้อ้าวเวยจะเชื่อเท่าไหร่กัน แต่กลับบอกได้แค่นี้: “ซูพ่านเอ๋อหายไปจากคุกใต้ดิน……”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ข้าก็คงต้องคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง” กู้อ้าวเวยวางแก้วชาลงและพูดแทรกซ่านจินจื๋อ: “อ๋องจิ้งเข้ามานี่ไม่ได้จะพูดเรื่องชายแดนหรอกหรือ?”
ซ่านจินจื๋อเก็บใบหน้าเป็นห่วง และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “ข้ามาเพื่อเจ้า”
“แต่ข้ากลับไม่ได้กลับเมืองเทียนเหยียนเพราะเจ้า ข้ามาเพราะตัวข้าเอง ถ้าชายแดนมีเรื่อง ทางน้ำก็ถูกทหารสองกลุ่มควบคุมไว้ ข้าก็คงไปไม่ได้แล้ว” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วเข้าหากัน นิ้ววางในบนโต๊ะอย่างไม่สบายใจ: “ซ่านจินจื๋อ ข้าไม่อยากเสียเวลาแล้ว”
นี่ไม่เหมือนกับที่พูดกันเลย
พวกเขาควรจะจัดการเรื่องเองคนเดียว จากนั้นพอมีโอกาสก็ค่อยแลกข่าวที่ได้มา
ซ่านจินจื๋อยิ้มอ่อนๆ พูดแทรกคำพูดไร้สาระของทั้งสองและพูดว่า: “เสร็จลุง ข้าคิดว่าถ้าพวกเราร่วมมือกัน จัดการสิบสามเมืองของชายแดน ซ่านต้วนเฟิงจับกลับมาก็ได้แล้ว”
“ต่อไปที่นี่ก็คือดินแดนของเจ้า ถ้าให้ข้าช่วยเจ้า ข้าควรเอาความจริงใจออกมาให้เจ้ามากเท่าไหร่กัน?” ซ่านจินจื๋อเอียงหัว เมื่อกี้สายตาที่เยือกเย็นตอนนั้นตอนนี้กลับกลายเป็นเรียบเฉย แสยะยิ้มมุมปากพูดว่า: “ถ้ารัชทายาทในอนาคตเอาความจริงใจที่ให้ข้าพอใจไม่ได้ ข้าจะรีบนำกำลังถอยออกจากเมืองเทียนเหยียน”
เสด็จอาคงยังไม่รู้ว่าซ่านต้วนเฟิงเป็นแค่หมากตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น
“ถ้าให้ความจริงใจต่อเสด็จอาไม่ได้……”
“งั้นแคว้นชางหลานมีข้าปกครอง” ซ่านจินจื๋อฝามือข้างหนึ่งว่างไว้ที่มืออีกข้าง เท้าคาง สายตากลับมไม่ได้มองไปที่ซ่านเซิ่งหาน แต่กลับมองไปที่กู้อ้าวเวย: “รวมไปถึงเวยเอ๋อด้วย”
ซ่านเซิ่งหานไม่เข้าใจความหมายในนี้ แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้ว่าซ่านจินจื๋อรู้ว่าตราราชลัญจกรหยกของประเทศอยู่ที่ไหน ตามความเชื่อใจของซ่านต้วนโฉงและซ่านเซิ่งหานสองพี่น้อง บวกกับไทเฮาที่ไปอารามไป๋หม่า เกรงว่าข้างตราราชลัญจกรหยกคงจะมีพระราชโองการอยู่ด้วย
“อย่าลองใจข้า ข้ารู้ว่าเจ้าทำเรื่องพวกนี้ได้” กู้อ้าวเวยพูดแบบนี้ เงยหน้ามองไปและพูดว่า: “ขอแค่เจ้ายอมช่วยองค์ชายสามจัดการเรื่องทุกอย่าง พวกเจ้าก็ตกลงกันก็ได้ ต่อไปเจ้าไม่เอาตำแหน่งราชา ไม่แย่งขุนนางกัน ก็จะมีชื่อเสียงของเจ้าอ๋องจิ้งและอำนาจทางทหาร”
ทั้งสองรอกู้อ้าวเวยพูดจบ ซ่านเซิ่งหานก็พูดก่อนว่า: “เรื่องนี้ก็แน่นอนอยู่แล้ว”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ข้ายังต้องรับรองหยวนเอ๋อ……”
“งั้นก็ให้อ๋องจงผิงสั่งคนมาด้วย ผู้ที่ไม่ได้วางเดิมพันก็จะไม่ได้เงินเดิมพัน” กู้อ้าวเวยมองด้วยสายตาเย็นชา นิ้วมือเคาะที่โต๊ะเบาๆสองครั้ง: “ถ้าเขายอมช่วยเหลือ อ๋องจงผิงก็จะอยู่ที่อินโจวได้อย่างปลอดภัย อำนาจทหารที่เขามีทั้งหมดเพิ่มเป็นสองเท่า”
“นี่เจ้ากำลังทำค้าขายขาดทุนให้องค์ชายสามงั้นเหรอ” ซ่านจินจื๋อหัวเราะ
“ขาดทุนไม่ใช่เหรอ? ขอแค่เจ้ายอมอยู่ในตำแหน่งอ๋องจิ้ง ต่อไปเรื่องของชายแดนไม่ว่ายังไงเจ้าก็ควรออกหน้าจัดการ เสี่ยงแบบนี้ก็ควรมีแม่ทัพของชางหลานนี่เป็นการค้าขายที่ได้ประโยชน์ และอีกอย่าง อินโจวจะเป็นเมืองที่ใหญ่ด้วยกำลังของอ๋องจงผิงและตระกูลฉี ภาษีในนั้นก็สามารถเอามาเอาเข้าพระคลังได้” กู้อ้าวเวยยกมือปาดผมที่คล้องหูอยู่ มาผิดตรงตาที่มองไม่เห็นเสียเลย จึงรู้สึกผ่อนคลายลงหน่อย: “แน่นอน ทุกอย่างนี้ยังต้องให้องค์ชายสามตัดสินใจอีก”
ไม่แย่งตำแหน่งราชาเพื่อความปลอดภัยในภายหลัง ต้องจัดการโดยโน้มน้าว
ซ่านจินจื๋อรู้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี แม้กู้อ้าวเวยจะไม่พูด ซ่านเซิ่งหานก็จะบอกข้อเสนอนี้เหมือนกัน
แต่ว่าทั้งสองใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการพูดเรื่องนี้ ตัดสินใจพรุ่งนี้เข้าเฝ้าเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาชายแดด กู้อ้าเวยกลับปิดตาไว้ทำท่าเหมือนเดิมแบบเมื่อกี้
ซ่านจินจื๋อดูก็รู้แล้วว่านางแอบงีบไป เดินเข้าไปบีบฝามือนาง และพูดอย่างอ่อนโยนว่า: “อย่าหลับที่นี่”
“พูดมาก” กู้อ้าวเวยตื่นก็ด่าสบถไป ต่อมาก็บกมือขึ้นบีบนวดขมับ: “พูดจบแล้วเหรอ?”
“กลับไปกับข้า” ซ่านจินจื๋อจับมือนางไว้
“เจ้าไปฝันก่อนสิข้าค่อยกลับไปกับเจ้า” กู้อ้าวเวยชักมือกลับ และจับมือเฟิงฉีนไว้พูดว่า: “ข้าเหนื่อยแล้ว”
ซ่านจินจื๋อจึงเห็นแค่แผ่นหลังของกู้อ้าวเวยและเฟิงฉีนที่เลี้ยวหายเข้าไปในมุม ในใจรู้สึกเป็นกังวลมาก
กู้อ้าวเวยกำลังแสดงละคร หรืออยู่ฝั่งซ่านเซิ่งหานจริงๆ
ไม่เพียงแต่ซ่านจินจื๋อ ขนาดซ่านเซิ่งหานที่ได้ยินชื่อของซูพ่านเอ๋อและเมี่ยวหารก็ยังเหม่อลอยเลย ไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยอยู่ฝั่งใครกันแน่
แต่อย่างน้อย เขาก็สามารถเอาตัวซ่านจินจื๋อมาอยู่ฝั่งตัวเองได้สักครู่แล้ว