บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 764
บทที่ 764 กลับไปกลับมา
กงกงที่อยู่ข้างนอกประตูคิดว่าจะต้องรอนาน
แต่ใช้เวลาไม่ถึงธูปหนึ่งดอก ประตูก็ถูกซ่านจินจื๋อเปิดออกมาด้วยตัวเอง ในลานหน้าห้องแม้แต่แม่นางหลิวเอ๋อที่สวมชุดนางข้าหลวงก็มองไม่เห็น กงกงที่รู้หน้าที่ก็รีบพูดทำความเคารพเสียงเบา พลางถามขึ้นมาว่า“หลังจากนี้อ๋องจิ้งจะ……”
“ในเมื่อตอนนี้ท่านพี่ไม่สะดวกที่จะพบข้า เจ้าก็พาข้าออกจากวังเถิด”ซ่านจินจื๋อสะบัดชุดคลุมยาว ไม่ทันได้ให้กงกงถามจนจบคำถามที่สอง แล้วจึงใช้สายตามองอย่างเยือกเย็น พลางเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ไปบอกว่าข้าโดนวางพิษร้ายแรงขณะที่ข้ามมาจากชายแดน ในระหว่างทางที่ข้ามชายแดนก็ไม่เคยพบองค์หญิงแคว้นเอ่อตาน ตอนนี้ไม่รู้ว่าองค์หญิงแคว้นเอ่อตานอยู่แห่งหนใด”
“นี่มัน……กระหม่อมควรจะต้องถามความเห็นจากฝ่าบาทก่อน”กงกงขมวดคิ้ว
“มันสมควรจะเป็นเช่นนั้น ถ้าหากมีใครเอ่ยถามเรื่องที่ข้าโดนวางยาพิษ ก็ให้บอกว่าเป็นพิษจากรากของถุงน้ำดีหงส์ เป็นพิษที่ยากจะสามารถถอนได้ และก็เป็นหนึ่งในของสำคัญที่ต้องใช้ในพิธีอมตะ”พูดจบ ซ่านจินจื๋อก็เดินจากไปอย่างไม่หันกลับมาอีก
กงกงที่อยู่ด้านหลังรีบวิ่งเดินตามไป ไม่เข้าใจการกระทำนี้เป็นอย่างมาก
แต่หยุนหว่านที่อยู่ภายในห้องพักก็ดึงผ้าบางที่ปิดบังใบหน้าลงมา“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าความเป็นอมตะนี้สามารถใช้ยาพิษทำเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
“นายท่านถึงจะมีความรู้เรื่องยาพิษเป็นอย่างดี แต่ในโลกใบนี้ใครเล่าจะรู้กันว่ายาพิษก็สามารถทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้”หลิวเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆกำมือแน่นอย่างตื่นเต้น วันนี้พอได้ยินเรื่องของคุณหนูจากปากของอ๋องจิ้ง มีแต่ทำให้นางเป็นห่วงเพิ่มมากขึ้น
หยุนหว่านอ้าปากแล้วอ้าปากอีก สุดท้ายคำพูดที่เตรียมพูดให้หลิวเอ๋อไปบอกกับกู้อ้าวเวยก็ไม่ได้พูดออกไป
“ในตอนนั้นเหตุผลที่ตระกูลหยุนกับตระกูลจูรวมกันคิดค้นยา ข้าคิดว่าเป็นเพียงแค่การทดลองยาธรรมดา มาวันนี้ดูท่าแล้ว พวกเขาก็กำลังลองวิธีใช้ยาพิษในการทำให้มีชีวิตต่อไป หลังจากนั้นพิษก็ถูกถ่ายทอดลงมาสู่รุ่นต่อรุ่น ข้าก็ไม่เคยใส่ใจมาก่อน เพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดรุ่นก็พวกข้าทำไมต่อใช้ยาพิษเอง แล้วค่อยถอนพิษออก”หยุนหว่านพูดอย่างละเอียด พลางมองดูท้องฟ้าอันเจิดจ้านอกหน้าต่าง แล้วพูดต่อไปอีกว่า“แต่เวยเอ๋อสามารถแก้ปริศนาสำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว ถึงจะต้องทำศาลเจ้าที่ด่านลั่วส่วยก็ตามที ถ้าหากสังเกตดีๆ สุดท้ายก็จะไม่มีใครแก้อุปสรรคพวกนี้ออกไปจนหมดได้ ”
แล้วเหตุใดต้องทำให้เอิกเกริกใหญ่โตล่ะ?
หยุนหว่านรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้
รอจนถึงค่ำคืน องค์หญิงเอ่อตานก็หายตัวไป อ๋องจิ้งโดนวางยาพิษ แล้วศาลเจ้าตรงด่านลั่วส่วยต้องพังดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งแคว้นเทียนเหยียน มีหมอเทวดาจำนวนไม่น้อยที่ไปตามหารากของถุงน้ำดีหงส์ เพื่อหวังเพียงแค่ว่าหลังจากที่ถอนพิษให้อ๋องจิ้งแล้วจะได้ค่าตอบแทนอย่างงาม
ศาลเจ้าของด่านลั่วส่วยที่พังทลายข่าวนี้ถูกแพร่สะพัดไปทั่วทั้งยุทธภพ แม้กระทั่งในชางหลานยังมีคนบอกว่าเป็นผลจากการที่มีตัวกาละกินีกำเนิดขึ้น เพราะฉะนั้นหลายปีมานี้ในตอนแรกบ้านเมืองทั้งสามแคว้นจากที่เคยสงบสุขกลับต่อมาเข่นฆ่าและทำสงครามกัน
ตอนนี้ด้านนอกของแคว้นเทียนเหยียน
ซ่านต้วนเฟิงยังต้องใช้เวลาอีกเจ็ดแปดวันถึงจะถึงแค้วนเทียนเหยียน
หลายวันมานี้เขากับกู้เฉิงต่างผลัดกันดูแลกู้อ้าวเวย วันนี้พวกเขาได้ยินข่าวลือในโรงน้ำชาที่พวกเขาพักผ่อนอยู่ เจ้าเด็กหนุ่มที่อายุแค่สิบกว่าปีลุกขึ้นมาโวกเวกโวยวาย ร้องไห้ฟูมฟายจะกลับไปหาพ่อที่โดนวางยาพิษ ยังอยากจะไปพบแม่ผู้ให้กำเนิด ร้องไห้มาแล้วทั้งคืน ตาของชิงจือบวมแดงเหมือนลูกวอลนัท แม้แต่หยุนชิงหยางก็ไม่อาจห้ามปรามได้
ซ่านต้วนเฟิงถูกเสียงร้องไห้ของเด็กปลุกจนตื่น ลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างงัวเงีย เสื้อคลุมที่ยังไม่ทันได้หยิบมาใส่ก็มีเสียงเปิดประตูดังปั้งขึ้น คว้าคอเสื้อของเจ้าเด็กน้อยแล้วโยนไปไว้ตรงบนเตียงของกู้อ้าวเวย แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว“ขืนถ้าเจ้าบังแหกปากอีกครั้ง ข้าจะฉีกเนื้อของเจ้ากับแม่โยนไปให้หมากิน!”
ชิงจือจับตรงคอแล้วหดหัวลง ต่อมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้อีกเลย
กู้เฉิงที่ตามเสียงจากประตูเดินเข้ามาเห็นซ่านต้วนเฟิงที่ไม่รู้จักวิธีระงับอารมณ์ของตัวเอง จึงเอ่ยขึ้นเสียงครึม“กู้อ้าวเวยเป็นคนที่คอยก่อปัญหา เหตุใดจึงกล้า……”
“เจ้าเด็กบ้ากับร่างไร้ประโยชน์มันจะทำอะไรได้ อย่ามาบ่นมาอะไรแถวนี้นะ ถ้าว่างก็เอาเวลาไปคิดว่าถ้าพวกเราเดินทางถึงแคว้นเทียนเหยียนจะทำอย่างไรต่อไปดีกว่า!อ๋องจิ้งยังมาโดนวางยาพิษจากถุงน้ำดีหงส์อีก ข้าว่าหญิงร้ายชายชั่วคู่นี้มันก็คือตัวกาลกิณีนั่นแหละ!”ซ่านต้วนเฟิงตะโกนก่นด่าเสียงดังแล้วจึงปิดประตูอย่างแรงจนเสียงดังปั้งไล่หลัง สาวเท้าเดินกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างไว
อูกงกงที่อยู่ข้างๆพลันส่ายหัว ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้มีเจ้านายแบบนี้ ทำได้เพียงแค่หันไปมองกู้เฉิง“ใต้เท้า นี่มัน……”
“ช่างเถิด เด็กเพียงแค่คนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้หรอก”กู้เฉิงหันไปถอนหายใจประตูหนึ่งครั้ง เขาไม่ได้ถือโทษซ่านต้วนเฟิงใดๆ เพียงแต่เอ่ยอย่างเยือกเย็นไปว่า“ยู่หงล่ะ?”
“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ”ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าบูดเบี้ยวเดินถือไม้เท้าออกมา ในมือยังถือแก้วน้ำชาที่ในตอนแรกควรเป็นหน้าที่ของเสี่ยวเอ้อยกมา ดูไปแล้วเขาน่าจะขัดขวางเสี่ยวเอ้อไว้ตั้งแต่หน้าบันไดแล้ว
“ข่าวลือของแคว้นเทียนเทียนจริงเท็จประการไหน?”
“ฮ่องเต้เชื่อไปแล้วมากกว่าครึ่ง ตอนนี้กำลังเตรียมที่จัดการทีละเรื่อง ดูแล้ววันนี้คงจะเตรียมจัดการเรื่องขององค์ชายสามกับองค์ชายหกผู้ทรราชเสียก่อน เพียงแต่บังเอิญมีเรื่องของอ๋องจงผิงเข้ามาขัดเสียก่อน ทำให้ในตอนนี้อ๋องจิ้งกับองค์ชายสามต่างอยู่ในจวนของเขา”ยู่หงก้าวเข้ามาข้างหน้าด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน บนใบหน้ายังกระตุกเล็กน้อย แล้วจึงเปิดปากพูดต่อไปว่า“แต่เรื่องที่อ๋องจิ้งโดนวางยาพิษ มีความน่าเชื่อถือครึ่งต่อครึ่ง”
“หมายความว่าอย่างไร?”คิ้วของกู้เฉิงขมวดเป็นปม
ถ้าหากซ่านจินจื๋อโดนพิษของรากถุงน้ำดีหงส์จริงๆ ก่อนอื่นพิษนี้มาจากไหน แล้วใครเป็นคนลงมือ?
“จวนของอ๋องจิ้งผิงในตอนนี้ถูกคนของต้าหลี่เซ่อล้อมไว้ หมอสามท่านของจี้ซื่อถางก็อยู่ที่นั่น ยาก็ถูกส่งอย่างไม่หยุด”ยู่หงพูดไปอย่างนั้น เห็นสีหน้าของกู้เฉิงยังคงมีความสงสัย จึงกระแอมเบาๆ สายตาไปตกอยู่ที่บานประตู“นอกเสียจากว่า โรงเรือนที่เก็บยาของกู้อ้าวเวยถูกล้อมไว้หมดแล้ว อีกทั้งยาด้านในยังถูกส่งเข้าไปยังจวนของอ๋องจงผิง และจากการสืบค้น ตอนที่อ๋องจิ้งตกลงที่จะแต่งกับกู้อ้าวเวย นั่นก็เพื่อได้มาซึ่งเลือดมังกรกับถุงน้ำดีหงส์ อีกทั้งกู้อ้าวเวยยังมาโดนพิษของถุงน้ำดีหงส์อีก ข้าน้อยสงสัยว่า……พิษของรากถุงน้ำดีหงส์ อ๋องจิ้งอาจจะเป็นคนวางยาตัวเองก็เป็นได้”
พูดพลาง อูกงกงที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจ
กู้เฉิงกำหมัดแน่นจนเสียงดังกรอบ“เพราะฉะนั้นเจ้าคิดว่า พิษของรากถุงน้ำดีหงส์ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญในปริศนาของความเป็นอมตะไม่ใช่หรือ?”
“ข้าน้อยคิดเช่นนี้จริงๆ”มุมปากของยู่หงยกยิ้มขึ้นเล็กๆ
อ้อมไปอ้อมมา หรือสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นอย่างนั้นหรือ?
ในตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าเลือดมังกรกับถุงน้ำดีหงส์อยู่ในมือของหยุนชิงหยาง เพียงแต่เสียดายที่ในตอนนั้นเขารู้เรื่องความลับของตระกูลหยุนนำมาใช้เป็นเพียงแค่สิ่งที่รักษาชีวิตเล็กน้อย ยิ่งเลือดมังกรกับถุงน้ำดีหงส์ก็มีน้อยมากๆ แต่มันก็หาง่ายกว่าเครื่องรางนับพันปี มีเพียงแต่รากถุงน้ำดีหงส์ที่เขาได้ยินเป็นครั้งแรก……
หากเป็นราก ก็ต้องเป็นรากที่มาจากเมล็ด
“แต่อ๋องจิ้งไม่รู้……”
“อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้กู้อ้าวเวยเคยไปที่ค่ายทหารของเขา ถ้าพูดตามลักษณะนิสัยของอ๋องจิ้งแล้ว เขาไม่เคยทำเรื่องอะไรที่มากกว่านั้น มาวันนี้ถึงแม้ว่าร่างกายจะถูกพิษร้ายแรง แล้วก็มีความเคลื่อนไหว ที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”ยู่หงยังคงพูดอยู่อย่างนั้น สายตาของเขามืดครึ้มลงเล็กน้อย
ในระหว่างความจริงครึ่งหนึ่งกับเรื่องโกหกครึ่งหนึ่ง เป็นเพราะเหตุใดกัน?