บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 785
บทที่785 เพิ่มเดิมพัน
สิ่งต่างๆไปไกลกว่าความคาดหมาย
จะว่าไป หากกู้อ้าวเวยไม่ปรากฏตัว ความลับของการมีอายุยาวก็จะถูกปิดผนึก จนถึงวันนี้ก็คงไม่มีใครรู้ แต่ในขณะเดียวกันตอนนี้ราชบัลลังก์ของแคว้นชางหลานก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะดำรงตำแหน่ง หรือแม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่ง บางทีอาจจะถูกกู้เฉิงยุแยงตะแคงรั่วและอาจจะถูกตลบกลังได้
เพราะซูพ่านเอ๋อคือลูกสาวของเขา
“เจ้าเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้มากมายจริงๆ”
“ดูเหมือนว่ากู้อ้าวเวยยังไม่บอกอะไรเจ้าเลย” เสียงหัวเราะอย่างพอใจดังออกมาจากปากของกู้เฉิง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาซ่านจินจื๋อที่อยู่บนบันได “ข้าทำทุกอย่างเหมือนที่เจ้าเรียนรู้จากพี่ชายที่แสนดีของเจ้า ด้วยพลังของตัวเองจึงเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ทุกหนทุกแห่งและเช่นเดียวกันก็คือไม่ปฏิบัติกับลูกชายเป็นญาติพี่น้อง เพียงแค่ดึงพวกเขามาเป็นเบี้ยของอำนาจต่างๆ”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่เคยได้ยินกู้อ้าวเวยพูดถึงเรื่องนี้เลย “กู่เซิงและกู้จี้เหยาต่างไม่รู้ตัวตนของซูพ่านเอ๋อ แม้กระทั่งนางเองยังคิดว่าตัวเองเป็นลูกของโสเภณี”
เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าขยะแขยงนั้น ซูพ่านเอ๋อก็มีแววตาโหดร้ายและอยากจะหนีไป ทว่ากู้เฉิงคว้าโซ่ไว้แน่น แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ เดิมทีตอนนั้นข้าต้องการจะฆ่านาง แต่อาจารย์ของเจ้ามีความปรารถนาดีเกินไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโสเภณีผู้นั้นเคยทำแขกตายอย่างกะทันหันมาเท่าไหร่แล้ว”
“นอกจากนี้ยังเป็นเพราะแม่ของนางฆ่าแขกที่ได้คืบจะเอาศอกจำนวนมากที่ซ่องนางโลม ข้าจึงให้นางเก็บลูกของข้าไว้ ซูพ่านเอ๋อโหดเหี้ยมเหมือนแม่ของนางซึ่งมันทำให้ข้าพอใจ” ดังนั้นจึงส่งกู้อ้าวเวยไปตำหนักอ๋องจิ้งอย่างสบายใจ จนกระทั่งได้รับใบสั่งยาสำหรับความเป็นอมตะ ซูพ่านเอ๋อจึงสามารถฆ่านางได้ทุกเมื่อ เพื่อปิดปากนาง
แม้ว่ากู้เฉิงจะไม่พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา หลายคนก็รู้แต่เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้
ซูพ่านเอ๋อกัดริมฝีปาก พลางมองไปยังซ่านจินจื๋ออย่างบ้างคลั่ง “คนที่ทิ้งข้าก่อนคือเจ้า แน่นอนว่าข้าต้องหาทางออกด้วยตัวเอง……”
ส่วนคำพูดที่ยังพูดไม่จบก็ถูกสายตาที่เย็นชาของซ่านจินจื๋อทำให้กลืนลงท้องไป
ซูพ่านเอ๋อไม่เคยกลัวซ่านจินจื๋อขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ตอนนี้นางอยากจะวิ่งหนีเพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ กู้เฉิงมองอีกฝ่ายอย่างเยือกเย็น พลางพูดเสียงต่ำว่า “หากเจ้าต้องการจะพูดเพื่อพ่อ หวังว่าเจ้าจะพูดเรื่องการมีชีวิตที่ยืนยาว”
“กู้เฉิง” ซ่านจินจื๋อยังคงเรียกชื่อของเขา พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย “วันนี้เจ้าพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าข้า ในภายภาคหน้าเจ้าไม่กลัวข้าไม่ช่วยเหลือเจ้ารึ?”
“ถึงแม้ข้าจะไม่พูดอะไร ท่านและกู้อ้าวเวยจะช่วยข้าด้วยความจริงใจจริงๆรึ?” กู้เฉิงหัวเราะเยาะ จากนั้นจึงดึกโซ่เพื่อผลักให้นางไปที่เท้าของซ่านจินจื๋อ แล้วเขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ที่พานางมาพบ เพียงแค่มาทำข้อตกลงอย่างตรงไปตรงมา”
เมื่อสิ้นเสียงพูด ซ่านจินจื๋อก็ได้ยินเสียงประตูที่อยู่ไม่ไกลถูกผลักให้เปิดออก
และเสียงที่ชัดเจนก็ดังขึ้น “ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เจ้าจะเจรจาเงื่อนไขต่อรองอย่างไร?”
เมื่อกู้อ้าวเวยจะเดินออกไปก็ถูกซ่านจินจื๋อคว้าไว้ก่อน เพราะนางเพียงแค่คลุมเสื้อบางๆบนไหล่ของนาง เขายังไม่ได้พูดอะไร นางก็เหลือบมองเขาด้วยความไม่พอใจ “ใครเป็นคนบอกให้ข้าถอดเสื้อผ้านอน เจ้าเรื่องมาก”
“หยิ่งยโสจริงๆ” ซ่านจินจื๋อถอดเสื้อคลุมของตัวเอง แล้ววางไว้บนไหล่ของนาง
ซูพ่านเอ๋อดิ้นรนที่จะลุกขึ้น มือเรียวยาวของกู้อ้าวเวยก็ยื่นอยู่ข้างหน้าของนางแล้ว ซูพ่านเอ๋อมองนางด้วยสายตาที่เยือกเย็นและเกลียดชัง “นอนคว่ำหน้าบนพื้นที่หนาวเหน็บเช่นนี้ ไม่กลัวป่วยตายรึ”
ชั่วพริบตาเดียว ความเกลียดชังบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นความเชื่อฟัง นางจึงคว้ามือของกู้อ้าวเวยเพื่อลุกขึ้น ทว่ากลับไม่กล้าออกแรง หลังจากที่ลุกขึ้นนางก็ปัดฝุ่นบนร่างกายตามคำสั่งของกู้อ้าวเวยอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ฟังกู้อ้าวเวยพูดกับเฉิงอี “ในเมื่อกู้เฉิงส่งนางมาที่นี่ พานางไปห้องด้านใน สิ่งที่นางรู้ยังมีประโยชน์สำหรับที่นี่”
ด้วยคำพูดนี้ กู้อ้าวเวยมองนางด้วยรอยยิ้มที่มากขึ้น
ซูพ่านเอ๋อกลับเหมือนถูกฟ้าผ่า ลล้มลุกคลุกคลานเข้าไปด้วยความหวัดกลัวพร้อมกับโซ่ที่อยู่ที่คอ นางยังคงดิ้นรนเมื่อถูกเฉิงอีลากไปที่ห้อง ซึ่งแตกต่างกับเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
ซ่านจินจื๋อจับไหล่ของกู้อ้าวเวยด้วยมือหนึ่งข้าง พลางมองกู้เฉิง “พูด”
“พวกเจ้ายังเด็กเกินไป” กู้เฉิงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอีกครั้งว่า “หากตอนนั้นข้ามีความสามารถที่จัดกำลังคนให้อยู่ข้างกายอ๋องจิ้งได้ พวกเจ้ายังคิดว่าองค์ชายองค์อื่นๆหรือแม้แต่ฮ่องเต้จะไม่มีกำลังคนของข้างั้นรึ?”
กู้อ้าวเวยตกตะลึง แล้วพูดว่า “เจ้ามาเพื่อใช้อำนาจกับพวกเรารึ?”
“เพียงแค่เตือนด้วยความปรารถนาดี ในตอนนั้นข้า กู้เฉิง สามารถยืนหยัดในราชสำนักได้ ไม่เพียงแต่พึ่งพาข้าในการเก็บเมล็ดพันธุ์เท่านั้น” รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เฉิงมีมากขึ้น เขายืดหลังให้ตรง พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ข้าสามารถทำให้เยว่ทำเพื่อข้าได้ ในภายภาคหน้าข้าก็สามารถล้มซ่านต้วนโฉงได้ ข้าเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า ซ่าสต้วนเฟิงจะบอกความจริงกับเจ้า”
หากพูดเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็อาจจะเชื่อคำโกหกนั้นได้
สิ่งที่กู้เฉิงพูดในวันนี้ ทำให้นางตกใจมาก
ในตอนแรกซ่านต้วนเฟิงเชื่อในตัวเอง แต่ทว่าก็มีสิ่งที่ทำให้อยากระบายความในใจ แต่ตอนนี้กู้เฉิงรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าซ่านต้วนเฟิงไม่ซื่อสัตย์ เหตุใดในตอนนี้……
“ฉูหลี่สามารถรอหยุนหว่า เป็นทศวรรษ และข้าก็ทำดีที่สุดแล้วเพื่อลูกชายสุดที่รัก หวังว่าพวกเจ้าสองคนจะไม่เอาแต่ใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเรื่องราวจบลง ระหว่างเราจะไม่มีความแค้น เพียงแค่ซ่านต้วนเฟิงเต็มใจ ทำไมจะเก็บพวกเจ้าทั้งสองไว้ไม่ได้”
เมื่อกู้เฉิงพูดจบ ก็เดินจากไป
ในตอนนี้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นจริงหรือเท็จ กู้อ้าวเวยและซ่านจินจื๋อมองหน้ากัน ทว่ากลับเห็นเพียงความว่างเปล่า
หากสิ่งที่กู้เฉิงพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ฉะนั้นผู้ที่คุกคามฮ่องเต้จริงๆควรจะเป็นฮองเฮาองค์ใหม่ จึงทำให้กู้เฉิงพูดออกมาอย่างน่าเชื่อถือและเย่อหยิ่งเช่นนี้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ดูไม่มีมูลเหตุ ไม่น่าเชื่อถือ ในขณะที่อยากจะเชื่อกลับไม่เห็นใครคุกคามพวกเขา
ซ่านจินจื๋อโอบไหล่กู้อ้าวเวยพลางพูดด้วยเสียงเบาหลังจากที่เงียบไปนาน “เจ้าคิดว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ?”
“ข้าไม่รู้” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า
“จะว่าไปก็ใช่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)” ซ่านจินจื๋ออุ้มนางขึ้นมา เมื่อเห็นขาทั้งสองข้างของนางสั่น
กู้อ้าวเวยตกใจ พลางมองเขาด้วยดวงตาเบิกโพลง “ข้าก็เป็นหมอ”
“เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเชื่อหมอผู้อาวุโสที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)” เมื่อพูดจบ ซ่านจินจื๋อก็ขยับร่างของนางอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้หัวของนางชนขอบประตู พลางพูดอีกว่า “เรื่องของคนรอบตัวก็ได้เห็นชัดเจนแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือส่งต่อให้พวกเขาเถอะ”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า กำลังจะนอนต่อ ทว่าร่างของชายเย็นชาก็โน้มมาข้างหน้า “ตอนนี้แม่อยู่ในวัง ส่วนหลิ่วเอ๋อและจื่อเหมิงทำงานเป็นนางข้าหลวง”
ทันใดนั้นดวงตาของกู้อ้าวเวยก็เบิกโพลง จากนั้นก็ยกมือขึ้นดึงชุดของซ่านจินจื๋อ “เมื่อไหร่!”
“ฟังข้าพูดอย่างละเอียด……” ซ่านจินจื๋อกดแมวป่าตัวน้อยที่แยกเขี้ยวยิงฟันอย่างไม่เต็มใจให้กลับไป และใช้ประโยชน์จากการนอนไม่หลับนี้