บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 807
บทที่ 807 จัดการทุกอย่างสำเร็จ
มีคนสองผู้ที่หลบซ่อนอยู่ไม่ไกลจากกลางป่าเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ในสายตา
ยู่จือถอดเสื้อโปร่งด้ายทองออกมาจากเรือนร่าง ชุดสีฟ้าสดใสทั้งตัวกับเสื้อคลุมทำให้นางเรือนร่างเล็กบางถูกปกคลุมอยู่ด้านใน แต่มืออีกข้างก็จับมือของยู่หงอย่างน่าเอ็นดู มองดูใบหน้าไร้ความรู้สึกของยู่หงเคลื่อนไหวเล็กน้อย ในตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือด นางทำได้เพียงแค่เอ่ยปลอบ“พยายามออกจากควบคุมของพิษร้ายไม่ได้มีประโยชน์ต่อตัวเจ้าเองเลยนะ ถึงตอนนี้เจ้าจะเข้าไปก็มีแต่จะตายเสียเปล่า”
“ปล่อยข้า”ตรงขมับของยู่หงมีเส้นเลือดปูดนูน
“ถ้าหากเจ้าปรากฏตัวขึ้นตอนนี้ คนที่อยู่เบื้องหลังก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นแน่”ยู่จือดึงเขาเข้าไปในป่าลึก“ข้าต้องขอบใจกู้อ้าวเวย ถ้าหากนางไม่เปลี่ยนโชคชะตา เจ้าคงไม่มีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้”
ยู่หงยังไม่เข้าใจความหมายที่ยู่จือพูด ได้ยินแต่เสียงหัวเราะเสียงเบาบนกิ่งไม้ดังขึ้น“แม่นางช่างรู้สถานการณ์ยิ่งนัก”
มีเงาร่างหนึ่งร่วงลงมาจากด้านบน
กระบอกตาของยู่หงเล็กลงเล็กน้อย ยู่จือที่อยู่ด้านข้างหัวเราะขึ้นมาเบาๆ“ข้าคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ว่าสักวันเจ้าจะต้องฆ่ายู่หง ยังจะฆ่ากู้อ้าวเวยอีกด้วย”
“ข้าอยากจริงๆนั่นแหละ แต่ตอนนี้ต้องไปสู้เดนตายในตำบลเหยสุ่ย ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลายิ่งนัก”เยว่ชิงแสยะยิ้ม เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ข้าอยากได้พิษจากร่างกายของนาง”
“หายไปตั้งนานแล้ว เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าวันเวลาเหล่านี้ที่นางก้มหน้าก้มตาอยู่แต่กับยาพวกนั้น จะเป็นเพียงแค่ทำความเข้าใจกับพิษของรากถุงน้ำดีหงส์ในร่างกายของนางเองอย่างนั้นน่ะหรอ?”ยู่จือยกยิ้มมุมปากขึ้น“ก่อนที่นางจะคิดบัญชีกับข้า ข้ายังต้องการจะพายู่หงจากไป แต่ข้าจะขอบอกอะไรกับเจ้าอย่างหนึ่ง ในฐานะที่เจ้าไว้ชีวิตยู่หง จัดการทุกอย่างสำเร็จแล้ว ค่อยดำน้ำหนี”
พูดจบ ฝุ่นควันที่อยู่ใต้เท้าของยู่จือตลบอบอวลทั่วบริเวณ
เยว่ชิงไม่ได้เดินเข้าไปข้างหน้าแม้แต่ครึ่งก้าว เพียงแต่จึปาก กลับไปยังบนต้นไม้ในป่า ซ่อนตัวอยู่ในใบไม้เก็บเสียงของตนเองอย่างระมัดระวัง แต่กลับเห็นกู้อ้าวเวยสะบัดเลือดที่เปื้อนในมือออกแล้วขมวดคิ้วเป็นปมแน่น นิ้วมือกำแน่น
ชุดสีอ่อนบนตัวตอนนี้เปื้อนไปด้วยคราบเลือด นางใช้มือข้างเดียวก็สามารถลากซ่านต้วนเฟิงที่เจ็บปวดรวดร้าวจนร่างกายบิดงอไปไว้ตรงหน้าของกู้เฉิง หลังจากนั้นก็เห็นเพียงขาสองข้างของกู้เฉิงที่กำลังสั่นสะท้านคุกเข่าลงพื้น แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาไปว่า“ท่านหมอทราบชีพจรทุกอย่างของเจ้าเป็นอย่างดี ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่มีวันลุกขึ้นยืนได้อีก”
“เจ้าทำอะไรกับเฟิงเอ๋อน่ะ”
“ข้าจะไม่ทำอะไรเขาอีกแล้ว ชีวิตของเขาข้าจะเก็บไว้”กู้อ้าวเวยค่อยๆหย่อนตัวลงมานั่งยองๆ ผิงชวนยกมือขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ แล้วตบบ่าของกู้เฉิงเบาๆ“ข้าจะมอบความลับเรื่องยาแห่งความอมตะกับเจ้า ให้เจ้าสมดั่งปรารถนา”
“เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้……”
“นี่เป็นตัวตนจริงๆของข้า ในเมื่อข้าเป็นหมอ การจะเป็นหรือตายมีข้าเป็นคนกำหนด ช่วยชีวิตคนนั่นเป็นเพราะข้ายินดีทำ ฆ่าคนก็เป็นเรื่องที่ข้ายินดีที่จะทำมันเช่นกัน ตอนนั้นพวกเจ้าได้มอบชีวิตของพวกเจ้าให้ข้าเอง”กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา แล้วนำยาละลายกับน้ำ แทบจะบีบจมูกของกู้เฉิงแล้วป้อนเขา แล้วจึงลุกยืนขึ้น มองไปยังผิงชวนกับอาจื่อ“พวกเจ้าช่วยไปส่งสองคนนี้กลับเทียนเหยียนด้วย”
ผิงชวนยกมือขึ้นแล้วดึงอาจื่อที่ตกตะลึงไปไว้ข้างหลังของตนเอง สายตาเย็นชา“เจ้าไม่เคยบอกว่าคนของตำบลเหยสุ่ยจะมา ฉีหรัวบอกให้พวกข้าหนีไป”
“อยากจะหลอกศัตรูให้ได้ ก่อนอื่นต้องโกหกคนของตนเองให้ได้ก่อน พวกเจ้าในตอนนั้นชื่นชอบข้ามากขนาดไหน มาวันนี้เห็นธาตุแท้ของข้าแล้วก็ควรที่จะเกลียดข้า”กู้อ้าวเวยถอดเสื้อตัวนอกที่เปื้อนเลือด หยิบเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินครามที่เรียบง่ายมากขึ้นมาสวมต่อหน้าซูพ่านเอ๋อ กระโดดขึ้นไปบนรถม้าดึงเชือกไว้“ข้ากับท่านแม่ จะไปพบกันที่จวนเมิ่ง”
เสียงฝีเท้าของม้าดังขึ้น ในตอนที่กู้อ้าวเวยจากไปไม่ได้เห็นนัยน์ตาหวาดกลัวของผิงชวนและอาจื่อ
เห็นเพียงแค่สายตาโกรธเกลียด ใบหน้าที่ดูแก่ลงไปเยอะมาก ยกยิ้มตรงมุมปากขึ้น“กรรมย่อมคืนสนอง”
สายตาอันไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวของกู้เฉิงแทบจะมอดดับลงเพราะสี่คำนี้
ซ่านต้วนเฟิงที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานจนเหงื่อเต็มศีรษะ ดวงตาของตอนนี้ลืมไม่ขึ้นแล้ว
ผิงชวนเดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงลากเขาขึ้นมา พยายามไม่ไปดูเลือดที่สาดกระเซ็นเต็มพื้น และก็ไม่อยากมองเขาที่ถูกตัดเส้นเอ็นประสาทของเขา เขาใช้สายตาอันเย็นชา“ที่เจ้าได้รับคือกรรมที่เจ้าก่อไว้”
“ฮ่องเต้คนนั้นไม่ควรได้รับกรรมที่ก่อหรือ?”ลำคอของกู้เฉิงบีบเค้นเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“ถ้าหากไม่มีเขา วันนี้ก็คงไม่มีเรื่องพวกนี้ ……คนที่สมควรตายที่สุด ไม่ควรจะเป็นเขาหรือ?”
ผิงชวนกับอาจื่อพยายามรักษาความเงียบ ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ควรตอบอย่างไร
และคนที่หลบซ่อนอยู่บนต้นไม้ก็จากไปอย่างไม่ส่งเสียงใดๆ กลับไปยังเทียนเหยียน
แต่รถม้าของกู้อ้าวเวยเดินทางไปไกลแล้ว จนกระทั่งเวลาพระอาทิตย์ตก พวกนางไม่เห็นแม้กระทั่งร่องรอยของเขาหยินซาน สายตาเหลือไว้เพียงแค่กิ่งไม้และหุบเขาอันไกลโพ้นออกไป ในหูมีเสียงของสัตว์โหยหวนลอดผ่านเข้ามาในโสตประสาท แม้แต่ลมของฤดูใบไม้ร่วงพาดผ่านหางตายังมีความรู้สึกถูกเงาขยายครอบคลุมไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
เคยคุ้นชินกับการท่องป่าลำเนาไพร ถึงแม้ว่านางจะไม่ล่าสัตว์หรือจุดไฟเผา
แต่สามารถพาซูพ่านเอ๋อไปหาถ้ำที่หลบภัยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร หุบเขาที่ใกล้แคว้นเทียนเหยียนน้อยใหญ่เรียงรายต่อกันต่างเต็มไปด้วยหมู่บ้าน และชาวบ้านก็มักจะขุดหลุมทำกับดักไว้เพื่อล่าสัตว์ในยามค่ำคืนอยู่เป็นปกติ แต่ก็ไม่ได้จะใช้เวลาไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเพื่อกลับไป
ภายในถ้ำเล็กแคบนั้นมีที่ว่างพอสำหรับคนสองคนอยู่อย่างสบายๆ
ซูพ่านเอ๋อกอดเข่าอยู่ในถ้ำลึก ทำได้เพียงแค่ใช้ไฟจุดคบเพลิงขึ้นมาให้มีแสงไฟสว่างอยู่ในถ้ำแคบ เสียงม้าเคี้ยวหญ้าของม้าที่กำลังหาอะไรกินอยู่ข้างนอกดังขึ้นมา กู้อ้าวเวยทำเพียงแค่ใช้ใบไม้ขนาดใหญ่เพื่อมาปิดที่บริเวณปากถ้ำ
แบ่งคุ้กกี้ให้ซูพ่านเอ๋อครึ่งหนึ่ง กู้อ้าวเวยเตือน“ตลอดทาง อย่าก่อเรื่องให้ข้าเป็นอันขาด”
“พวกเราควรที่จะ……”
“กลับไปไม่ได้แล้ว นอกเสียจากว่าจะตามหาเมี่ยวหารเจอ ข้าไม่มีจุดประสงค์อื่น”กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างเยือกเย็น ในสมองมีสีหน้าอันเคร่งขรึมของซ่านจินจื๋อแวบผ่านเข้ามา ราวกับเขากำลังย้ำเตือนให้นางอย่าทำเรื่องอันตรายอะไรอีกเป็นอันขาด หรือไปจากข้างกายเชา
ซูพ่านเอ๋อบิดชุดกระโปรงไปมา“เจ้าไม่เคยคิดถึงซ่านจินจื๋อเลยหรอ?”
“เป็นข้าเองแหละที่บอกให้เขารับหน้าที่ของท่านอ๋อง”แทบจะพูดออกไปทั้งหมด คำพูดที่จำได้อย่างชัดเจน
ถ้าหากเป็นไปได้ นางยิ่งหวังให้ซ่านจินจื๋อสามารถปัดกวาดทุกอย่างออกไปแล้วมายืนอยู่ข้างหน้าของนาง
แม้ว่าจะเพียงเพื่อเรียกนางเวยเอ๋อสักคำก็ยังดี
ทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิด พิษที่เหมือนกับมีมีดมากรีดไปทั่วทุกอณูผิวของนางแทบจะเต็มไปด้วยร่องรอยสีดำ หัวใจที่อยู่ตรงอกเต้นรัวแรงอย่างผิดปกติ ทุกวันในตอนที่นางจะตื่นนางต้องใช้เวลามากถึงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้
แม้แต่กู้เฉิงในวันนี้ที่ใช้มีดแทบกรีดลงไปถึงกระดูก กระทั่งนางยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดยากมาก
ความเป็นอมตะที่ว่ามานั้น เป็นเพียงแค่สิ่งที่ต้องใช้พิษแลกกับชีวิตมา ไม่มียาถอนพิษที่จะสามารถแก้ออกไปได้ทั้งหมดจริงๆ สิ่งที่กำลังรอนางอยู่มีเพียงความตายเท่านั้น เป็นร่างไร้วิญญาณที่เปลี่ยนแปลงไปจนจำไม่ได้
“เจ้าเอาเขามาเป็นของเล่นอย่างนั้นหรือ ที่จะทิ้งก็ทิ้งน่ะ?เจ้าไม่เคยคิดถึงเรื่องที่เขาไม่อาจทนได้แม้แต่วันเดียวที่ต้องจากเจ้าไปหือ เพราะว่ารักจนอยากจะฆ่าเจ้าให้ตายน่ะหรือ?‘’ซูพ่านเอ๋อเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน
“นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วนิ่”ใบหน้าของกู้อ้าวเวยถูกแสงจากไฟส่องสว่าง พูดเองเออเองขึ้นมา“ถ้าหากข้าอดทนอีกสักนิด ก็จะไม่มีวันจากไปแล้ว”