บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 82
ตอนที่ 82 ห้ามอยู่ห่างแม้แต่เพียงก้าวเดียว
เมี่ยวหารย้ายตัวเองกลับมานั่งตำแหน่งเดิม
“พี่กู้ บาดแผลของเจ้า……..” เมื่อซูพ่านเอ๋อเห็นนางกำลังเช็ดคราบเลือดบนมือของตัวเอง ก็ได้ขยับตัวเองไปในอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อทันที
“ไม่เป็นไร เพียงแค่พิษของโหวเซ่อยังไม่หมด และก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปโดนบาดแผลจนอาการกำเริบตั้งแต่ตอนไหน ข้าคิดว่า น่าจะเป็นเพราะซองบุหงาที่อยู่บนตัวของแม่นางซู ในนั้นต้องมีของที่ทำให้จิตใจผ่อนคลายบางอย่างอยู่อย่างแน่นอน” กู้อ้าวเวยหันไปมองอย่างช้าๆ แต่นางกลับคิดอะไรขึ้นมาได้ในใจ สมุนไพรชนิดนี้มีผลกระทบที่เชื่อมต่อกัน เพียงแต่สิ่งไหนกันที่เกิดแรงต้านทานกันและกัน จนส่งผลให้พิษกำเริบออกมาอีกครั้งกัน?
“ทำไมพี่กู้ถึงได้มาโทษข้าละ?” ซูพ่านเอ๋อดวงตาแดงกร่ำขึ้นมาทันใด
ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงแค่โอบกอดนางไว้แน่น ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดกับกู้อ้าวเวยสักสองสามประโยคนั้น นางกลับหัวเราะออกมาเบาๆ: “ข้าไม่ได้โทษใคร เพียงแต่โทษตัวเองที่ไม่ระมัดระวังตัว”
ในขณะที่พูด นางก็ได้หลับตาลงพร้อมกับเอนกายพิงไปด้านข้างอีกครั้ง ราวกับต้องการงีบหลับไปชั่วครู่อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อไม่มีคำพูดใดดังขึ้นมาอีก ซูพ่านเอ๋อก็ได้อิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อด้วยความน่าสงสาร ซ่านจินจื๋อได้แต่พูดปลอบโยนนางเบาๆ กลับไม่ได้ตะโกนใส่กู้อ้าวเวยเหมือนเมื่อครั้งในอดีต เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูพ่านเอ๋อจึงเกิดความรู้สึกเหมือนไม่ยุติธรรม
แต่สำหรับกู้อ้าวเวย นางกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกในเวลานี้ ทำได้เพียงแค่อยู่เงียบๆเท่านั้น
เมื่อผ่านไปสักพัก ซ่านจินจื๋อจึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำๆว่า :“บ้านลอยน้ำให้อำนาจบังคับบัญชาแก่เซียวไห่ชั่วคราว เพียงแต่ปิดบังซ่อนเร้นเรื่องนี้ไว้เท่านั้น กองทัพเรือนั้นเข้มงวดมาก เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรละ? ”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ กู้อ้าวเวยจึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนพูดขึ้นด้วยท่าทางจนปัญญาว่า: “หาคนมาเป็นแพะรับบาป สังหารเพื่อเตือนไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ลูกหลานครอบครัวต่ำต้อยสนับสนุนการเลื่อนขั้นอย่างโจ่งแจ้ง ตำแหน่งที่เหลืออยู่ถูกส่งมอบให้แก่ลูกหลานของบุคคลสำคัญเหล่านั้นดูแลต่อไป ช่วยกันควบคุมกันและกัน”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า จากนั้นก็ลูบไปบนแขนของซูพ่านเอ๋อ :“นางมีประโยชน์ต่อข้าจริงๆ”
ซูพ่านเอ๋อกลับไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะยิ้มออกมา: “แม่นางพ่านเอ๋อไม่ต้องกังวลใจไปหรอกเพคะ ข้าไม่ได้สนใจตำแหน่งของพระชายาแต่อย่างใด เมื่อถึงเวลาสุกงอม ตำแหน่งนี้จะตกเป็นของเจ้า”
ซูพ่านเอ๋อแสดงความขุ่นเคืองขึ้นภายในใจ บัดนี้ซ่านจินจื๋อต้องช่วยนางพูด!
หรือคิดว่านางนั้นใจกว้างต่อตำแหน่งพระชายาเป็นอย่างมาก!
แต่น่าเสียดายที่นางยังไม่ทันแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองออกมาแต่อย่างใด รถม้าก็มาจอดนิ่งสนิทอยู่ตรงหน้าประตูตำหนักของหู้ปู้เซ่อหลางเรียบร้อยแล้ว เมื่อหู้ปู้เซ่อหลางเห็นกู้อ้าวเวยพุ่งมาข้างหน้าด้วยความร้อนใจ เขาจึงพูดขึ้นว่า : “พระชายา ลูกของกระหม่อมเข้าใจผิด ต่อไปกระหม่อมจะไม่ให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นอีกพะยะค่ะ!”
“หวังว่าเขาจะได้รับการสั่งสอนที่นานกว่านี้หน่อยนะ พาข้าเข้าไปเถอะ” กู้อ้าวเวยทอดถอนหายใจออกมา
หู้ปู้เซ่อหลางรักลูกมากเป็นพิเศษ ไม่นานก็มาถึงห้องของกว่างเสียนที่เขาพามา
กว่างเสียนกำลังขดตัวอยู่บนเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เสื้อสีขาวล้วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายซูบผอมจนเนื้อหนังหุ้มกระดูก กู้อ้าวเวยเบิดตากว้าง จากนั้นก็เดินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อหยิบยาเม็ดหนึ่งใส่ปากของเขา ก่อนจะป้อนน้ำเปล่าตามไป :“ใต้เท้า มีคนป้อนยาอะไรบางอย่างให้แก่องค์ชายกว่างเสียนหรือ?”
“พะยะค่ะ!ยุทธภพผู้หนึ่งเป็นคนนำยามา แล้วบอกว่าเป็นยาแก้พิษ เพียงแต่หลังจากที่ลูกชายของกระหม่อมกินเข้าไปก็พลันอาเจียนและท้องเสียในทันที และเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนทรวงอก ไม่มีคืนไหนที่นอนหลับสนิทเลยสักคืนเดียว!” หู้ปู้เซ่อหลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
กู้อ้าวเวยนึกนึกถึงกระเป๋าเงินที่หายไปในฐานะล่าสัตว์ในวันนั้นขึ้นมาได้
มียาแก้พิษของกว่างเสียนอยู่ในนั้น เพียงแค่สมุนไพรหายไปสองชนิดเท่านั้น หากต้องการกำจัดพิษ จำเป็นต้องต้มหมุนไพรทั้งสองอย่างพร้อมกัน ถึงจะได้ผล ไม่อย่างนั้น จะแสดงผลข้างเคียงขึ้นมาแทน
“แล้วยังมียาอีกไหม?” กู้อ้าวเวยนั่งลงบนปลายเตียง และทำได้เพียงแค่ปัดผมบนใบหน้าของกว่างเสียน แต่เมื่อเห็นดวงตาที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของเขาไร้แววตา ร่างทั้งร่างนิ่งเฉยเหม่อลอย ทำได้เพียงบีบเบาๆอยู่บนจุดฝังเข็มของเขาเท่านั้น
หู้ปู้เซ่อหลางจึงให้คนไปนำยามาในทันที กู้อ้าวเวยมองเพียงแวบเดียวก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
มีคนตั้งใจขโมยกระเป๋าเงินของนางอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็นำยานี้ออกมาใช้
นางไม่เคยเขียนใบสั่งยามาก่อน แต่ปกติแล้วนางจะพกใบสั่งยาติดตัวไว้เสมอถ้าไม่ใช่เพราะต้องได้ใช้อย่างแน่นอน นางจะพาติดตัวไปเผื่อๆเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบยาทั้งสองอย่างในใบสั่งยานี้ยังขาดสมุนไพรอยู่อีก 2 อย่าง
“ไม่สู้เท่าเชิญคุณหมอเมี่ยวหารมาดูเองดีกว่า?” กู้อ้าวเวยนำใบสั่งยาที่อยู่ในมือยื่นให้แก่เมี่ยวหาร ส่วนตัวเองนั้นก็ประคองกว่างเสียนขึ้นมา จากนั้นก็ดึงคอเสื้อของเขาออก นี่เป็นพิษที่สามารถคร่าชีวิตคนได้ ตอนนี้เขามีพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป บวกกับทานยาที่ยังปรุงไม่สมบูรณ์เข้าไปด้วย เขาต้องการเลือด
และนำคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกไป เมี่ยวหารมองไปทางใบสั่งยาที่อยู่ในมือ โดยที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดพลาด
ซูพ่านเอ๋อนั่งลงบนม้านั่ง พร้อมกับไอออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็ดึงชายเสื้อของซ่านจินจื๋อเล็กน้อย: “ท่านพี่จื๋อเพคะ พี่กู้กล้าหาญชาญชัยวางยาพิษบุตรชายของหู้ปู้เซ่อหลางเช่นนี้ ในช่วงแรกท่านและข้าก็ปฏิบัติเช่นนั้นต่อพี่กู้ พี่กู้จะไม่……….”
“ซูพ่านเอ๋อไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงแม้ว่าข้าจะให้นางดำรงตำแหน่งพระชายา แต่ก็ไม่มีทางให้นางทำตามอำเภอใจอย่างแน่นอน” ซ่านจินจื๋อยังคงปลอบใจต่อไป
ซูพ่านเอ๋อกุมผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ด้วยจิตใจที่หดหู่ยิ่งนัก
เมื่อรอไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง หู้ปู้เซ่อหลางจึงระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ในขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าไปตรงหน้า ก็ดันถูกเฉิงซานขวางไว้
เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน กู้อ้าวเวยก็เดินเข้าพร้อมกับเลือดชามหนึ่ง พร้อมกับมองไปทางแววตาของหู้ปู้เซ่อหลางด้วยสายตาเย็นชา: “หากองค์ชายกว่างเสียนยังคงแสดงความก้าวร้าวต่อไปอีกละก็ จะไม่ใช่เพียงแค่ความทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกแล้วนะเพคะ”
สีหน้าของหู้ปู้เซ่อหลางซีดเผือดทันใด
กู้อ้าวเวยนำเลือดวางลงบนมือของเขา ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำๆว่า: “จงจำไว้ ว่าอย่ารีบร้อนไปพบหมอมั่วๆอีก หากเจ้าไม่ให้ยาปลอมเม็ดนั้นแก่องค์ชายกว่างเสียนไว้ ก็คงจะไม่ต้องให้เลือดเช่นนี้ ”
“อะไรนะ…….ลูกของกระหม่อม!” ขาทั้งสองขาของหู้ปู้เซ่อหลางถึงกับอ่อนแรงลง และทำได้เพียงนำเลือดชามนั้นวางด้านข้าง ก่อนจะพุ่งเข้าไป
กู้อ้าวเวยนั่งลงด้านข้างโดยที่ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด ตาคมกริบของเฉิงซาน มองแค่เพียงผ้าที่พันอยู่บนคอของกู้อ้าวเวยได้กลายเป็นสีแดงไปทั้งส่วนหนึ่งแล้ว
ซ่านจินจื๋อย่อมมองเห็นอย่างแน่นอน กู้อ้าวเวยดื่มชาร้อนอึกหนึ่งก่อนพูดต่อไปว่า : “ท่านอ๋อง ข้าต้องกลับไปล้างพิษ คงอยู่ได้ไม่นาน”
ในขณะที่พูด นางก็ได้วิ่งออกจากตำหนักของหู้ปู้เซ่อหลางแห่งนี้ไปอย่างรีบร้อน เมื่อกลับมาถึงร้านยาเหย้า ก็ปิดประตูลงกลอนสนิทไม่พบเจอใครมาสองวันเต็ม
หลังจากสองวันผ่านไป ในตอนที่ฉีหรัวพาซ่านจินจื๋อเดินเข้าไปนั้น นางกำลังนั่งทานข้าวอยู่ในมุมห้องครัวด้วยผมเพล้าที่ยุ่งเหยิงอยู่ ฉีหรัวถูกนางข่มขู่จนเกิดอาการหวาดกลัวราวกับหมาจรตรอก กู้อ้าวเวยหิวเจียนตาย จึงไม่ได้สนใจคนทั้งสองแต่อย่างใด นอกจากจัดการอาหารที่อยู่ในชามนั้นจนสะอาดเกลี้ยงเกลาเท่านั้น หลังจากนั้นนางก็ยืนขึ้น :“ล้างพิษเสร็จแล้ว ถึงเวลาอ่านหนังสือต่อแล้ว”
หลังจากที่ฉีหรัวเห็นซ่านจินจื๋อที่มีใบหน้าหมองคล้ำยืนอยู่ด้านหลัง นางจึงรีบพุ่งไปข้างหน้าแล้วดึงข้อมือของกู้อ้าวเวยไว้: “ดูเจ้าสิ ผอมอย่างกับอะไรดี ที่ท่านอ๋องมาในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้เจ้ากลับตำหนัก รีบไปแต่งตัวสิ”
“กลับตำหนัก?” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่วายใช้มือสางผมด้วยจิตใต้สำนึก นางมองไปทางซ่านจินจื๋อ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างจนปัญญาว่า: “ท่านอ๋อง หรือว่าท่านชอบข้าเข้าซะแล้ว?”
“ใช่” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าของนาง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า :“ในเมื่อข้าตัดสินใจจะใช้เจ้าแล้ว ก็ไม่สามารถให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว”
ความคิดของซ่านจินจื๋อ มักจะน่ากลัวเช่นนี้เสมอ
ในตอนที่รอให้กู้อ้าวเวยแสดงปฏิกิริยาตอบสนองกลับมานั้น นางได้ถูกดันตัวเข้าไปในรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนชายชุดดำก่อนหน้านั้นก็นั่งอยู่ข้างกายของนาง และใช้เพียงแค่ดวงตาดุจหยกคู่นั้นจ้องเขม็งมาทางนาง: “หลังจากนี้ ห้ามอยู่ห่างจากพระชายาแม้แต่เพียงก้าวเดียว