บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 824
บทที่ 824 ยังไงก็ไม่ใช่เจ้า
ตงฟางซวนเอ๋อก็หัวเราะทันที เทเหล้าให้ซ่านจินจื๋อด้วยรอยยิ้มจนตาโค้งเป็นเสี้ยวดวงจันทร์
ใต้เท้าภายในงานเลี้ยงสีหน้าต่างเรียบเฉยขึ้นมา มีคนไม่น้อยมองไปที่ฮองเฮาตงฟางคนนั้น ตระกูลซู๋ซึ่งเป็นตระกูลของอดีตฮองเฮายังอยากจะทวงความยุติธรรม แต่เวลาหลายเดือน ฮองเฮาตงฟางใช้ตำแหน่งฮองเฮาคนใหม่ประคับประคองขึ้นไปโดยไม่มีอะไรกัดขวาง และตระกูลซู๋กลับถูกกดลงไปเรื่อยๆ
ตอนนี้เห็นตงฟางซวนเอ๋อนั่งข้างซ่านจินจื๋อ ในใจก็รู้สึกทันที เพราะความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอยู่ที่นี่ ดังนั้นอ๋องจิ้งช่วยจัดการเรื่องราชการ ก็จึงปล่อยให้ฮองเฮาตงฟางทำอะไรตามอำเภอใจ
ขุนนางต่างมองออก จึงไม่ส่งลูกสาวตัวเองขึ้นไปดีกว่า
ซ่านเชียนหยวนจะไม่เข้าใจความรู้สึกขุนนางพวกนี้ได้อย่างไร พอครุ่นคิดแล้ว ก็ลุกขึ้นยกสองมือประกบกันตรงหน้าพูดว่า: “ฮองเฮา ลูกมีเรื่อง”
ฮองเฮาตงฟางมองเขาด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด นางพยักหน้าเบาๆ
“เสด็จแม่พักอยู่อารามไป๋หม่าอยู่นาน ไม่งั้นให้ลูกไปรับเสด็จแม่กลับมาไหมครับ?” ซ่านเชียนหยวนพูดตามความจริงจากใจล้วนๆ การเป็นท่านอ๋องที่ไร้ประโยชน์ ในสถานการณ์ตอนนี้พูดถึงเรื่องนี้ก็สมเหตุสมผล ขุนนางข้างๆต่างก็พยักหน้ากันยกใหญ่
เป็นคำขอที่ง่ายดายมาก ตงฟางฮงเฮากลับแสยะยิ้ม และพูดว่า: “น้องเสียนเฟยออกไปนานมากจริงๆ แต่ช่วงนี้ข้าได้ยินว่าน้องเสียนเฟยตอนฤดูร้อนป่วยเป็นโรคระบาด ช่วงนี้พึ่งหายดี แต่ถ้าจะรับกลับวังเลย ก็อาจจะอันตรายไปหน่อยนะ”
พอได้ยินโรคระบาดคำนี้ พวกสนมต่างมีสีหน้าสะอิดสะเอียนทันที และพวกขุนนางก็ต่างคิดเรื่องในใจต่างๆนาๆ
ซ่านเชียนหยวนกลับมีสีหน้าที่กังวลอย่างมาก: “งั้นไม่รู้ว่าลูก……”
“ตอนนี้องค์ชายของฝ่าบาทมีน้อย อ๋องจงผิงต้องคิดเผื่อทั่วใต้หล้าด้วยนะ น้องเสียนเฟยตอนนี้ ข้าสั่งคนไปดูแลเป็นอย่างดีแล้ว” ฮองเฮาตงฟางพูดแทรกคำพูดซ่านเชียนหยวนอย่างเร็ว และปัดมือพูดว่า: “แต่พวกน้องๆในวังที่มาใหม่……”
พอเห็นว่าฮองเฮาตงฟางชักสีหน้า ไม่พูดเรื่องนี้อีก
ซ่านเชียนหยวนจึงต้องกลับไปนั่งประจำที่เดิมเงียบๆ ยังไม่ได้คิดอะไร ลูกสาวของพวกขุนนางก็ขึ้นไปแสดงความสามารถทีละคน พอทุกอย่างจบแล้ว ฮองเฮาตงฟางสายตาของนางก็มองไปที่ซ่านเชียนหยวนใหม่อีกครั้ง: “อ๋องจงผิงตอนนี้กำลังเป็นหนุ่ม ในจวนไม่มีคนดูแลได้อย่างไรกันเล่า”
“ลูกยังดีทุกอย่างครับ” ซ่านเชียนหยวนตกใจ รีบพูดปัดมือ
ฮองเฮาตงฟางปิดปากหัวเราะเสียงเบา พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า: “อ๋องจงผิงยังคงมีนิสัยเด็ก ข้าเห็นว่าวันนี้มีลูกสาวขุนนางมากันเยอะมาก เจ้าลองดูเองสิ”
ซ่านเชียนหยวนเขินอายไปหมด ทำไมถึงกลายเป็นเขาเลือกคนล่ะ?
แต่พอได้ยินฮองเฮาพูดแบบนี้ สายตาขุนนางข้างๆหลายคนก็ต่างเปล่งประกายขึ้นมาทันที!
แม่ของประเทศคงเป็นไม่ได้แล้ว ปรองดองกับอ๋องจงผิงที่สนิทกับอ๋องจิ้งก็ยังดี ต่อไปแม้จะเดินทางไปพื้นที่ที่ฝ่าบาทพระราชทาน นั่นก็ยังมีอำนาจที่ใหญ่อยู่ ยังไงก็ยังได้เป็นถึงพระชายา พอคิดแบบนี้แล้ว พวกขุนนางก็ยิ้มหวานและส่งลูกสาวตัวเองไป
ซ่านเชียนหยวนถูกมัดมือชก รีบปฏิเสธไม่ทัน วุ่นวายจนเหงื่อแตกไปหมด
ซ่านจินจื๋อข้างๆที่ควรจะนั่งดูแต่กลับยกเหล้าขึ้นซด มองหลิ่วเอ๋ออยู่ตรงมุมที่ตอนนี้ชักสีหน้าจนหน้าบูดหน้าเบี้ยวไปหมด และก้มหน้าลง วางแก้วเหล้าไว้บนโต๊ะ พูดกับตงฟางซวนเอ๋อข้างๆว่า: “ได้ยินว่าเจ้าเป็นหญิงมากความสามารถของเมืองเทียนเหยียน?”
“แม้ผู้น้อยจะมีความสามารถล้นเหลือ ก็มิอาจเข้าสายตาของท่านได้” ตงฟางซวนเอ๋อปิดปากหัวเราะเสียงเบา มืออีกข้างวางไว้ที่ไหล่ซ่านจินจื๋อเบาๆ ไม่อายสายตาทุกผู้ที่มองมา ครึ่งตัวของนางแทบจะแนบชิดเขาแล้ว: “แม้หัวใจท่านจะมีคนอื่นอยู่แล้ว แต่ในวังไม่ใช่ที่หารักแท้หรอก ได้ข้าแล้ว สิ่งที่ท่านอยากได้ทั้งหมดก็จะได้ในพริบตาเลยเจ้าค่ะ”
ซ่านจินจื๋อไม่ได้ปฏิเสธ แต่พอได้ยินน้ำหอมดอกไม้หวานของนาง เขาก็รู้สึกคันจมูกมาก โดยเฉพาะสายตาแหลมคมดุจเหยี่ยวตรงหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอกมาก เจ้าเล่ห์หาที่เปรียบมิได้
“เจ้าทำให้ข้าสนใจได้เก่งจริง”
“ก็ต้องมีคนสอนข้าอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นพระชายาจิ้งดื้อรั้นมากกว่าข้ามาก วันนี้ไม่รู้ว่าซวนเอ๋อจะเรียนรู้ได้หรือไม่……” พูดมาแบบนี้แล้ว ตงฟางซวนเอ๋อออกห่างจากตัวเขาด้วยเนื้อตัวที่อ่อนปวกเปียก และขยับเข้าใกล้แก้วเหล้าที่เขาเคยดื่มหนึ่งคำ ปากสกิดโดนนิดหน่อย ดูแล้วชวนหลงใหลยิ่งนัก
ซ่านจินจื๋อเส้นเลือดบนขมับแทบจะระเบิดออกมา ตอนนี้เขาแค่พยายามบังคับตัวเองให้อดทนไว้เท่านั้น ใช้เสียงที่มีแต่สองคนได้ยินเท่านั้นเตือนไปว่า: “เจ้ากับนางยังไงก็ต่างกัน”
“แต่ตัวข้ามีประโยชน์มากกว่านาง ขอแค่ข้าเป็นภรรยาเอกของท่าน ก็จะดีไปพร้อมท่านและเสียไปพร้อมท่านเช่นกัน” ตงฟางซวนเอ๋อหัวเราะเบาๆ: “ข้าต้องอ่อนโยนมากกว่าซูพ่านเอ๋อ และฉลาดมากกว่ากู้อ้าวเวย ในวังนี้ข้าก็คิดสิ่งไหนได้สิ่งนั้น ท่านมีเหตุผลอะไรที่ไม่เลือกซวนเอ๋อ?”
ตงฟางซวนเอ๋อเงยหน้านิดๆก็ดูคล้ายกู้อ้าวเวยอยู่หน่อย
และเขาไม่รู้ว่าฮองเฮาตงฟางฝึกสอนหลานสาวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ขนาดมือเท้าคางยังเลียนแบบได้เหมือนแบบนี้ และยังกระพริบตาอีก แต่กลับไม่พูดอะไรเลยสักคำ
เหมือนมากจริงๆ
ซ่านจินจื๋อนวดขมับอย่างปวดหัว และพูดอย่างโมโหว่า: “เจ้าไม่ใช่นาง”
“แต่นางเป็นคนเจ้าชู้” ตงฟางซวนเอ๋อเรียนแบบซูพ่านเอ๋อที่อ่อยและพูดเบะปาก มืออีกข้างยังแตะไปแตะมาบนโต๊ะ เหมือนท่าทางกู้อ้าวเวยมาก
ซ่านจินจื๋อนึกถึงหนังสือเมื่อวาน ในนั้นเขียนเกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลหยูนทิ้งคนอื่นไป แต่วันนี้พอมาเจอตงฟางซวนเอ๋อตรงหน้าก็ไม่เหมือนผู้หญิงโง่ แต่ว่า……
ยังไงก็ไม่ใช่กู้อ้าวเวย
“นางเจ้าชู้ก็ปล่อยนางเจ้าชู้ไป นางเป็นแม่ของลูกข้า และยังเป็นคนรักของข้าอีก” ซ่านจินจื๋อสะปัดแขนเสื้อลุกขึ้นยืน สุดท้ายก็ไม่อยากอดทนต่อไป และดึงตัวซ่านเชียนหยวนข้างๆลุกขึ้นมาอีก มองขุนนางรอบๆด้วยสีหน้าที่เย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า: “เขามีคนในใจแล้ว และไม่คิดจะมีคนอื่นอีก”
ขุนนางคนอื่นๆต่างหลบสายตากันไปหมด ซ่านเชียนหยวนกลับมองซ่านจินจื๋ออย่างอึ้ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร ซ่านจินจื๋อก็พาเขาไปตรงหน้าตงฟางฮองเฮาและยกมือสองข้างขึ้น จากนั้นก็เดินออกไปทันที
ซ่านเชียนหยวนจึงยิ้มแห้งบอกพวกขุนนางว่าพวกเขาอาหลานเริ่มเมาแล้ว
งานเลี้ยงดีๆก็ต้องจบลงอย่างไม่สวย แต่น่าเสียดายอาหลานทั้งสองยังเดินออกไปไม่ไกลมาก ตงฟางซวนเอ๋อก็รีบวิ่งตามออกมา วิ่งแค่ไม่กี่ก้าวก็หายใจหอบและยังเอามือขึ้นลูบอก กระทืบเท้าเบาๆและพูดว่า: “เจ้าออกไปตอนนี้ ก็แปลว่าไม่เอาชีวิตของนางแล้ว!”
“ข้าก็แต่งงานกับเจ้าก็ได้” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างเย็นชา มองนางด้วยสายตาเยือกเย็น: “ในเมื่อเจ้าเอาชีวิตครึ่งหลังของเจ้ามาพนันว่าข้าจะได้เป็นราชาต่อไปในภายภาคหน้า ก็ตกลงงานแต่งนี้ทันที”
ตงฟางซวนเอ๋อกำหมัดแน่นพูดว่า: “ตำแหน่งราชานี้ ยังไงก็ต้องเป็นของเจ้า”
“หัวใจของข้า ยังไงก็ไม่ใช่ของเจ้า” ซ่านจินจื๋อชี้ไปตรงหัวใจตัวเอง และเดินจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก
สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อซีดเผือกทันที สุดท้ายสายตากลับเด็ดขาดขึ้น
แคว้นชางหลานมีลูกสาวขุนนางมากมายอยากจะขึ้นมาเป็นหงส์ แต่ซ่านจินจื๋อตกลงงานแต่งนี้แล้ว ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป