บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 830
บทที่ 830 ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ได้ใจคน
ได้ฟังที่โม่ซานเล่ามาแล้ว กู้อ้าวเวยก็นอนไม่หลับ
กลิ่นยาพิษที่เตะเข้าจมูกตอนนี้เหมือนยาฝิ่น ทำให้นางอยากจะสูดดมเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดภายใน แม้จะนั่งบนเถาวัลย์ที่สูงนี้ นางก็อดไม่ได้สูดดมลงไป มืออีกข้างก็ถูกเชือกบนข้อมือ ใบหน้ารู้สึกเย็นเฉียบมาก
ด้านนั้นซูพ่านเอ๋อนอนขดตัวอบู่ตรงมุมไปแล้ว กู้อ้าวเวยมองนางด้วยสายตาที่เย็นชา ต่อมาก็เก็บสายตา และมองไปที่โม่ซานที่ลืมตาขึ้นอย่างไม่เข้าใจ: “เจ้าอยากจะฆ่านาง?”
“เจ้ารู้เหรอ?” กู้อ้าวเวยยิ้ม แกว่งขาบนเถาวัลย์นั้น
“ทำไมไม่ลงมือเลยล่ะ? ก็เพื่อนำตัวนางกลับไปไถ่โทษกับอ๋องจิ้งงั้นเหรอ?” โม่ซานที่เป็นคนเร่ร่อนไปทั่ว ก็รู้สึกน่าขำสิ้นดี
“คนทั้งชีวิตนี้ต่างมีเป้าหมาย ข้าแค่อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา มีอะไรไม่ได้?” กู้อ้าวเวยกลับมองนางด้วยรอยยิ้ม: “โม่อีเก็บซ่อนไว้ลึกเช่นนี้ ตอนนี้กลับเพื่อข้าคนเดียว ขนาดน้องสาวเขาก็ยังใช้แล้ว เป็นแบบนี้แล้ว เขาก็ยังอยากเอาสิ่งที่ดีที่สุดมอบแก่ข้า”
โม่ซานกลอกตามองบน และนอนต่อ
ตอลดทั้งคืนไม่ได้หลับ กู้อ้าวเวยกลับคิดไม่ออก ใครกันรอตัวเองอยู่ที่หมู่บ้าน และใครที่แต่งเรื่องศพผู้หญิงสองคนให้เป็นตัวเองและซูพ่านเอ๋อกัน
เช้าวันต่อมา ฟ้ายังไม่สว่างมาก กู้อ้าวเวยก็ปลุกสองคนตื่น โม่ซานดึงซูพ่านเอ๋อที่สองขาหมดแรงไปหมดขึ้นมา กู้อ้าวเวยกลับแบกของเดินลัดผ่านป่าเล็กด้านหน้า ในป่านี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเข้ามา ในหุบเขาลึกเป็นที่เกิดของหญ้าพิษในเถาวัลย์ อีกด้านก็คือป่าทึบที่ไม่มีแสงเลย มีทางเดียวคือด้านข้างภูเขายังมีลำธาร เดินไปเรื่อยๆก็ถึงที่นี่ เป็นความยากอยู่ระดับหนึ่ง
กู้อ้าวเวยใช้โอกาสนี้ขุดสมุนไพรเข้าไปในกล่องไม้ตัวเอง เดินไปจนกระทั่งถึงกลางวัน ถึงหาลำธารกว้างนี้เจอ ทั้งสามล้างหน้าล้างตา ก็เดินทางไปหมู่บ้านตามที่กู้อ้าวเวยวางแผนไว้ก่อนหน้า
แต่ยังเดินไปได้ไม่ไหล ซูพ่านเอ๋อก็ชี้กู้อ้าวเวยและกรีดร้องขึ้นมา: “เจ้า!”
โม่ซานดึกซูพ่านเอ๋อเดินไปข้างหน้าของกู้อ้าวเวย ตอนนี้พอถูกว่าแบบนี้แล้ว หันกลับไปดู ก็รู้สึกตกใจมากทีเดียว
ใบหน้าครึ่งซีกของนางมีเส้นเลือดแดงขึ้นมา ดวงตาก็เริ่มเปลี่ยนสี เป็นสีขาวหน่อยๆ สีหน้าซีดขาว เหมือนคนกำลังใกล้ตาย
“อย่าสนใจเลย ผลของการใช้ยาพิษมากเกินไป” กู้อ้าวเวยใช้ผ้าคลุมสีดำคลุมตัวเองไว้อีกครั้ง และเดินผ่านทั้งสองไป: “ท่าทางแบบนี้แล้ว แม้คนทางนั้นมาหาก็คงไม่รู้ว่าเป็นใคร”
โม่ซานก็ดึงซูพ่านเอ๋อไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ
หมู่บ้านในสิบเมตรก็เป็นแค่หมู่บ้านเล็กที่มีคนอาศัยยี่สิบกว่าคน โดยพื้นฐานก็คือมีชาวประมงสามตระกูลอยู่ที่นี่กัน เดินไปต่อตามทางภูเขาอีกยี่สิบห้าเมตร ก็จะมีเมืองเล็กๆ ปกติก็จะไปขายปลาที่นั่น
ตอนกลางวัน คนขายป่าก็กลับมากันแล้ว พอเห็นกู้อ้าวเวยสามคนอยากจะมาซื้อเรือ ชาวประมงก็ส่ายหน้าพูดว่า: “เรือที่นี่ของเราเอาไว้หาปลาเท่านั้น ไม่ขายหรอกนะ”
“ท่านเก็บเงินไว้ก่อน พรุ่งนี้พวกเรามาซื้อรถม้า ได้ไหม?” โม่ซานเป็นคนเร่ร่อน เจอเรื่องแบบนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็รีบเปลี่ยนคำพูด พูดอย่างง่ายดาย
ช่าวประมงถึงจะตอบตกลง ต่อมาก็จ่ายเงินไป และสั่งภรรยาตัวเองทำความสะอาดที่นอนให้สามคนเข้าพักอาศัย กู้อ้าวเวยสวมผ้าคลุมสีดำไว้ตลอดเวลา ผู้หญิงด้านข้างต่างพากันซุบซิบนินทา นางก็ไม่ได้โกรธอะไร ตามโม่ซานเข้าลานไป ได้ยินโม่ซานพูดกับยายและชาวประมง ก็ยกมือขึ้นมัดมือซูพ่านเอ๋อไว้ กันไม่ให้นางหนีไป
ผ่านไปสักพักใหญ่ โม่ซานก็เอาอาหารสามคนเข้ามา ก็เป็นแค่หมั่นโถวและผักธรรมดา และพูดว่า: “ก่อนหน้านี้มีทหารมาที่นี่ เหมือนจะตามหาเจ้า”
“ตอนนี้ใบหน้าแบบนี้แล้ว แม้รูปจะวาดเหมือนไหนก็หาไม่เจอหรอก” กู้อ้าวเวยดึงผ้าคลุม หยิบหมั่นโถวขึ้นมากิน และพูดต่อว่า: “ถ้าพวกเราเดินทางพื้นไปที่ด้านลั่วสุ่ยละก็ น่าจะอันตรายมาก ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงสามคนเดินทาง ระหว่างทางอาจจะเจอโจร เดี๋ยวคงต้องซื้อเสื้อผ้าผู้ชายไว้อีก”
โม่ซานก็พยักหน้า และพูดว่า: “ใช่สิ ข้าได้ยินข่าวว่า อ๋องจิ้งกับอ๋องจงผิงเหมือนจะได้แต่งงานกับตระกูลตงฟางและตระกูลเมิ่ง”
กู้อ้าวเวยชะงักทันที ต่อมาก็เงียบลง: “ดูแล้วฝ่าบาทอยากจะให้เขาขึ้นครองราชย์จริงๆ ประการแรกก็คือ เพื่อหาคู่ที่เหมาะสมกับนาง หนึ่งถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ก็เพื่อให้ข้าตายใจไป สองถ้าข้าตาย อนาคตฝ่าบาทก็จะได้มีผู้หญิงที่ใช้การได้หลายคน”
โม่ซานอ้าปากค้าง สุดท้ายก็พูดว่า: “เจ้าไม่หึ่งเลยเหรอ?”
“ข้าไม่ดีใจอยู่แล้ว แต่ในมือเขายังกำชีวิตแม่ข้าไว้อยู่ ซ่านจินจื๋อจึงต้องตกลงไป แม่ข้าถึงจะได้มีชิวิตรอด” กู้อ้าวเวยพูดเสียงเบา รู้สึกเจ็บที่หัวใจ
ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องไม่จริง แต่นางก็เสียใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา อาการจุกอกพูดไม่ออกเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกทั่วร่าง ทำเอานางรู้สึกเพลีย
“จะยอมอยู่ที่เดียวทำไมกัน พี่ชายข้าก่อนหน้านี้ก็เคยพูดถึงเจ้า บอกว่าอ๋องจิ้งไม่คู่ควรกับเจ้า” โม่ซานก็อดไม่ได้
“คนทั้งชีวิตนี้มีหัวใจดวงเดียว ให้ได้แค่คนเดียวเท่านั้น เกิดเป็นเขา ตายก็เป็นเขา จะคู่ควรไม่คู่ควรได้อย่างไร? ถ้าเขานอกใจข้า หรือข้าต้องนอกใจเขาถึงจะนับว่าแก้แค้น?” กู้อ้าวเวยยัดหมั่นโถวเข้าปากด้วยความไม่พอใจ และไม่ลืมมองซูพ่านเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงมุม ถามนางว่า: “เจ้าชอบพี่จื๋อ ยังจะรักเมี่ยวการได้เหรอ?”
ซูพ่านเอ๋อหลบตาอย่างรู้สึกผิด ไม่พูดอะไร
ตั้งแต่เริ่มนางก็เข้าใกล้กู้อ้าวเวยเพราะอำนาจ อยากจะกลายเป็นหงษ์ นางก็ไม่ใช่เด็กที่เกิดมาจากผู้หญิงในซ่องแล้ว และก็ไม่ใช่เครื่องมือไว้แก้แค้นฝ่าบาท
“ตั้งแต่เริ่มเจ้าก็แบ่งใจเป็นสองดวง หนึ่งคือหวังจะให้เมี่ยวหารช่วยเจ้าโดนไร้ข้อแม้ใดๆ อีกหนึ่งก็หวังจะได้ความรักความเอ็นดูจากซ่านจินจื๋อ แต่ตอนนี้ ชายทั้งสองคนทำกับเจ้ายังไง?” กู้อ้าวเวยยื่นมือไป จับคางนางขึ้นมาแน่น ปลายนิ้วมือกดลงไปบนแผลที่หน้านาง: “ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ได้ใจคน”
ดวงตาคู่นั้นที่เปลี่ยนเป็นสีเทาก็มองซูพ่านเอ๋อตัวสั่น
และโม่ซานที่มองทุกอย่างนี้ก็กลับวางถ้วยลง และจับแขนตัวเองที่ตอนนี้ขนลุกซู่ไปหมด——ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจัง
จนกระทั่ง ก็มีเสียงเล็กๆที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ข้าช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง วันนี้เจ้าต้องใช้อีกชีวิตมาชดใช้”