บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 841
บทที่ 841 หยูนซีหลิงเอ๋อร์
กลับยังตำหนักบรรทม
ซ่านจินจื๋อมองสำรวจหนึ่งรอบ พบว่าข้าวของไม่น้อยมีร่องรอยการถูกเคลื่อนย้ายอย่างที่คาดไว้จริงๆ ด้วย
ทว่าเขาต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอันใด ไม่ว่าเสด็จพี่จะให้ซ่านเชียนหยวนและฉีหรัวอยู่ในวัง หรือว่าส่งหยุนหว่านกลับเอ่อตาน กระทั่งวกไปวนมาไล่สังหารกู้อ้าวเวย ทุกอย่างนี้ฟังดูเหมือนหยั่งเชิงเขาอยู่
และถ้าหากต้องการทราบอย่างแน่ชัดว่าเสด็จพี่คิดอะไรอยู่กันแน่ อันดับแรกจำต้องเข้าใจถึงเรื่องราวระหว่างเขากับหยูนซีให้ปีนั้นเสียก่อย
ตอนเยาว์วัยเวลาส่วนใหญ่เขามักจะเติบโตอยู่ท่ามกลางป่าเขา รู้เรื่องระหว่างพี่ใหญ่กับหยูนซีน้อยมาก แต่ก็รู้ว่าหยูนซีคนนี้ไม่ใช่พวกสวยแต่รูปจูบไม่หอม เมื่อเทียบกับชื่อเสียงธิดาอสูรกับการใช้พิษของหยุนหว่านแล้ว หยูนซีเป็นคมในฝักยิ่งกว่า และมีทักษะทางการแพทย์โดดเด่นทัดเทียมกับกู้อ้าวเวยมิปาน ทว่าวันเวลาส่วนใหญ่จะเอาแต่สืบเสาะหาซากตำราหนังสือโบราณ
รอกระทั่งเขากลับมา ซ่านต้วนโฉงก็ได้นั่งบัลลังก์ฮ่องเต้แล้ว หยูนซีก็ถูกฝังตั้งแต่ต้น…
นึกถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อพลันขมวดคิ้วน้อยๆ คิดในใจว่า “ปีนั้นหยูนซีถูกฆ่า แล้วเอาศพไปไว้แห่งใดกันเล่า?”
คิดไปทวนมาล้วนไม่มีความทรงจำ วังหลวงอันใหญ่โตถึงแม้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับหยูนซี ทว่าขันทีนางในตั้งมากมายเพียงนี้ถึงกับไม่รู้เลยว่าหยูนซีฝังอยู่ที่ไหนกันแน่ และเรื่องราวเบื้องหลังนี้ก็เกี่ยวข้องกับไทเฮา…
นึกถึงจุดนี้ ซ่านจินจื๋อก็เรียกองครักษ์ต้องห้ามที่อยู่หน้าประตูเข้ามาเสียอย่างนั้น “ตอนนี้เสด็จพี่อยู่ที่ใด?”
“ฮ่องเต้เสด็จไปที่วังของฮองเฮาขอรับ” องครักษ์ต้องห้ามกล่าววาจาอย่างนบนอบ คล้ายกับไม่เข้าใจ
“รอจนกว่าเสด็จพี่กลับถึงห้องทรงงานแล้วค่อยบอกข้า บอกว่าข้าอยากพบท่านแม่เสียหน่อย”
“ขอรับ” องครักษ์ต้องห้ามรีบร้อนออกไป ทุกอณูภายในห้องบรรทมไม่มีใครคอยปรนนิบัติอีกต่อไป
ครึ่งชั่วยามให้หลัง ซ่านต้วนโฉงยังไม่มา ตรงกันข้ามหวางกงกงกลับรีบร้อนนำนางในหลายคนรุดเข้ามา ส่งอาหารเย็นให้พลางยิ้มพิมพ์ใจให้กับซ่านจินจื๋อ และกล่าวว่า “ฮ่องเต้ส่งบ่าวให้มาเรียนถาม เหตุใดจู่ๆ ท่านอ๋องถึงต้องการพบไทเฮาเหนียงเหนียงขึ้นมา?”
“ข้าก็แค่อยากรู้ความจริงในปีนั้น” ซ่านจินจื๋อยกแก้วน้ำพลางสำรวจหวางกงกงปราดหนึ่ง มือข้างที่ว่างเปล่าโบกเบาๆ แส้หางจามรีในมือหวางกงกงกลายเป็นสองท่อน ท่อนบนนั้นกลิ้งลงบนพื้น ดวงหน้านั้นก็มีรอยเลือดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเส้น
หวางกงกงคุกเข่าลงอย่างลุกลี้ลุกลน “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต ฮ่องเต้ให้บ่าวมาพูด”
“เหตุใดเสด็จพี่ไม่มาด้วยองค์เอง ถึงคราวให้บ่าวอย่างเจ้ามาพูดแทนตั้งแต่เมื่อใดกัน” แววตาของซ่านจินจื๋อยิ่งเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังเตรียมการเรื่องหยุนหว่านฮูหยินกลับแคว้นอยู่ขอรับ และยังอยู่ในนามของท่านด้วย ทว่าเรื่องราวมากมายนัก ยากจะปลีกตัวจริงๆ” หวางกงกงขบเค้นคำว่าหยุนหว่านอย่างไม่ตั้งใจอยู่ในที ในที่สุดซ่านจินจื๋อก็พับเก็บกลิ่นอายเย็นเยียบปานน้ำค้างแข็งรอบกายเอาไว้ พับเก็บแววตาเย็นชาคู่นั้น และรอคอยคำตอบอย่างเงียบสงบ
หวางกงกงคุกเข่าลงกับพื้น และปริปากเอ่ยตรงๆ “ระหว่างฮ่องเต้และไทเฮาเหนียงเหนียงไม่ได้มีช่องว่างต่อกัน ทว่าแม่นางหยูนซีกลับเป็นเหตุสุดวิสัยอย่างหนึ่ง และองค์หญิงหลิงเอ๋อร์อันที่จริงก็หาได้กำเนิดจากพระสนมไม่”
ซ่านจินจื๋อรับฟังอย่างแปลกประหลาด คราวนี้หวางกงกงถึงได้พูดขึ้นมาโดยละเอียด
ที่แท้ปีนั้นไม่เพียงแต่ไทเฮาที่ต้องการกำจัดพวกต่างพ้องโดยสังหารพระสนมและองค์ชายเหล่านั้นจนสิ้น ซ่านต้วนโฉงที่อายุยังน้อยก็มีความคิดนี้เช่นกัน นับดูแล้วก็น่าจะเป็นการร่วมมือดำเนินการของสองบุตรมารดาคู่นี้
แต่น่าเสียดายตอนนั้นซ่านต้วนโฉงมุ่งหมายใจจะปูเส้นทางเพื่อน้องชาย เนื่องจากมีแก่ใจหมายมั่น ตัดสินพระทัยตั้งแต่ต้นแล้วว่ารอจนกว่าจัดการทุกอย่างเสร็จจะไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวกับหยูนซี เป็นท่านอ๋องเตร็ดเตร่คนหนึ่ง ทว่าซ่านต้วนโฉงค่อยๆ เติบโต กระทั่งมีชายาเอกและชายารองของตน ส่วนหยูนซีก็หาได้ใส่ใจไม่ คิดว่าเขาจำใจต้องทำ ทั้งสองยังคงรักใคร่กันเช่นเดิม
แต่ว่าปีนั้นชายาเอกของซ่านต้วนโฉงกลับทำอะไรบางอย่าง ให้คนของบ้านมารดาไปปล่อยข่าวลือ บอกว่าหยูนซีกับซ่านต้วนโฉงไม่สมพงษ์กัน ฮ่องเต้องค์ก่อนมีเจตนาจับคู่หยูนซีกับองค์ชายองค์อื่น ซ่านต้วนโฉงหมายจะขัดขวางก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่ยืนยันความสัมพันธ์กับหยูนซีก่อน ทั้งยังบอกเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงทราบ ฮ่องเต้องค์ก่อนพิโรธจนกระอักเลือด ตั้งแต่คราวนี้ ก็พบว่าพระวรกายของฮ่องเต้องค์ก่อนเกิดการประชวร และแย่ลงเรื่อยๆ
“แล้วอย่างไร?” ซ่านจินจื๋อชักเริ่มหมดความอดทน
“ดังนั้นปีนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนทรงแคลงใจว่าฝ่าบาทกำลังคับแค้นใจ ดังนั้นจึงวางพิษแก่เขา ต้องการปิตุฆาตแย่งบัลลังก์ แต่เขาไม่เด็ดเดี่ยว ดังนั้นจึงขู่เอาท่านพ่อและท่านแม่ของแม่นางหยูนซีมาเพื่อข่มขู่ ให้แม่นางหยูนซีสืบสาวข้อเท็จจริงในโรงสุรา…”
ซ่านต้วนโฉงในปีนั้นทั้งดวงใจไม่ต้องการบัลลังก์ฮ่องเต้เลย แสดงความภักดีต่อหน้าหยูนซี ฝ่าบาทที่ฟังอยู่ด้านข้างก็พลอยโล่งใจ เพียงแต่ฝ่าบาทกลับพบว่าหยูนซีกำลังค้นหาวิธีแห่งความเป็นอมตะอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงไปรับหยูนซีเข้ามาในวัง ซ่านต้วนโฉงรู้ว่าฮ่องเต้องค์ก่อนนั้นต้องการให้หยูนซีสร้างยาอายุวัฒนะให้แก่ตน ภายในใจจึงเลี่ยงเป็นกังวลมิได้
แต่ทว่าต่อมา ตั้งแต่ต้นจนจบฝ่าบาทยังไม่สามารถรอจนหยูนซีไขความลับ ก็ทรงสิ้นพระชนม์เสียแล้ว
เวลานี้ บ้านมารดาของนางสนมองค์ชายก่อนหน้านี้แทบจะรวมกลุ่มกัน หมายจะสังหารพวกเขาสองบุตรมารดาให้ถึงแก่ความตาย ตอนนั้นหยูนซีกระทั่งออกอุบายให้แก่เขา ทั้งสองยังคงรักใคร่กัน ซ่านต้วนโฉงรู้ว่าตนนั้นจะต้องสืบทอดบัลลังก์อย่างแน่นอน ภายในใจกระทั่งมีความคิดจะแต่งตั้งหยูนซีขึ้นเป็นฮองเฮาเลยทีเดียว
ทว่าตอนนี้นั่นเอง ไทเฮาส่งคนไปไล่สังหารหยูนซีที่กำลังตั้งครรภ์
จากนั้นไทเฮาเข้าใจมาโดยตลอดว่าตนได้ฆ่าหยูนซีและลูกในท้องของนางไปแล้ว กลัวว่าฝ่าบาทจะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมเนื่องด้วยเรื่องนี้
“ดังนั้นในปีนั้นไทเฮาคิดจะรับท่านและองค์หญิงหลิงเอ๋อร์กลับมา เพื่อพันธนาการฝ่าบาท…”
“แล้วนี่มันเกี่ยวอันใดกับหลิงเอ๋อร์?” ซ่านจินจื๋อมุ่นคิ้ว
เดิมทีหวางกงกงคิดจะเล่าเรื่องของไทเฮาและฮ่องเต้ให้จบ เวลานี้ถูกถามแบบนี้เข้า จึงตบเข้าที่กระหม่อมหนึ่งฉาด “ต้องโทษบ่าวที่โง่เง่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ลืมบอกท่านมาโดยตลอด”
“องค์หญิงหลิงเอ๋อร์นั้นแม่นางหยูนซีเป็นผู้ให้กำเนิด อีกทั้งต่อมาด้วยเกรงว่าฮ่องเต้องค์ก่อนจะรู้เข้าว่าหยูนซีมีบุตรแล้ว คิดจะขู่นางให้ทดลองพิษของยาอายุยืนในปีนั้น ขณะเดียวกันก็กลัวว่าไทเฮาจะพิโรธฝ่าบาทด้วยเรื่องนี้ ดังนั้นฝ่าบาทจึงเปลี่ยนชันษาขององค์หญิงหลิงเอ๋อร์ บอกว่าเกิดจากนางอนุ” หวางกงกงกล่าวอย่างลนลาน เห็นซ่านจินจื๋อมีสีหน้าสงสัย จึงกล่าวอีก “เพราะองค์หญิงหลิงเอ๋อร์นั้นตาบอดโดยกำเนิด วัยเด็กก็เติบโตมากับแม่นางหยูนซี ดังนั้นจึงรู้เรื่องราวไม่น้อยมาจากทางด้านแม่นางหยูนซี…”
ตัวอย่างเช่นคนที่พวกเขาฆ่าและองค์ชายที่สังหารพวกเขา หยูนซีแทบจะเล่าทุกเรื่องให้หลิงเอ๋อร์ฟัง แต่เป็นห่วงว่าภายภาคหน้าซ่านต้วนโฉงกลายเป็นฮ่องเต้ ถ้าหากหลิงเอ๋อร์ไม่ต้องการถูกคนคอยบงการ ก็สามารถใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ไทเฮาได้
แต่น่าเสียดายทั้งสามต่างมีความคิดเป็นของตน ตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงฝ่าบาทที่หลงใหลในรัก
แต่ก็เป็นเพราะเช่นนี้เอง ไทเฮาทรงทราบว่าองค์หญิงหลิงเอ๋อร์เป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่ง จึงส่งนางไปไว้ข้างกายของซ่านจินจื๋อโดยใช้นามว่าเป็นการปกป้อง หนึ่งคืออยู่ห่างจากซ่านต้วนโฉง สองคือทำให้หยูนซีไม่มีหนทางบอกเล่าเรื่องราวมากกว่านี้ให้แก่หลิงเอ๋อร์ฟังอีก
สีหน้าของซ่านจินจื๋อพลันอึมครึมลงมา “หลิงเอ๋อร์รู้ว่าตนถูกหลอกใช้หรือไม่?”
“ตอนที่องค์หญิงหลิงเอ๋อร์จากไป ยังพูดกับบ่าวว่า เรื่องราวพวกนี้หาได้พูดออกมาเด็ดขาด แต่ปีนั้นแม่นางหยูนซีถูกฆ่าตาย ขณะที่ฝ่าบาทสืบทอดตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคิดจะเรียกตัวท่านและองค์หญิงหลิงเอ๋อร์กลับมานั้น กลับเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น” กล่าวถึงตรงนี้ หวางกงกงก็อดมองมือของซ่านจินจื๋อปราดหนึ่งไม่ได้
ปีนั้น น่าจะเพราะซูพ่านเอ๋อทำเพื่อตนถึงได้ทำร้ายองค์หญิงหลิงเอ๋อร์จนตาย
แต่ซ่านจินจื๋อในปีนั้นหลงในรักกับซูพ่านเอ๋อ เอาแต่ปกป้องซูพ่านเอ๋อเรื่อยมา เป็นเช่นนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าเขาคุ้มครองซูพ่านเอ๋อให้สังหารธิดาสุดที่รักของเสด็จพี่นั่นเอง
“อีกอย่าง ปีนั้นแม่นางหยูนซีได้ค้นพบความลับของความเป็นอมตะแล้ว ทั้งยั้งบอกมันแก่หลิงเอ๋อร์ด้วย ฝ่าบาทโศกเศร้าสิ้นหวัง แต่เห็นแก่ว่าบางทีหลิงเอ๋อร์อาจจะกับไปไขปริศนาข้อนี้ที่หลิ่งหนานตระกูลหยูนได้ ทางที่ดีนั้นคงสามารถทำให้แม่นางหยูนซีฟื้นจากความตายได้อีกครั้ง…” กล่าวถึงตรงนี้ หวางกงกงแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กล่าวเสียงต่ำ “ทว่าแม้แต่ความหวังครั้งสุดท้าย ก็ถูกท่านและซูพ่านเอ๋อตัดสะบั้นไป”
ซ่านจินจื๋อตัวแข็งทื่อ
เหตุใดปีนั้นองค์หญิงหลิงเอ๋อร์รู้จักถุงน้ำดีหงส์ที่มีแต่ในหน้าหนังสือเท่านั้น บางทีอาจเพราะหยูนซีบอกนางก็เป็นได้