บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 883
บทที่ 883 ทำความรู้จักกับเจ้าตัวแสบอีกครั้ง
รูม่านตาสีเทา รอยสักบนใบหน้าที่น่ากลัว แล้วบริเวณคอและแขนมีรอยสีเทาๆ ใบหน้าสีเทาๆ ม่วงๆ เหมือนคนตายไปแล้ว ริมฝีปากเองก็ถูกลมหนาวพัดโบกจนแห้งกร้าน มีแต่จมูกที่ยังคงแดงๆ อยู่
แต่บริเวณหัวคิ้ว ยังมีความคล้ายกับกู้อ้าวเวยอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่คนคนเดียวกัน
ข้างกายนางไม่มีหยุนอี้อยู่ด้วย ถ้าสังเกตมองดีๆ ปลายชุดกระโปรงจะมีลวดลายปัก ที่เป็นของตระกูลยู่ เป็นลวดลายที่ไม่เหมือนใคร
ฉีหลินรู้สึกว่านางและกู้อ้าวเวยเป็นคนละคนกัน ในใจก็โกรธที่อ๋องจิ้งไปรักคนอื่นใหม่ ตอนนี้มาเจอยู่ชีงที่ตลาด ก็มีใบหน้าไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปหาเรื่อง ได้แต่พูดยิ้มๆ ว่า “ข้าคือนายน้อยแห่งตระกูลฉี ชื่อว่า ฉีหลิน”
“ได้ยินชื่อมานาน” กู้อ้าวเวยก็ตอบไป พอเห็นเขายังไม่เดินออกไป ก็เลยถามว่า “คุณชายน้อยตระกูลฉี มีเรื่องอะไรให้ยู่ชีงช่วยเหลือหรือ?”
ฉีหลินครุ่นคิด แล้วมองไปทางร้านเหล้าด้านข้าง “ยู่ชีงเดินทางมาจากเย่นเจียงอย่างยากลำบาก คงยังไม่ได้ลิ้มลองอาหารของแคว้นชางหลานของเรา”
เดิมทีกู้อ้าวเวยอยากจะปฏิเสธ แต่ ฉีหลินรู้ว่าสายตาของนางนั้นไม่ดี แล้วก็จับนางดึงเข้าไปในร้านเหล้าด้านข้าง แล้วเลือกห้องหรูที่สุด แล้วสั่งคนไม่ต้องมาบริการ เนื่องจากมีคนรู้จักว่านายน้อยคนนี้มีนิสัยชอบหาเรื่อง คนงานในร้านก็พยักหน้าตอบรับ โดยไม่รู้ว่าคนที่มาด้วยนั้น เป็นราชทูตจากเย่นเจียง
คนที่ซ่านเซิ่งหานส่งมาก็แอบมองสถานการณ์อยู่ตลอด แต่ไม่ได้เข้ามายุ่ง
พอขึ้นมาชั้นสองห้องพิเศษ กู้อ้าวเวยก็นั่งลงพร้อมกับจับมือที่ถูกบีบจนเจ็บ แล้วก็หยีตาพยายามจ้องมองดูนายน้อยตรงหน้า แล้วพูดว่า “ข้าว่า ข้าน่าจะมาผิดที่แล้ว”
“จากเรือนรับรองมาถึงที่นี่ ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย” ตั้งใจเน้นสามพยางค์หลัง ใครจะไปรู้ว่า ถนนสายนี้ถิ่นที่คนสามัญธรรมดาเขาอยู่กัน และห่างจากศูนย์กลางของเมืองเทียนเหยียน ไกลขนาดไหน
ตอนนี้กู้อ้าวเวยคิดอะไรไม่ออก ตอนที่เดินช้าๆ หัวของนางก็พอคิดอะไรได้บ้าง แต่เดินมาถึงไหนแล้วนั้น นางก็ไม่รู้ และแยกแยะเวลาไม่ได้ ก็เลยไม่รู้ว่าที่นี่ไกลจากเรือนรับรองแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ถูกบังคับมาก็เลยต้องนิ่งไว้ก่อน ฟังเสียงคนงานของร้านเอาอาหารมาวาง ก็ได้แต่ปิดตารอคอยไป
หลังจากคนงานร้านออกไป ฉีหลินก็เอาตะเกียบมายัดใส่มือนาง “ลองชิมดู”
กู้อ้าวเวยก็แปลกใจ แต่ก็ลองชิมอาการดู แต่ก็พยายามกลืนลงไปอย่างยากลำบาก แล้วก็ทำหน้าแหยดื่มน้ำชาที่ฝาดๆ ลงไป แล้วก็ทำหน้านิ่งพูดว่า “ข้าไปทำผิดอะไรต่อเจ้าหรือ?”
“ก็เจ้าอาศัยใบหน้าที่เหมือนกู้อ้าวเวย เพื่อไปหลอกอ๋องจิ้ง หรอกหรือ?” ฉีหลินหน้านิ่งลงไป สายตาของเขาจ้องไปยังดวงตาที่ปิดสนิทของนาง “เจ้าหน้าตาแย่กว่านางเยอะเลย”
กู้อ้าวเวยแปลกใจก่อน จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
ที่แท้ความสัมพันธ์ของ ฉีหลินกับตนเองนั้นดีขนาดนี้เลยหรือ? ในเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นราชทูตของเย่นเจียงแล้ว ก็ยังบังอาจขนาดนี้
“เจ้าหัวเราะอะไร?”
“หัวเราะที่เจ้ารักพวกพ้อง กู้อ้าวเวยก็ไม่ได้มาพบเจ้า เจ้าก็มาหัวร้อนใส่ข้า” กู้อ้าวเวยก็นึกถึงใครไม่ออก แล้วก็ลุกขึ้น เชือกสีแดงที่ข้อมือถูก ฉีหลินมองเห็นอย่างชัดเจน
อ๋องจิ้งถึงขั้นให้เชือกแดงแก่ยู่ชีงด้วย!
เขารู้ว่าเชือกแดงเช่นนี้ เป็นเชือกที่เหมือนกับของกู้อ้าวเวยเลย อ๋องจิ้งต้องเป็นคนให้แน่ๆ
กู้อ้าวเวยก็อยากรีบกลับไปถามกุ่ยเม่ย ว่าสามารถเชื่อถือคุณชายน้อยตระกูลฉีได้ไหม แต่ตอนที่จะออกไป ก็ถูกเขาดึงจนสะดุด เสียงของ ฉีหลินเริ่มโกรธ “หญิงที่อ๋องจิ้งรัก ไม่ใช่เจ้า”
“เขาจะรักจะชอบใครนั้นไม่เกี่ยวกับข้า ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะมีคนสั่งมา ทำตามคำสั่งคนอื่น” กู้อ้าวเวยพยายามยืนนิ่ง แล้วดึงมือของ ฉีหลินออก ตอนที่ยื้อยุดกับแรงของเขานั้น ก็พูดขึ้นว่า “ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน ถ้าจะหาตัวการนั้นว่าเป็นใครจริงๆ เจ้าก็ควรจะไปถามอ๋องจิ้ง ว่าทำไมถึงเลือกข้า”
เสียงของนางไม่ดัง แต่ทหารที่ซ่านเซิ่งหานส่งมา กลับได้ยินอย่างชัดเจน แล้วก็จดไว้
เพื่อไม่ให้พูดต่อ กู้อ้าวเวยก็เอาผ้ามาปิดรอยสักบนใบหน้า แล้วปิดตาเดินจับราวบันใดลงไปอย่างช้าๆ ตรงไหนมองไม่เห็นก็ลืมตาเล็กๆ พอมองเห็นแล้วก็ปิดตาลงไปใหม่ นางไม่ค่อยอยากฟังคำพูดที่ไร้สาระพวกนั้น
พอออกจากร้านเหล้า คนรับใช้เสี่ยวเอ้อของร้านก็มอง ฉีหลินเดินลงมาจากชั้นสองอย่างสงสัย “คุณชายน้อย แม่นางคนนั้นดูเหมือนว่าจะตาบอด ท่านรังแกหญิงตาบอดหรือ?”
“ไปทำงานของเจ้าเสีย เดี๋ยวข้าจะตามไป อยากจะรู้เหมือนกันว่า นางคนนี้จะมาทำอะไรที่นี่” ฉีหลินรีบเดินตามไป เพราะถึงอย่างไรสายตาของนางก็ไม่ดี เขาก็เลยเดินตามไปอย่างโจ่งแจ้ง
เดินลัดเลาะไปในถนน ฉีหลินก็หัวเสียที่ไม่ได้พาหยินเชี่ยวมาด้วย ทำให้ช่วงนี้เขาไม่ได้พบพ่าวในวัง ได้แต่มาเที่ยวเตร่แถวนี้ พอเห็นนางหยุดอยู่ทางแผงขายของด้านหน้า กำลังถามว่ามีดแกะสลักขายอย่างไร เห็นเฒ่าแก่ร้านมองเห็นว่านางใส่เสื้อผ้าหรูหรา ก็จีบนิ้วคิดจะเอาราคาแพง “มีดแกะสลักของเราที่นี่ เป็นของชั้นดี ถ้าแม่นางอยากได้ละก็………..”
“ต่อให้ดีแค่ไหน ถ้ามาอยู่ในมือข้า ก็เป็นแค่มีดธรรมดา เอามีดระดับกลางๆ มาหนึ่งชุด แล้วเอาไม้มาให้ด้วยสักหลายอันหน่อย” กู้อ้าวเวยพูดแล้วก็เอาเงินวางลงข้างๆ เฒ่าแก่ร้านก็ตาลุกวาว แล้วก็รีบเตรียมของยื่นให้นางไป
ฉีหลินคิด นางคนนี้ต้องเคยเห็นกู้อ้าวเวยแน่ๆ ถึงได้เลียนแบบท่าทางของกู้อ้าวเวยเพื่อมาชิงความรัก!
กู้อ้าวเวยเอามีดแกะสลักมากอดไว้ ถึงแม้นางไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง แต่พอได้ยินคนอื่นพูดว่าจะซื้อมีดแกะสลักไม้ นางก็ได้ยินขึ้นมา แล้วก็นึกอยากจะลองแกะสลักขึ้นมาบ้าง
เดินไปสองถนนแล้ว ก็ยังหาร้านยาไม่พบ กู้อ้าวเวยเริ่มเหนื่อย ก็เลยหาบันไดสักที่ เพื่อนั่งลงพักผ่อน แผลที่ขาถึงแม้จะเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่พอถึงหน้าหนาวก็จะปวดขึ้นมา พอนั่งลงอากาศมันก็เริ่มหนาวขึ้น
ฉีหลินก็กอดอกมองนางอยู่ไกลๆ แล้วก็จับหญิงคนที่พูดกับกู้อ้าวเวยเมื่อครู่นี้ ถามว่า “ถามหน่อย เมื่อครู่แม่นางคนนั้นถามอะไรเจ้า?”
“คุณชายน้อยตระกูลฉีไม่ใช่หรือนี่!” หญิงคนนั้นก็ดีใจแล้วเอาผลไม้มายัดใส่มือเขา แล้วก็ชี้ไปทางกู้อ้าวเวย “เมื่อครู่นางคนนั้นมาถามว่าแถวนี้มีร้านขายยาไหม? แต่แถวนี้พวกเราไม่รู้หนังสือ จะไปอ่านร้านขายยาได้อย่างไร ก็เลยให้นางไปถามเอาด้านหน้า แต่นางก็เดินวนๆ ไม่ออกไปเสียที”
พอพูดถึงจุดนี้ หญิงคนนั้นก็ถอนหายใจ “แม่นางคนนั้นมองไม่เห็นทาง น่าสงสารอยู่นะ”
ฉีหลินยกคิ้วสูง ผู้หญิงตระกูลยู่ชอบใช้ยาพิษไม่ใช่หรือ? หรือว่านางกำลังจะเตรียมพวกยาพิษอะไรบางอย่าง
ตอนที่ ฉีหลินกำลังสงสัยอยู่นั้น กู้อ้าวเวยก็ถูกคนที่ซ่านเซิ่งหานส่งมาจับตัวไว้ สีหน้านางแย่มาก ฉีหลินเดินเข้าไป แล้วได้ยินกู้อ้าวเวยพูดว่า “ข้าไม่ต้องการให้ใครตามมาด้วย