บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 891
บทที่ 891 นักฆ่า
พวกเขากล้าเอาน้ำมันไฟเข้ามาด้วย
กู้อ้าวเวยยังคงผลักประตูเปิดออก เดินแนบกำแพงมาถึงหน้าห้องของยู่จือ ยู่จือเปิดประตูออกแล้วดึงนางเข้าไป เอาชุดสาวใช้ชุดนั้นที่เก็บเข้าไปในผ้าโปร่งทองในมือนาง แล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า “นี่สามารถป้องกันไฟ หากเกิดอะไรขึ้นให้เจ้ารีบกระโดดลงไป พวกเราห่างจากท่าเรือไม่ไกล”
คำพูดพวกนี้เดิมเป็นคำพูดกู้อ้าวเวยอยากพูด แต่ตอนนี้นางรีบรับโป่รงสีทองนั้นมาคุมไว้บนหัว
“รีบดับไฟ”
“จัดการพวกเขาทิ้ง”
ด้านบนมีเสียงทหารพวกนั้นดังขึ้นมา เป็นจังหวะที่ยู่จือกับกู้อ้าวเวยกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะขึ้นไปไหม บานประตูถูกผลักเปิดออก ซ่านเชียนหยวนรุดเข้ามาจับพวกเขาสองคน ทหารองครักษ์หลายคนที่ตามอยู่ด้านหลังมุ่งหน้าเดินไปทางเดินไม้กระดาน พร้อมพูดว่า “เปลี่ยนเป็นนั่งเรือเล็ก รอพวกเขา”
ในแม่น้ำที่มืดครึ้มยังสามารถมองเห็นเรือเล็กสองสามลำถูกลากโดยเรือลำใหญ่ ลำหนึ่งน่าจะนั่งได้ประมาณเจ็ดแปดคน ขนาดเท่าเรือลำปกติที่วางอยู่บนแม่น้ำ กู้อ้าวเวยกำลังจะถามเพราะมองเห็นไม่ชัด ยู่จือกลับพาเธอกระโดดลงไปบนเรือลำเล็ก ยังพูดอย่างร้อนใจว่า “ข้าอยากตายไปพร้อมกับยู่หง”
“ข้าไม่อยากได้ยินชื่อนี้อีก” กู้อ้าวเวยก็พูดตะคอกขึ้น เดินโซเซอยู่บนเรือหลายก้าวจนซ่านเชียนหยวนต้องประคองนั่งลง แต่ว่าสักพัก ควันโขมงและก็ไฟระเบิดอยู่ต่อหน้าต่อตา กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงคนตกน้ำ และก็ได้ยินพวกคนที่ขึ้นไปบนฝั่งแล้วตะโกนขึ้นมาว่า “คนของตระกูลตงฟางล้วนสมควรตาย อย่าคิดหนีแม้แต่คนเดียว”
ซ่านเชียนหยวนมองดูเรือนชั้นสองอยู่อย่างไกลๆ ซ่านเซิ่งหานกำลังคุ้มกันตงฟางซวนเอ๋อ มีคนอยู่ตรงหน้าอย่างท่วมท้น
กู้อ้าวเวยก็มองดูเงาร่างหลายคนในกองไฟอยู่ไกลๆ รีบถีบซ่านเชียนหยวนหนึ่งที “เจ้ามีวรยุทธแล้วมันนั่งอยู่ที่นี่ทำไม รีบไปช่วยคนสิ”
“รออยู่ที่นี่” ซ่านเชียนหยวนกัดฟันพูด แล้วก็ลุกกระโดดขึ้นไปตรงชั้นสอง รับเอาตงฟางซวนเอ๋อมาจากในมือซ่านเซิ่งหาน สำลักควันโขมงไปหลายทีอย่างไม่ทันตั้งตัว ตะโกนพูดขึ้นว่า “พี่สาม พวกเรารีบไป”
“ได้” ซ่านเซิ่งหานจัดการสองคนที่ถือดาบยาวอยู่ตรงหน้า ยกมือขึ้นเพื่อล้มคนหนึ่งลง แล้วหงายหลังเพื่อคว้าจับอีกคน ซ่านเชียนหยวนโกรธจนกระทืบเท้าแล้วพูดว่า “แทบจะไม่มีเรือแล้วเจ้ายังคิดที่จะจับคน”
“ไป” ซ่านเซิ่งหานปัดฝุ่นบนหน้า แล้วก็ผลักจากซ่านเชียนหยวนข้างบนลงด้านล่าง ทั้งสองพี่น้องลงมาถึงบนไม้กระดานอย่างมั่นคง ซ่านเชียนหยวนตะโกนเรียกพวกองครักษ์ให้ขึ้นเรือแล้วจากไป ตอนกลางคืนแบบนี้หากตกลงไปน้ำเกรงว่าคงจะหาศพไม่เจอ
ซ่านเซิ่งหานตีนักฆ่าสลบ ตอนที่หิ้วมาถึงด้านข้างเรือ มองเห็นยู่จือกำลังดึงสายคาดเอวของกู้อ้าวเวยไว้ และครึ่งร่างกายของเธออยู่ด้านนอก พยายามที่จะให้ทั้งสองคนลอยอยู่บนน้ำ กู้อ้าวเวยกับยู่จือหน้าแดงเพราะต้องใช้แรงมาก
นางจะต้องเป็นกู้อ้าวเวยแน่
ในหัวสมองของซ่านเซิ่งหานผุดคำนี้ขึ้นมา พาคนโดดลงไปบนเรืออย่างมั่นคง แล้วก็ไปดึงสองคนนั้นขึ้นมา หนึ่งในผู้หญิงสวมชุดสีเทาคนนั้นก็คือผู้หญิงคนที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ให้กับกู้อ้าวเวยเมื่อหลายวันก่อน กู้อ้าวเวยค่อยโล่งอก พูดขอบคุณด้วยเสียงเบา แล้วก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีพลิกสองคนที่จมน้ำ แล้วกดหน้าอก
รอเมื่อสองคนนั้นค่อยๆฟื้นขึ้นมา กู้อ้าวเวยค่อยใช้ข้างมือหนึ่งจับดูตรงคอของเขา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า “นอนต่อไปก่อน”
พูดเสร็จแล้วนางยังคิดที่จะไปจากดูคนที่ซ่านเซิ่งหานพามา กลับถูกซ่านเซิ่งหานห้ามไว้ “เขาเป็นนักฆ่า”
“เขาก็เป็นคนคนหนึ่ง” กู้อ้าวเวยปัดมือของซ่านเซิ่งหานทิ้ง ในขณะที่ยู่จือมองดูอยู่อย่างตกตะลึงพรึงเพริด นางขยับเข้าไปจนแทบนั่งอยู่บนขาของซ่านเซิ่งหาน แล้วตรวจชีพจรของคนอื่นดูอย่างตั้งใจ
ส่วนซ่านเชียนหยวนนั่งอยู่บนเรืออีกลำ แล้วกุมปิดบาดแผลที่ไหล่ของตงฟางซวนเอ๋อ ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เลือดที่ไหลอยู่ ทำให้สถานการณ์ตรงหน้า วุ่นวายไปหมด นักฆ่าพวกนั้นเหมือนรู้ว่าพวกเขากำลังจะจากไป จึงกระโดดลงมาบนเรือเล็ก ตอนนี้องครักษ์สองคนกำลังคุ้มกันให้เขากับตงฟางซวนเอ๋ออยู่ด้านหลังอย่างตึงเครียด
ซ่านเชียนหยวนแตะคนหนึ่งทิ้ง มือกุมบาดแผลของตงฟางซวนเอ๋อแล้วกระโดดไปยังเรือของกู้อ้าวเวย ยังร้องขึ้นว่า “ตงฟางซวนเอ๋อได้รับบาดเจ็บ บนไหล่กับบนขาต่างก็ถูกแทง”
“ปิดบาดแผลนางไว้ ยารักษาแผล….ห้ามเลือด….” กู้อ้าวเวยใช้มือข้างหนึ่งปิดบาดแผลตรงท้องของนักฆ่านั่น มืออีกข้างหนึ่งล้วงเอาขวดยาสองขวดออกมาจากในกระเป๋า ยู่จือรีบรับเอาตงฟางซวนเอ๋อไปจากในมือของซ่านเชียนหยวน มาในอ้อมกอดของตน แล้วพูดขึ้นว่า “ผู้ชายหลบไปหน่อย”
ซ่านเชียนหยวนถอดเสื้อตัวนอกออกด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วคลุมทั้งสองคนไว้ ยู่จือดึงออกหน่อย เพื่อให้แสงสว่างจากเพลิงไฟสาดส่องมา แต่ก็ไม่ให้ใครได้เห็นร่างกายของตงฟางซวนเอ๋อ
กู้อ้าวเวยใส่ยาให้กับคนคนนั้นอย่างตั้งใจ หยิบเอาเข็มกับด้ายออกมา ใช้มือข้างหนึ่งกับปากมาผูกไว้ดี แล้วเย็บบาดแผลพวกนั้นให้ติดกัน
“ตัดสายเชือกเลย” มีคนตะโกนพูดขึ้น
ซ่านเซิ่งหานไปตัดสายเชือกขาดด้วยสีหน้าบึ้งตึง และเรือก็แล่นหายไปตามน้ำพร้อมกับเปลวไฟ ในขณะที่หลายคนคิดว่าปลอดภัยแล้ว ก็มีนักฆ่าที่เหลือเกือบทั้งหมดกระโดดลงมาบนเรือ ซ่านเซิ่งหานเอามือกดกู้อ้าวเวยที่คว่ำอยู่บนขา ส่วนมืออีกข้างก็ชักดาบออกมา ล็อกคอคนคนนั้นไว้ แล้วลากดึงลงมา มืออีกข้างบีบคอเขาไว้แน่น แล้วกดลงกับพื้น ซ่านเชียนหยวนเอาเชือกมามัดไว้ พร้อมตะโกนว่า “จับเป็น”
พวกองครักษ์ต่างก็น้อมรับคำสั่ง ซ่านเชียนหยวนมองดูกู้อ้าวเวยอยู่เนิ่นนาน ฉีดผ้าออกเป็นสองชิ้นแล้วยัดปากสองคนนั้นไว้ มืออีกข้างจับไหล่กู้อ้าวเวยไว้ พร้อมพูดว่า “เขาไม่ตายหรอก”
“ข้ารู้” เสียงกู้อ้าวเวยแหบแห้ง ในจมูกเหมือนเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แต่นางกลับรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นอย่างผิดปกติ จนเมื่อเย็บบาดแผลของนักฆ่าคนนั้นเสร็จแล้ว นางค่อยขยับตามที่ซ่านเชียนหยวนเคลื่อนไหวไปด้านหลัง สุดท้ายก็ด้านข้างอย่างมั่นคง มองดูมือตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วก็ยกขึ้นมาดมหนึ่งที
ซ่านเซิ่งหานดึงมือของนางลงด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วจุ่มลงไปล้างในน้ำข้างเรือ
ส่วนซ่านเชียนหยวนก็มองดูอยู่ทุกอย่าง ดึงกู้อ้าวเวยออกมาจากอ้อมกอดของซ่านเซิ่งหานด้วยสีหน้าบึ้งตึง ให้นางนั่งอยู่ด้านข้างตน หันไปมองซ่านเซิ่งหานแล้วพูดเตือนว่า “ท่านพี่สาม ท่านละเมิดกฎแล้ว”
“ใช้ตาของเจ้ามองดูดีๆ นางกลายเป็นอย่างไรไปแล้ว” สายตาทั้งคู่ของซ่านเซิ่งหานก็เยือกเย็นลง แววตาจ้องมองดูร่างกายของนาง สุดท้ายก็ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วก็โยนให้นาง พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่นี่”
กู้อ้าวเวยมองดูองค์ชายสามอย่างแปลกใจ ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายสามก็ผุดขึ้นมาในหัวสมอง แล้วก็กอดเสื้อไว้แนบอกอย่างไม่รู้ตัว ยกมือที่เปียกแตะหน้าผาก นางพูดด้วยเสียงต่ำว่า “จะต้องเกิดปัญหาอะไรขึ้นแน่”
นางเป็นหมอมายี่สิบกว่าปีแล้ว ตามหลักแล้วไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็จะไม่ตกใจจนเกิดความผิดพลาด นางก็ไม่มีทางชอบความรู้สึกที่มีเลือดเปื้อนมือ แต่เมื่อกี้ กลิ่นคาวเลือดเป็นเหมือนดั่งเหล้าหอมหวาน ถึงแม้จะฝาดขมแต่ก็หอมหวานมาก
หรือว่าจุ้ยเวี่ยนมีปัญหา? นางหวาดกลัวจนกอดแขนตัวเองไว้แน่น ทั้งทั้งที่นางรู้สึกว่ากลิ่นเลือดเหม็นที่สุด แต่หลังจากที่ได้ดมแล้วหัวใจนางก็เต้นอย่างรุนแรง หัวสมองก็ค่อนข้างไม่ปกติ