บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 893
บทที่ 893 สงบเรียบร้อย
เฟิงเยว่อุ้มกู้อ้าวเวยแล้วเหยียบอยู่บนหลังคาเมืองเทียนซิง ระหว่างทางนางได้แลกกับอีกคนหนึ่ง แล้วนางก็เปลี่ยนเป็นอุ้มผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งมุ่งหน้าไปทางนอกเมือง
เมืองเทียนซิงกับตำบลเหยสุ่ยค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ต่างก็เป็นที่ลึกลับ โดยรอบนอกจากมีสายน้ำไหลแล้วก็เต็มไปด้วยป่าทึบ เดิมควรที่จะหลบอยู่ในเมืองเล็กๆนี้ แต่ตอนนี้กลับถูกคนของซ่านเชียนหยวนไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด คนของพวกเขามีจำนวนไม่น้อยที่ไล่ติดตามมาอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็ไม่เห็นเงาของคนคนนั้นแล้ว
ส่วนคนชุดดำในเมืองเทียนซิงยังคงออกมาอยู่อย่างไม่ขาดสาย ในมือของพวกเขาต่างก็อุ้มผู้หญิงที่หนักไว้ ทำให้พวกขุนนางที่มีอำนาจต่างก็ตกใจหวาดกลัว ยู่จือยังอยากตามออกมา กลับถูกซ่านเชียนหยวนผลักเข้าไปอยู่ในห้อง “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป้าหมายของพวกเขาคือกู้อ้าวเวยหรือหญิงสาวตระกูลยู่ อย่าทำอะไรผลีผลาม”
ยู่จือยังคงไม่พอใจ แต่นางก็ยังคงไม่อยากที่จะเอาชีวิตไปแลกกับชีวิตของกู้อ้าวเวย
“ให้ทุกคนออกไปช่วยกันตามหา หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับทูตของเย่นเจียงจริงๆ ต่อให้พวกเจ้ามีร้อยหัวสมองก็ไม่พอ” ซ่านเชียนหยวนตะโกนสั่งทุกคนอย่างโกรธจัด ในระหว่างที่พูดอยู่ เขายังมองเห็นคนชุดดำคนหนึ่งอุ้มคนผ่านบนหลังคาไม่ไกล คุณหนูคุณชายตามท้องถนนต่างก็อลหม่านวุ่นวาย ทำให้คนของเขาอยากที่จะไล่ติดตามไป
“ให้ทุกคนหลบไป อย่าขวางทาง” ซ่านเชียนหยวนผลักคนด้านข้างหลีกออกไป แล้วตัวเองก็วนกลับไป เจอกับซ่านเซิ่งหานที่กำลังมาอย่างรีบร้อน “ท่านพี่สาม เกิดเรื่อง…”
“ข้ารู้ เมื่อกี้ทางด้านแม่นางตงฟางก็มีคนมา ข้าจึงถอนตัวออกมาไม่ได้” ซ่านเซิ่งหานพูดอยู่เช่นนี้ แล้วก็พับแขนเสื้อที่มีรอยเลือดขึ้นมา บนใบหน้ายังมีรอยแผลเป็นเล็กน้อย ซ่านเชียนหยวนอึ้งเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ท่านพี่สาม ที่นี่มอบให้ท่านนะ ข้าจะไล่ตามไป”
“รีบหน่อย” ซ่านเซิ่งหานผลักเขาเบาๆหนึ่งที แล้วยกมือสั่งทุกคนไล่ตามไปทุกทิศทาง ตอนนี้ไม่สามารถที่จะจับทุกคนมาได้แน่นอน ต้องคิดหาวิธีจับคนที่สำคัญที่สุด
เฟิงเยว่ในตอนนี้ก็อาศัยตอนที่กำลังวุ่นวายกลับมาอยู่ข้างกายซ่านเซิ่งหาน พยักหัวแสดงให้รู้ว่าทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว
แววตาซ่านเซิ่งหานฉายแววมืดครื้ม สีหน้าบนใบหน้ายังคงแสดงให้เห็นว่าตื่นเต้นกับเรื่องนี้อย่างมาก
……
คนของเมืองเทียนเหยียนมีพร้อมทุกอย่าง แต่พวกเขาล้วนต่างก็เป็นคนที่ถูกโลงบีบคอไว้
กู้อ้าวเวยฟื้นตื่นขึ้นมาในห้องห้องหนึ่ง แล้วก็คิดอยู่เช่นนี้
เมื่อราชวงศ์ไม่ได้คำนึงถึงประชาชนกับประเทศอย่างบริสุทธิ์ใจ เมื่อความโลภในใจเบื้องลึกของพวกเขามีมากมายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในระหว่างข้อกำหนดใหม่ทุกประเภท ต่างต้องใช้เวลานานมากเพื่อรอให้ได้ผลลัพธ์ พวกราชวงศ์ตระกูลซ่านมองเห็นสิ่งของอย่างอื่น พวกเขาไม่เลือกที่จะรอผลลัพธ์ แต่เลือกที่จะได้ทุกสิ่งมาอย่างที่สามารถทำได้
มือทั้งสองข้างถูกมัดติดอยู่บนเตียง เฟิงฉีนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ได้ปิดปากของนางไว้ พูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “องค์ชายสามหวังมาตลอดว่าท่านจะสามารถได้มีความสุข”
“จำกัดความอิสระของข้า กักตัวข้าไว้ถือว่าเป็นความสุขหรือ?” กู้อ้าวเวยเมินใส่คำพูดของเฟิงฉีน โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางหวนคิดถึงความทรงจำเกี่ยวกับองค์ชายสาม ยังจำผู้หญิงสามคนที่ทำงานให้เขาได้ และเฟิงฉีนเป็นคนที่รับมือยากที่สุดคนนั้น
“ท่านอ๋องจิ้งได้ผลักไสท่านไปอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุด ปล่อยให้ท่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อันตราย องค์ชายสามยังคงหวังอยากให้ท่านได้มีความสุข ดังนั้นพวกเราจะมอบทุกอย่างแก่ท่าน เพียงแต่ท่านจะไม่สามารถส่งเขาออกไป และไม่สามารถไปเจอท่านอ๋องจิ้ง” น้ำเสียงพูดของเฟิงฉีนยิ่งอยู่ก็ยิ่งเบาและอ่อนโยน นางช่วยกู้อ้าวเวยเหน็บมุมด้านหลัง “ถึงตอนนั้นข้าจะพาท่านไปดูวิวทิวทัศน์ของเมืองเทียนซิง จะไม่กักขังท่านอยู่แต่ที่นี่ไปตลอด”
“โกหก” กู้อ้าวเวยเอียงหัวไปมองดูแววตาของนาง พูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “เขาสู้ซ่านจินจื๋อไม่ได้”
“หากท่านหมายถึงที่ท่านอ๋องจิ้งกักขังท่านอยู่ในคุกใต้ดิน ข้าคิดว่าองค์ชายสามสู้เขาไม่ได้แน่” แววตาของเฟิงฉีนก็เยือกเย็นลง “ในขณะที่องค์ชายสามกำลังคิดวางแผนเพื่อแคว้นชางหลาน ท่านอ๋องจิ้งกำลังแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านคิดว่าทุกอย่างในตอนนี้ถูกต้องแล้วหรือ?”
เพิ่งพูดเสร็จ กู้อ้าวเวยก็เข้าสู่ภวังค์ที่สับสน
นางไม่สามารถคัดค้านความจริงเท็จของคำพูดพวกนี้ จึงยากที่จะพูดโต้กลับ ความเจ็บปวดในใจได้เริ่มขึ้น นางทำได้เพียงกัดริมฝีปาก ส่วนเฟิงฉีนกลับขมวดคิ้วสังเกตดูนางอยู่เนิ่นนาน เงียบอยู่ตั้งนานแล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ทุกอย่างที่ท่านจำไม่ได้ พวกเราจะบอกท่านทั้งหมด”
ร่างกายกู้อ้าวเวยสั่นเทาเล็กน้อย ความสับสนในหัวสมองยิ่งลึกขึ้น “องค์ชายสามรู้เรื่องความทรงจำที่สับสนของข้าหรือ?”
“เพราะท่านไม่เหมือนเมื่อก่อน ท่านถูกหลอกแล้ว” แววตาเฟิงฉีนเป็นประกายเล็กน้อย
ที่สุดนางก็หาเจอทางออกของกำแพงที่แข็งแกร่งนี้ได้แล้ว
กู้อ้าวเวยไม่ได้พูดอะไรต่อ หลับตาตัดสินใจที่จะนอนหลับสักพัก นางไม่มีหนทางแก้เชือกที่มัดมือทั้งสองข้างออกได้ และก็ไม่มีแรงที่จะหนีไปจากสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่นางยังคงได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ในหู เหมือนนางเคยตกลงไปในแล้วเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เฟิงเยว่ออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ มองดูพวกทหารองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ในเรือนอย่างขะมักเขม้น จึงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “หลบซ่อนไว้ให้ดี อย่าให้นางเห็นพวกเจ้า”
ทุกคนต่างก็หลบซ่อนเข้าไปในมุมที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น
และตอนนี้พระจันทร์ก็แขวนอยู่บนฟ้าสูง แต่พวกทหารองครักษ์ยังคงกำลังตามหาอยู่บนท้องถนน กำลังตามหาร่องรอยของยู่ชีง เสียงเคาะบานประตูดังขึ้น คนของซ่านเชียนหยวนกวาดตามองดูพวกคนที่อยู่ตรงหน้า “พวกเจ้าเห็นบุคคลน่าสงสัยปรากฏอยู่บริเวณใกล้ๆนี้ไหม?”
“ไม่เห็นเลย ขอร้องทุกท่านช่วยเบาเสียงด้วย อย่ารบกวนเจ้านายของเราที่กำลังพักผ่อน” คนที่ตอบเป็นแม่นางอีกคนหนึ่งในเรือน เฟิงเยว่แอบซ่อนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็นแล้วมองดูอยู่เงียบๆ
พวกทหารพวกนั้นเมื่อได้ยินคำว่าคุณหนูสองคำนี้แล้วก็ไม่ถามอะไรอีก คนในเมืองเทียนซิงต่างก็มีอำนาจไม่แพ้กันเลย ต่อให้เพื่อทูตของเย่นเจียงเขาก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกิน กลุ่มคนชุดที่สามจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้หยุดอยู่ในเมืองเป็นเวลานาน
ความมืดภายใต้แสงไฟ
ปิดบานประตู แม่นางคนนั้นเดินมารับเอาชุดเสื้อผ้ากลางคืนจากในมือของเฟิงฉีน พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าจะรีบไปเตรียมการด้านนอกไว้ ขอให้แม่นางเฟิงฉีนรอข่าวของข้าอยู่ที่นี่”
“ไม่ต้องรีบร้อน ถ้าได้รับปากคุณรู้ไว้แล้วว่าหลังจากผ่านพ้นเทศกาลของเมืองเทียนซิงแล้วค่อยจากไป” เฟิงฉีนโบกมือ ไล่ทุกคนออกไป ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปในครัวหยิบเอาของกินมาแล้วเดินเข้าไปข้างใน วางทุกอย่างไว้ด้านข้างเตียง แล้วช่วยแก้เชือกบนมือให้กับกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยก็ดูสงบเรียบร้อยมาก รับถ้วยตะเกียบมาจากมือของเฟิงฉีน ทานไปหลายคำแล้วค่อยพูดว่า “ไปช่วยค่าซื้อยามาด้วย ส่วนสูตรยาเดี๋ยวข้าเขียนให้เจ้า”
“ได้” เฟิงฉีนพยักหัวรับ รอหลังจากที่กู้อ้าวเวยทานอิ่มแล้ว หนังค่อยเขียนสูตรยาแล้วก็พูดต่อว่า “หากท่านคิดหนี ก็สามารถลองดูได้”
“ข้าไม่ได้โง่” กู้อ้าวเวยชี้ดวงตาที่ค่อนข้างมัวของตัวเอง
ต่อให้นางออกไปจากเรือนนี้ได้จริง แต่ก็ออกไปจากเมืองเทียนซิงที่ไม่คุ้นเคยนี้ไม่ได้