บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 899
บทที่ 899 ความทรงจำจอมปลอม
ทั้งสองคนตามเฉิงซานมาถึงหน้าคุกหลวงอย่างรีบร้อน
ซ่านจินจื๋อกำลังยืนอยู่หน้าประตูคุกหลวง พวกทหารหน้าประตูยืนขวางอยู่ตรงประตูทางเข้า แม้แต่ซ่านจินจื๋อก็ไม่ยอมให้เข้าไป
“เสด็จอา” ซ่านเชียนหยวนรีบวิ่งมาอย่างร้อนใจ เผชิญหน้ากับพวกทหารที่ยืนขวางอยู่พร้อมกับซ่านจินจื๋อ พูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “พวกเจ้าขวางอยู่ตรงหน้าคุกหลวงทำไม?”
“ฮ่องเต้มีรับสั่ง ก่อนที่คุณหนูกู้อ้าวเวยจะพูดความจริงใดๆ ใครก็ห้ามเข้าไปเยี่ยม” แม่ทัพที่อยู่ตรงหน้าทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม มือทั้งสองยกประสานให้กับทั้งสองคน และพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “แม้แต่ท่านอ๋องจิ้งก็ไม่สามารถเข้าไปข้างใน”
แววตาของเขาเฉียบคม พร้อมกับพวกทหารที่อยู่ด้านหลังต่างก็ไม่ยอมถอย
“เรื่องที่ด่านลั่วสุ่ยไม่เกี่ยวข้องกับนาง” ซ่านจินจื๋อยังคงเดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แม่ทัพที่อยู่ตรงหน้ากับพวกทหารต่างก็พูดพร้อมกันว่าขออภัยพร้อมกลับชักดาบในมือจ่อตรงหน้าพวกเขาทั้งสามคน
ในชั่วพริบตา สถานการณ์ตกอยู่ในความตึงเครียด
อากาศรอบๆตัวก็อึมครึ้มขึ้นมา ฉีหรัวถูกกดดันจนรู้สึกแทบหายใจไม่ออก ถอยหลังไปสองก้าวแล้วค่อยดีขึ้นมาหน่อย แล้วสายตาก็กวาดมองดูพวกทหารตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ประตูคุกด้านหลังของพวกเขาก็ถูกเปิดออก
ทหารสองคนคุ้มกันพาตัวกู้อ้าวเวยออกมา
แสงแดดที่เจิดจ้าทำให้กู้อ้าวเวยหรี่ตาลง ยกมือขึ้นมาบังแดด ยังไม่ทันสังเกตเห็นฉีหรัวกับซ่านเชียนหยวน ที่มองดูใบหน้างดงามนั้นอย่างตกใจ แม้แต่รอยดำที่ยื่นออกมาจากคอก็ยังไม่จางลง บางสิ่งที่น่ากลัวอยู่รอบๆคอ
เหมือนกู้อ้าวเวยไม่มีผิด
“เวยเอ๋อ” ซ่านจินจื๋อยังคงเดินไปข้างหน้า ร้องเรียกด้วยเสียงต่ำ
กู้อ้าวเวยค่อยกะพริบตา เช็ดน้ำตาจากที่แสงแดดสาดส่องจนทำให้น้ำตาไหล มองดูพวกซ่านจินจื๋อแล้วพูดว่า “พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม? มาเยี่ยมข้าหรือ?”
ทหารที่อยู่ด้านข้างปลดห่วงที่บนเท้าของนาง แล้วมาพูดกระซิบข้างหูแม่ทัพ พวกทหารทั้งหมดต่างก็รวบเก็บดาบของตัวเอง แล้วหลีกทางให้กับพวกเขา อย่างไม่พูดจาอะไรอีก
กู้อ้าวเวยขยับเท้าที่ค่อนข้างเจ็บ เดินหน้ามาหลายก้าว ต้องดูทหารพวกนั้นด้วยสีหน้าค่อนข้างแปลกใจ แล้วก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ฮ่องเต้น่าจะชอบคำตอบของข้า สูตรยานั้นอย่าทิ้งไปเสียล่ะ”
เห็นเพียงหนึ่งในทหารคนหนึ่งเอากระดาษแผ่นนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วก็พาคนหายไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างสงบเงียบ
แววตาซ่านจินจื๋อเยือกเย็น เฉิงซานที่อยู่ด้านหลังยังอยากที่จะตามไปดู กู้อ้าวเวยหัวเราะพร้อมส่ายหัวพูดว่า “ในเมื่อฮ่องเต้ต้องการสิ่งนี้ ก็ให้เขาไปเถอะ ไม่ใช่สถานที่สำคัญอะไร”
นางเดินมาตรงหน้า มองดูซ่านจินจื๋อด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย หางตายังแฝงไปด้วยความเยือกเย็น “นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เลว สูตรยาแผ่นหนึ่ง แลกกับแม่ของข้าได้กลับไปยัง”
เพิ่งพูดเสร็จ กู้อ้าวเวยเดินผ่านเขา แล้วก็เดินตามพวกทหารที่เดินไปข้างหน้าไม่ไกล
ซ่านจินจื๋อหรี่ตาลง รีบหันไปคว้าจับข้อมือของนางอย่างตื่นตกใจ ยังไม่ทันได้อธิบาย กู้อ้าวเวยก็ได้สะบัดมือของเขาทิ้งแล้ว พูดด้วยแววตาเยือกเย็นว่า “อย่าบอกข้าว่าเป็นแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสม? ข้าเชื่อเพียงสิ่งที่ตัวเองต่อสู้เพื่อได้มาทุกอย่าง ซ่านจินจื๋อ”
ตามคำสุดท้ายนี้ กระทบภายในใจซ่านจินจื๋ออย่างโกรธเคือง
ซ่านเชียนหยวนที่อยู่ด้านหลังรีบเข้ามาคว้าจับเขาไว้ ส่ายหัวเบาๆบ่งบอกเขาว่าทุกอย่างอาจจะเป็นเพียงแค่การแสดง ฉีหรัวก็กระทำเช่นเดียวกัน นางถือกระโปรงแล้ววิ่งไปด้านข้างกู้อ้าวเวย แล้วก็สังเกตดวงตาคู่สดใสนั้นของนางไปด้วย กระซิบพูดขึ้นด้วยว่า “ข้าไปพบน้าหยุนเป็นเพื่อนเจ้า?”
“ฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้ข้าไปเจอท่านแม่ ตอนนี้ข้ากำลังจะไปพักอยู่ที่โรงเตี้ยม” กู้อ้าวเวยสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที ดวงตาแดงก่ำ มือกำหมัดไว้แน่น “รอหลังจากซ่านจินจื๋ออภิเษกขึ้นครองราชย์แล้ว ข้าก็จะสามารถกลับไปยังแคว้นเอ่อตาน…”
หลังจากพูดถึงคำสุดท้ายแล้ว ก็มีน้ำตาหล่นลงบนข้างมือของฉีหรัวพอดี
ในช่วงวินาทีนั้นฉีหรัวถึงขั้นรู้สึกว่านางไม่ใช่กู้อ้าวเวยที่เข้มแข็งคนนั้น แต่ภายในดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นกับความไม่เกรงกลัว ยืดหลังตรงเดินตามพวกทหารไป และก็ไม่แสดงอาการอาลัยอาวรณ์ให้กับซ่านจินจื๋อเลยสักนิด
ซ่านจินจื๋อยืนนิ่งอยู่กับที่ ความสงสัยที่อยู่ในสมองยิ่งอยู่ก็ยิ่งลึก
เผชิญหน้ากับเรื่องเดียวกัน กู้อ้าวเวยทั้งสองแสดงออกอย่างไม่เหมือนกัน
กู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงหน้านี้เลือกที่จะจากไปด้วยจิตใจที่แตกสลาย และทำการแลกเปลี่ยนกับฮ่องเต้เพื่อให้หยุนหว่านฮูหยินได้กลับไป ส่วนกู้อ้าวเวยที่เป็นยู่ชีงคนนั้น กับเลือกที่จะอดทนและเข้าใจ
ต่อให้เป็นเช่นนี้ สิ่งที่ทั้งสองคนนี้เลือก ล้วนเป็นนิสัยของกู้อ้าวเวย
ซ่านจินจื๋อ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ให้ทหารพวกนั้นพูดอะไรไปบ้าง ตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงสะบัดมือของซ่านเชียนหยวนออกอย่างเย็นชา พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ไม่จำเป็นต้องมาห้ามข้า นางยังไม่ได้ให้คำตอบที่สมเหตุสมผลให้กับข้า”
“เสด็จอา อย่ากระตุ้นนางอีกเลย พวกเราจะไปคุยกับนางดีๆเอง” ซ่านเชียนหยวนพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองเหมือนกัน “นางไม่เคยหักหลังเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจ?”
“นางถึงขั้นทำการแลกเปลี่ยนข้อเสนอกับเสด็จพี่แล้ว ก็ไม่ยอมบอกข้าว่าทำไมนางถึงต้องไปจากเมืองเทียนเหยียน เจ้ายังหวังให้ข้าเชื่ออะไรนางอีก?” ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อแล้วก็จากไป ไม่มีความอาลัยอาวรณ์เช่นเดียวกัน
เหลือซ่านเชียนหยวนที่ยืนบื้ออยู่กับที่ทำอะไรไม่ถูกจนถูกฉีหรัวลากตัวไป ยังไม่ลืมถามขึ้นว่า “ตกลงพวกเขากำลังแสดง หรือ…”
“ข้าไม่อยากไปคิดถึงปัญหาพวกนี้แล้ว ต่อให้กู้อ้าวเวยคนนี้เป็นตัวจริง งั้นพวกเขาทั้งสองคนต่างก็เป็นคนแปลกประหลาด ใครจะไปรู้ว่าพวกเขากำลังแสดงหรือว่าเป็นความจริง” ตอนนี้ฉีหรัวก็ถูกทำให้โกรธจนหน้าแดงไปทั้งหน้า ตั้งแต่เดินเข้ามาใกล้ชิดกับซ่านเชียนหยวน ก็มีแต่เรื่องต่างๆเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า
แต่สิ่งที่ทำให้น่าโมโหที่สุด ก็คือมีเรื่องเกิดขึ้น แต่คนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างกลับไม่แสดงให้เห็นร่องรอยอะไรเลย
ในสถานที่ที่ทั้งสองคนมองไม่เห็น ซ่านจินจื๋อกลับไปภายในห้องนอนส่วนตัว แล้วเรียกเฉิงซานมาถามว่า “เจ้าคิดว่า ใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง?”
“ข้าน้อยคิดว่า คนที่อยู่ในคุกมีความเป็นไปได้มากกว่า”
“ทำไม?” ซ่านจินจื๋อกำแก้วไว้แน่นอย่างตื่นเต้น
“เพราะตอนนั้นที่จากไป ไม่มีใครรู้ว่ากู้อ้าวเวยตัวจริงถูกสลับตัวหรือเปล่า อีกอย่างยู่จือชำนาญการใช้ยาพิษหนอนแมลง หากนางอาศัยวิธีนี้สร้างกู้อ้าวเวยที่มีความเหมือนกันทุกอย่างก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เฉิงซานพูดด้วยเสียงต่ำ ขยับเข้าไปใกล้ซ่านจินจื๋อแล้วก็พูดต่อว่า “ข้าน้อยไม่ได้เคยสืบเรื่องของกู้อ้าวเวยเป็นครั้งแรก ต่อให้เป็นตอนที่อยู่ในจวนเฉิงเสี้ยง นางก็ไม่เคยสนิทกับผู้เรียนคนไหน ภายในเรือนก็มีชิงต้ายกับหยินเชี่ยวเฝ้าอยู่ตลอด พี่สาวของแม่นางยู่จือ ปรากฏอยู่ตรงหน้าของนางอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร?”
“เจ้ายังสงสัยว่ากู้อ้าวเวยตีสองหน้า?” ท่าทีซ่านจินจื๋อเยือกเย็นลง สายตามองดูเฉิงซานที่อยู่ด้านข้างอย่างเฉียบคม
“ข้าน้อยแค่ต้องระมัดระวัง และจากการที่สืบความมากมายเช่นนี้ ข้าน้อยคิดว่า ความทรงจำของแม่นางยู่ชีงมีคนอื่นพยายามบีบบังคับป้อนให้จำ ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่สาวของยู่จือ มีความเป็นไปได้ว่าผู้หญิงตระกูลยู่สร้างเรื่องขึ้นมาเอง เพราะยังไงพวกนางก็เป็นเชื้อชาติอื่น ไม่ใช่คนแคว้นชางหลาน จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในแคว้นชางหลานทำไม” เฉิงซานคุกเข่าอยู่ตัวตรงอยู่ตรงหน้าซ่านจินจื๋อ
“ที่เจ้าสืบรู้มาเป็นความจริงหรือ?” ซ่านจินจื๋อยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“เป็นความจริงแน่นอน หากท่านอ๋องไม่เชื่อ สามารถส่งคนไปถามคนเก่าคนแก่ของจวนเฉิงเสี้ยงในตอนนั้นอีกก็ได้” เฉิงซานพูดอยู่เช่นนี้ แล้วก็ยกมือชักดาบยาวตรงเอวออกมา มือทั้งคู่ยื่นอยู่ตรงหน้าจวนซ่านจินจื๋อ “หากมีความเท็จ ขอท่านอ๋องลงโทษ”
เฉิงซานอาจจะคิดมากไป แต่จะไม่มีทางหักหลังซ่านจินจื๋อเด็ดขาด
ซ่านจินจื๋อก็รู้ข้อนี้เป็นอย่างดี