บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 9
บทที่ 9 เรื่องราวของต้นไม้
ก่อนที่กู้อ้าวเวยจะออกมา ยามที่สวมใส่ชุดนี้ ชิงต้ายยังได้ถามว่าสาบเสื้อของชุดนี้เป็นสีขาวในวันเช่นนี้สวมชุดแซมสีขาวไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกหรือ? กู้อ้าวเวยไม่ใส่ใจยังสวมชุดเก่าต่อ ทว่ายามนี้จากบริเวณหน้าอกชิงต้ายกลับมองไม่เห็นสีขาวเลยแม้แต่น้อย เลือดต้องหลั่งไหลเท่าใดจึงได้อาบย้อมหมดจดเช่นนี้
เบื้องหน้าสายตาของกู้อ้าวเวยยิ่งมายิ่งเลือนราง เสียงร้องอันตื่นตระหนกของชิงต้ายฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย ก่อนที่จะวูบลงไปคล้ายเห็นว่ามีคนวิ่งเข้ามาช่วยเหลือนาง เพียงแต่กู้อ้าวเวยไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะแยกแยะได้ว่าเป็นผู้ใด ก่อนที่จะหมดสติกู้อ้าวเวยมีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในหัว อย่าให้ฉันต้องตื่นมาอีกเลย ฉันประสบเคราะห์ร้ายมากเกินไปแล้ว
ฟ้าย่อมไม่เป็นไปตามที่คนลิขิต ไม่ว่าพระเจ้าจะทรมานด้วยเจตนาบางประการ หรือเป็นเพราะชีวิตที่แล้วนางได้สร้างบาปกรรมครั้งใหญ่ไว้ก็ตาม เพียงไม่นานกู้อ้าวเวยก็ฟื้นขึ้นมา เพียงแต่ไม่ใช่เพราะว่าร่างกายของนางดีขึ้น เป็นเพราะความเจ็บปวดต่างหาก
ทันทีที่ฟื้นขึ้นมาก็เห็นดวงตาแดงฉานของซ่านจินจื๋อ เขาแทบจะคว้าอกเสื้อของกู้อ้าวเวยกระชากขึ้นมาอย่างดุร้ายเพื่อดึงนางลุกจากเตียง “บอกมา! เจ้าเล่นกลอันใดกับพ่านเอ๋อร์ พ่านเอ๋อร์สลบตลอดจนถึงตอนนี้ ไข้ขึ้นสูง อีกทั้งยังพูดจาเลอะเลือนไม่หยุด! เจ้ามีเจตนาใดกันแน่? ข้าจะบอกเจ้าให้นะกู้อ้าวเวย พ่านเอ๋อร์เป็นตายร้ายดีอย่างไร เจ้าและตระกูลของเจ้าจะต้องฝังศพลงไปเป็นเพื่อนนาง!”
ชิงต้ายและหยินเชี่ยวคลานเข่าเข้ามาคุกเข่าคำนับศีรษะติดพื้น “ท่านอ๋อง คุณหนูของพวกเรายังมีแผลอยู่บนร่าง ขอร้องท่านโปรดเมตตาละเว้น หากยังทรมานต่อไป เกรงว่าชีวิตของคุณหนูคงสิ้นเป็นแน่เพคะ”
กู้อ้าวเวยกลับยกมือปรามชิงต้ายกับหยินเชี่ยว กล่าวน้ำเสียงแผ่วแบา “พวกเจ้าลุกขึ้นให้ข้า”
ชิงต้ายและหยินเชี่ยวมองหน้ากันและกันด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา ได้แต่มองดูกันไปมาโดยไม่ทราบความหมายของกู้อ้าวเวย ทว่าหลังจากนั้นกลับได้ยินเสียงคำรามของกู้อ้าวเวย “ไม่ได้ยินหรือ? ข้าบอกพวกเจ้าลุกขึ้นมาให้ข้า! พวกเจ้าเป็นคนของข้ากู้อ้าวเวย ไม่ใช่สุนัขของซ่านจินจื๋อ แสดงความหยิ่งทระนงออกมาให้ข้า วันนี้ข้าก็แค่ตายในน้ำมือของเดรัจฉาน พวกเจ้าได้รับอนุญาตแค่แก้แค้น ไม่อนุญาตให้ขอความเมตตา!”
ชิงต้ายกับหยินเชี่ยวตื่นตะลึงอีกครั้ง คุณหนูไม่เหมือนเดิม คุณหนูในอดีตแต่ไรมาไม่เคยมีแววตาเขย่าขวัญผู้คนที่แข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อน แต่ยามนี้ชิงต้ายและหยินเชี่ยวกลับรู้สึกได้ว่า คุณหนูในท่าทีเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้คนเคารพชื่นชม อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้น ยืนตรงอยู่ริมเตียงอย่างเงียบๆแต่ดวงตากลับถลึงจ้องซ่านจินจื๋ออย่างเอาเป็นเอาตาย คล้ายกับว่าหากเขากล้าทำอะไรที่เกินความจำเป็น ก็กล้าที่จะกระโจนเข้าใส่โดยไม่เสียดายชีวิต
ทันทีที่กู้อ้าวเวยเอ่ยปาก ซ่านจินจื๋อก็คลายมือออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ยามได้ยินประโยคที่ว่า “อนุญาตแค่แก้แค้น ไม่อนุญาตให้ขอความเมตตา” เขาเกิดความสั่นสะเทือนหลายส่วนในหัวใจ และยังมีอีกหลายส่วนที่แปลกจนไม่อาจอธิบายเป็นรูปธรรมได้ ซ่านจินจื๋อไม่เต็มใจใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง แต่เพลิงพิโรธกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่รู้เพราะสาเหตุใด ขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างกลับถูกกู้อ้าวเวยชิงพูดก่อน “หากท่านอ๋องยังไม่คลายโทสะ โปรดทำตามพระประสงค์ ร่างกายของข้าบางทีท่านอ๋องอาจจะยังไม่ทราบ ข้าเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ประสบหลายต่อหลายครั้ง เทพเซียนต้ากลัวก็ช่วยไม่ได้ คาดว่าท่านอ๋องคิดอยากให้ข้าไปยมโลกยืนสำรวจเส้นทางให้กับแม่นางพ่านเอ๋อร์ยอดดวงใจของท่าน ไม่เป็นไร ตกอยู่ในมือเงื้อมของท่าน เป็นข้าที่ตาบอดหาเรื่องใส่ตัวเอง ชีวิตตระกูลข้าก็คงต้องขึ้นอยู่กับวิธีการของท่านอ๋องแล้ว หากท่านอ๋องคลายซึ่งโทสะ เช่นนั้นก็โปรดกลับไปดูแลแม่นางพ่านเอ๋อร์ของท่านเถิด ข้าต้องทำแผล กู้อ้าวเวยเสียดายชีวิตยิ่ง”
หากยึดถือตามอารมณ์ดั้งเดิมของซ่านจินจื๋อ ในคำกล่าวของกู้อ้าวเวยได้เคลือบคำสาปแช่งให้ซูพ่านเอ๋อร์ตกตาย ย่อมต้องเดือดดาลในทันที แต่เมื่อมองสีหน้าไร้อารมณ์ของกู้อ้าวเวย กับเลือดสีแดงสดบนหน้าอก ในใจซ่านจินจื๋อกลับเกิดความอึดอัดขัดข้อง คิดจะอ้าปากแต่กลับพบว่าไร้ถ้อยวาจา ได้แต่แค่นเสียงเย็น สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
ทันทีที่ซ่านจินจื๋อจากไป กู้อ้าวเวยที่พยุงร่างไว้ไม่อยู่ก็อ่อนเปลี้ยลงไปกองกับพื้น ชิงต้ายและหยินเชี่ยวรีบเข้ามาประคองกู้อ้าวเวยกลับเตียง กุลีกุจอช่วยนางจัดการบาดแผล กู้อ้าวเวยห้ามปรามพวกนาง ให้พวกนางไปนำกระจกมาหนึ่งอัน เมื่อส่องกระจกกู้อ้าวเวยก็สำรวจบาดแผลอยู่ชั่วครู่ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีการอักเสบ ใจก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย อยากตำหนิตนเอง บาดแผลนี้เปิดฉีกประมาณห้าหกครั้งได้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีการติดเชื้อ ไม่รู้ว่าตนโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
ในยุคนี้ไม่มีเพนนิซิลิน (ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียอย่างแพร่หลาย) บาดแผลลึกขนาดนี้ถ้าหากติดเชื้อขึ้นมา โดยทั่วไปเท่ากับตัดสินว่าถึงแก่ชีวิตไปแล้ว ทำเพนนิซิลินขึ้นมาเอง กู้อ้าวเวยใช่ว่าจะไม่สามารถ เพียงแต่ไม่สามารถรับประกันตามเงื่อนไขการปลอดเชื้อ เพนนิซิลินที่ผลิตขึ้นมายังไม่แน่ว่าจะเป็นยาวิเศษที่ช่วยชีวิตหรือยาพิษที่พรากชีวิตกันแน่
หลังจากจัดการทำแผลเรียบร้อย กู้อ้าวเวยมองดวงอาทิตย์นอกหน้าต่างที่กำลังคล้อยสู่ทิศตะวันตก รู้แก่ใจคงไม่อาจกลับบ้านได้ในวันนี้ แม้ว่านางจะสามารถฝืนกลับไป ซ่านจินจื๋อก็คงไม่ยอมแยกจากกับยอดรักตัวปัญหาขี้โรคของเขา
อย่างไรก็ตามหากตนกลับไปเองก็คงเผชิญผู้คนเหยียดหยาม เหตุใดไม่ทำให้ตนเองสบายกว่านี้สักหน่อยเล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ดึกดื่นป่านนี้ กลับไปแล้วก็อยู่ไม่ได้นาน นางยังต้องการพบท่านตาเพื่อพูดคุยเรื่องถุงน้ำดีหงส์กับโลหิตมังกรหยกด้วย เนื่องจากของทั้งสองสิ่งนี้จึงถูกทรมานมาเนิ่นนาน ไม่แน่ใจว่ากู้อ้าวเวยจะกล้ำกลืนต่อไปได้จริง
ยังไม่รู้ว่าเป็นซ่านจินจื๋อที่ค้นพบมโนธรรม หรือซูพ่านเอ๋อร์มีใจปฏิพัทธ์ ห้าวันเต็มๆที่ซ่านจินจื๋อไม่ได้มาหาเรื่องกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยจึงได้โอกาสพักผ่อนหย่อนใจอย่างสงบ เนื่องจากห้าวันมานี้ชิงต้ายและหยินเชี่ยวดูแลอย่างเข้มงวด บาดจึงฟื้นฟูได้ดี หากไม่ใช่เพราะกู้อ้าวเวยความรู้กว้างขวางก็คงตกตะลึงกับความรวดเร็วในการฟื้นฟูของร่างกายนี้
แต่เมื่อนึกถึงเจ้าของร่างเดิมในอดีตที่เติบโตข้างกายนายท่านหยุนซึ่งรู้จักกันในนามฮว่าถัวกลับชาติมาเกิด ก็พอจะเข้าใจได้ นายท่านหยุนโปรดหลานสาวต่างแซ่ผู้นี้ขนาดนั้น เจ้าของร่างเดิมย่อมต้องเคยกินเห็ดหลินจือ บัวหิมะมาตั้งแต่เล็ก พื้นฐานร่างกายจึงกลับเป็นปกติมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่น่าเสียดายที่ความตระหนักในการเอาชีวิตรอดย่ำแย่เกิน ถูกผู้ชายเศษสวะอย่างซ่านจินจื๋อโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ร่วงสู่ปรโลก นี่จึงทำให้กู้อ้าวเวยกลายเป็นกู้อ้าวเวยอย่างทุกวันนี้
กู้อ้าวเวยล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ ได้ปฏิเสธการช่วยประคองจากชิงต้าย นางเดินเข้าไปในสวนด้วยตนเองเพื่อเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อ ภายในสวนมีต้นไม้สูงตระหง่านเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมาก กิ่งไม้เขียวชอุ่ม เมื่อมองดูความมีชีวิตชีวาที่ไม่รู้จบ กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ต้นไม้นี้คงต้องอยู่มาแล้วหลายสิบปีสินะ สูงดีจริง”
หยินเชี่ยวที่ยื่นถ้วยชาออกมาส่งถึงมือกู้อ้าวเวย ตอบด้วยความยิ้มแย้ม “อาจไม่หยุดแค่หลายสิบปี แต่เป็นร้อยๆปีเลยนะเจ้าคะ จะว่าไป ต้นไม้นี้ยังมีเรื่องเล่า คุณหนูอยากฟังหรือไม่?”