บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 905
บทที่ 905 ไม่เคยเห็น
“เรื่องนี้องค์ชายไม่ได้จัดการเจ้าค่ะ คุณหนู”
เฟิงฉีนเต็มซุปให้นางด้วยความปลอบใจ คุณชายคุณหญิงข้างๆกลับพูดเรื่องนี้สนุกกันใหญ่ เหมือนไม่รู้ความอันตรายของเมืองเทียนเหยียนเลย เสื้อผ้าหรูหราแค่ไหนก็ปิดปากเน่าเสียของพวกเขาไม่ได้
กู้อ้าวเวยสีหน้าเคร่งขรึมยกซุปขึ้นมาดื่มพรวดจนหมด ต่อมาก็อยู่เงียบๆสักพักจากนั้นก็เดินทางต่อ
ถนนทางเดินในป่าไปกลับแล้วหลายครั้ง กู้อ้าวเวยไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้เท่าไหร่ รอหลังจากสองวันเข้าเมือง ความเงียบข้างๆก็หายไป มีแต่เสียงที่วุ่นวาย ยังมีเสียงก่นด่าของทหารในเมือง: “วันนี้มีคนใหญ่คนโตจะออกนอกเมือง บนถนนจะขายของไม่ได้ เป็นผู้หญิงอย่ามาเดินกลางถนนแบบนี้!”
คำพูดแบบนี้น่าเอือมระอายิ่งนัก กู้อ้าวเวยรู้สึกแปลกๆ พึ่งเปิดม่านรถม้าออก ก็เห็นรถม้าสีดำทั้งคันข้างๆยังมีกระดิ่งห้อยไว้แปดด้านที่ขับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สายตานางหรี่ลงอยากเห็นชัดและให้เฟิงฉีนหยุดรถ แต่ม่านรถม้ากลับถูกตีกลับเกือบโดนหน้ากู้อ้าวเวยเข้าให้
เฟิงฉีนที่ขับรถม้าอยู่ก็ลดมือลง เตือนเสียงเบาว่า: “นั่นเป็นรถม้าของฮูหยินหยุนหว่าน แต่ตอนนี้ท่านยังไม่สะดวกให้เห็นหน้า”
กู้อ้าวเวยในความทรงจำยังไม่เคยเห็นหน้าท่านแม่คนนี้เลย ยังอยากจะเปิดม่านออก แต่กลับนึกถึงอะไรก็พิงลงไปตรงมุมรถอีกครั้ง ได้ยินเสียงรถม้าเดินออกไปไกลมากขึ้น นางถึงหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้รถม้าหยุดลงและเฟิงฉีนดึงนางลงจากรถม้า นางดึงแขนเสื้อตัวเองและเดินเข้าไปด้านในโดยไม่ขัดขืน
พอเข้าไปในจวนองค์ชายสาม ซ่านเวิ่งหานที่มารออยู่นาน พอเห็นกู้อ้าวเวยเข้ามาก็เดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มแต่ไกล รับนางต่อจากมือเฟิงฉีน: “ตลอดทางทำเจ้าลำบากไหม”
กู้อ้าวเวยส่ายหน้า ชักมือตัวเองกลับและจับแขนเสื้อซ่านเซิ่งหาน: “ข้าจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้ จึงจำไม่ได้ระหว่างพวกเราเกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องระหว่างเราไม่รีบร้อน ช่วงนี้เจ้าพักผ่อนไปก่อน ข้าต้องไปจวนอ๋องจิ้งเสียก่อน” ซ่านเซิ่งหานพานางเดินเข้าไปในบ้านเล็ก มองเฟิงเยว่ข้างๆไปด้วย พูดเสียงเบาว่า: “หาเรือนที่เงียบๆ ตึกสองชั้นละก็คงไม่สะดวกสำหรับนางเสียเท่าไหร่”
“เตรียมเสร็จแล้ว องค์ชายคงรีบร้อนจนลืมไปแล้ว” เฟิงเยว่พูดและมองซ่านเซิ่งหาน
ซ่านเซิ่งหานก็ตบหัวตัวเองเบาๆ วันก่อนเขาก็สั่งคนทำความสะอาดเสร็จแล้ว ทำไมถึงลืมไปได้นะ ยิ้มแห้งๆและพากู้อ้าวเวยไปในเรือนที่ไม่มีชื่อ พูดเสียงเบาว่า: “อยู่ที่นี่ก็ให้เฟิงเยว่ดูแลแล้วกัน ข้าไปก่อนนะ”
กู้อ้าวเวยจับเขาไว้: “จวนอ๋องจิ้งเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เสร็จอาวันนี้จะรับคนปลอมนั่นเข้ามาในจวน” ซ่านเซิ่งหานลังเลสักพักก็พูดออกไป
“อะไรปลอมเหรอ?” กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ นางได้ยินแค่ว่าคนร้ายด่านลั่วสุ่ยถูกจับแล้ว คนปลอมคนนี้คือใครอีก? ออกมาจากไหนกัน?
ซ่านเซิ่งหานบอกเรื่องกู้อ้าวเวยคนนั้นเสียงเบา และพูดต่อว่า: “แต่ว่านางก็ไม่ได้หลอกอะไรข้า”
“ข้าก็จะไป” กู้อ้าวเวยจับแขนเสื้อเขาไว้แน่น เงยหน้ามองเขา: “เจ้าทำให้ข้าไม่ได้เจอท่านแม่ ตอนนี้หรือว่าอยากซ่อนข้าไว้ที่ตัวเจ้าเพื่อให้เจ้าได้ใช้งาน?”
เยว่ที่อยู่ข้างๆก็ร้อนรนจนกระทืบเท้าแรง: “นางฉลาดมาตลอด ถ้าปล่อยออกไปเดี๋ยวก็ได้เปลี่ยนใจหรอก!”
เฟิงฉีนที่พึ่งเดินเข้ามาก็รีบอุดปากนางไว้: “องค์ชายรู้ว่าควรจะทำยังไงกับนาง เจ้าก็จัดการเรื่องตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ดูแลฮูหยินดีๆ ตอนนี้นางตื่นหลายวันแล้ว ตระกูลฉางทางนั้นก็ซ่อนนางไว้ได้อีกไม่นาน”
พูดแล้ว ก็รีบดึงออกไปทันที เฟิงเยว่ข้างๆก็ถึงโล่งอก
สีหน้าซ่านเซิ่งหานดูลำบากใจมาก แต่กู้อ้าวเวยยังไม่ปล่อยไปง่ายๆ: “ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าใครดีกับข้า”
“ได้” ซ่านเซิ่งหานกลับตั้งสติ และตอบตกลงไป
เฟิงเยว่ยิ้มอ่อนๆเดินขึ้นไปแต่งตัวให้กู้อ้าวเวยนิดหน่อย และสั่งว่า: “แม้จะถูกจำได้ก็ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น”
แต่งตัวนั้น ก็แค่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ทับไว้เท่านั้น ตรงรอบแขนเสื้อยังมีเส้นด้ายสีทอง ตรงเอวยังมีเชือกมัดเอวที่มีรอยเลือดนกพิราบประมาณเท่านิ้วโป้ง ส่วนใหญ่คนที่แต่งตัวแบบนี้ก็เป็นหญิงระบำที่ถูกคนในจวนอ๋องหรือพวกขุนนางเลี้ยงไว้ในบ้าน พูดน่าเกลียดหน่อยก็คือผู้หญิงที่ยังเทียบไม่ได้กับฮูหยินรองในบ้านเลย
ซ่านเซิ่งหานหน้าเคร่งขรึมรู้สึกรำคาญ กู้อ้าวเวยเรียนพวกมารยาทมาบ้างตั้งแต่เด็ก จึงปัดมือให้ซ่านเซิ่งหานพูดว่า: “ก็แค่เดินไปแป็บเดียว ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังใส่ผ้าปิดหน้าไป ไม่เสียชื่อเสียงอะไรหรอก”
“เจ้าพักผ่อนที่นี่ก่อนก็ได้นะ”
“ถ้าข้าไป เจ้าลองเดาสิพวกเขาจะคิดไหมว่าการหายตัวไปของข้าจะเป็นฝีมือข้าหรือเปล่า” กู้อ้าวเวยกระตุกยิ้มมุมปาก หรี่ตาลงดึงแขนเสื้อซ่านเซิ่งหานไว้ และพูดเสียงเบาว่า: “พวกเจ้าอยากลองใจข้ามาตลอด ข้าก็อยากลองใจพวกเจ้าบ้างเป็นอะไรไป”
ผ้าคลุมหน้าที่ปิดบ้างไม่ปิดบ้างทำให้คนมองตาสีเทาไม่ออก คงไม่มีคนมองออก
ตามซ่านเซิ่งหานไปถึงจวนอ๋องจิ้ง ข้ารับใช้มากมายในจวนอ๋องจิ้งต่างมองดูกู้อ้าวเวยตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนตกใจที่องค์ชายสามพานางบำเรอมา และยังพาเข้ามาในจวนอ๋องจิ้งอีกต่างหาก
“อยากจะดูถึงเมื่อไหร่กัน?” ซ่อนกู้อ้าวเวยไว้ด้านหลัง
พวกข้ารับใช้ก็ต่างลดสายตาลง รู้นานแล้วว่าวันนี้องค์ชายสามจะมาที่จวน จึงเปิดทางให้ ยัยไง่หงที่ทำตามคำสั่งกู้อ้าวเวยเดินนำทางทั้งสองเข้าไป ให้ ‘กู้อ้าวเวย’ คนนั้นที่กลับมาจากด่านลั่วสุ่ยพักอยู่ในเรือนใหญ่
ยัยไง่หงมองดูผู้หญิงข้างตัวองค์ชายสามอย่างสงสัย และลดตาลงอย่างเร็ว ไม่พูดอะไรมาก
เรือนหลักด้านในวุ่นวายมาก พวกข้ารับใช้ยกของไปๆกลับๆ ซ่านจินจื๋อแต่งตัวธรรมดานั่งอยู่บนที่นั่ง และคนที่ชื่อว่า ‘กู้อ้าวเวย’ คนนั้นกลับนั่งอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังพูดคุยอะไรกับซ่านจินจื๋ออยู่ รอจนองค์ชายสามพากู้อ้าวเวยเข้ามา เสียงก็หยุดลง กู้อ้าวเวยพยักหน้าให้องค์ชายสามและยกชาขึ้นมาดื่มต่อ
และซ่านเซิ่งหานกลับมองดูหญิงชุดขาวอย่างสงสัย เลิกคิ้วขึ้น: “ท่านนี้คือ……”
กู้อ้าวเวยตั้งใจขยับไปด้านหลังซ่านเซิ่งหานหนึ่งก้าว ก็เห็นโม่ซานกับโม่อีเดินออกมาข้างๆ นางก็ใช้ตัวซ่านเซิ่งหานบังตัวเองไว้ เงยหน้าขึ้นมามองเขาช้าๆ ซ่านเซิ่งหานดึงนางลงมานั่ง สั่งคนให้ส่งของขวัญขึ้นไป
นั่งลงข้างซ่านเซิ่งหาน นางมองดูคนที่หน้าตาคล้ายกับตัวเอง
“นางคือ……”
กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นดึงหมวกลงมาเบาๆ แสร้งทำเป็นนอนอิงซ่านเซิ่งหาน
ซ่านจินจื๋อทำหน้าเคร่งทันที: “ในจวนข้าไม่อนุญาตให้คนที่ไม่รู้จักเข้ามาด้านใน?”
ซ่านเซิ่งหานจับมือนางไว้ พูดว่า: “นางเป็นน้องสาวของอนุภริยาของข้า นิสัยเขินอายไม่กล้าเข้าใกล้ใคร นับข้าเป็นพี่ใหญ่ตั้งแต่เด็ก จึงอยู่กับข้ามาโดยตลอด ที่แต่งตัวแบบนี้ก็เพื่อเดินทางสะดวกหน่อย ต้องขออภัยเสร็จอาด้วย”
กู้อ้าวเวยที่แต่งตัวหรูหราข้างๆก็กลับเลิกคิ้วขึ้นมา
ซ่านเซิ่งหานมีอนุภริยาแค่คนเดียวคือเยว่ และเยว่ก็เป็นแค่ลูกน้องของเขา เป็นเช่นนี้แล้ว คนนี้ก็เป็นหนึ่งในลูกน้องของเขา?